ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนัก และเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย ผู้เขียนจึงแต่งนิทานเรื่องนี้ เพื่อถวายความอาลัย และเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ ได้รำลึกถึงพระเมตตาของพระราชาผู้เป็นที่รัก และน้อมนำสิ่งที่พระองค์ทรงสอน เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง และประเทศชาติสืบไป หวังว่าคุณพ่อ คุณแม่ คุณครู จะส่งต่อนิทานเรื่องนี้ให้เด็ก ๆ ได้อ่านกันนะครับ
นิทาน พระราชาผู้เป็นที่รัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเทวดาองค์หนึ่งอยากช่วยเหลือผู้คน ที่เชื่อแต่เรื่องโชคชะตา จนลืมพึ่งพาความสามารถของตัวเอง
เทวดาองค์นี้จึงสละความสุขสบายบนสวรรค์ชั้นฟ้า แล้วลงมาเกิดเป็นเจ้าชายองค์น้อย เพื่อหาวิธีทำให้ชาวเมืองทุกคนเห็นว่า มนุษย์สามารถทำสิ่งใดก็ได้ หากมีความตั้งใจและไม่ย่อท้อ
เจ้าชายองค์น้อยเริ่มแสดงให้ชาวเมืองได้เห็นว่า มนุษย์สามารถทำสิ่งใดก็ได้ หากมีความตั้งใจและไม่ย่อท้อ ด้วยการฝึกหัดวาดรูป ซึ่งพระองค์ไม่เคยมีทักษะมาก่อน เจ้าชายใช้เวลาเรียนรู้และฝึกฝนอยู่นาน จนกระทั่งเวลาผ่านไปราว 1 ปี ในที่สุด พระองค์ก็วาดรูปได้งดงามสมดังที่ตั้งใจเอาไว้
แต่อนิจจา เมื่อชาวเมืองได้เห็นภาพวาดของเจ้าชาย แทนที่ชาวเมืองจะเล็งเห็นถึงความพยายามของเจ้าชายในการทุ่มเทฝึกฝน พวกเขากลับเชื่อว่า ความสามารถในการวาดภาพของเจ้าชาย คงเกิดจากโชคชะตาที่กำหนดให้เจ้าชายมีพรสวรรค์ในด้านนี้
เมื่อเจ้าชายเห็นว่าไม่ได้ผล พระองค์จึงเปลี่ยนจากการวาดภาพไปฝึกหัดเล่นดนตรีและแต่งเพลง ซึ่งน่าจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า เจ้าชายทรงฝึกฝนเล่นดนตรีและแต่งเพลง ด้วยความตั้งใจและไม่ย่อท้อ ในที่สุด เจ้าชายก็เล่นดนตรีได้คล่องแคล่ว และสามารถแต่งเพลงได้สำเร็จ
แต่อนิจจา เมื่อชาวเมืองได้ฟังเพลงของเจ้าชาย แทนที่ชาวเมืองจะเล็งเห็นถึงความพยายามของเจ้าชายในการทุ่มเทฝึกฝน พวกเขากลับเชื่อว่า ความสามารถในการเล่นดนตรีและแต่งเพลงคงเกิดจากโชคชะตาที่กำหนดให้เจ้าชายมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ซึ่งเป็นพรสวรรค์ในด้านศิลปะเช่นเดียวกับการวาดภาพ
เมื่อเจ้าชายเห็นว่าชาวเมืองยังคงไม่เข้าใจ ซ้ำยังเชื่อมโยงว่าพระองค์มีความถนัดในด้านศิลปะเป็นพิเศษ เจ้าชายจึงตัดสินใจเริ่มฝึกฝนการเล่นกีฬาเรือใบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ทางศิลปะ โดยพระองค์ทรงฝึกหัดเล่นเรือใบด้วยความตั้งใจและไม่ย่อท้อ จนในที่สุด เจ้าชายก็สามารถบังคับเรือใบได้คล่องแคล่ว อย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน
แต่อนิจจา เมื่อชาวเมืองได้เห็นความสามารถในการเล่นเรือใบของเจ้าชาย แทนที่ชาวเมืองจะเล็งเห็นถึงความพยายามของเจ้าชายในการทุ่มเทฝึกฝน พวกเขากลับเชื่อว่า ความสามารถในการเล่นกีฬา อาจเป็นความสามารถอีกอย่างที่โชคชะตาได้กำหนดไว้
ความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่หยั่งรากลึก ทำให้ชาวเมืองมองไม่เห็นเจตนาของเจ้าชายที่ต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าของความตั้งใจและความไม่ย่อท้อ ที่ทำให้มนุษย์สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งโชคชะตาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเจ้าชายเห็นว่า ความพยายามที่ผ่านมานั้นไร้ผล พระองค์จึงตั้งใจ ทำสิ่งที่ท้าทายโชคชะตา และเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เพื่อแสดงให้ชาวเมืองได้ประจักษ์ ถึงพลังแห่งความตั้งใจและความไม่ย่อท้อของมนุษย์
เจ้าชายองค์น้อยใช้เวลาสังเกตและครุ่นคิดอยู่นานหลายเดือน พระองค์ทรงเห็นว่า เมืองของพระองค์มีปัญหาเรื่องความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ไม่ตกต้องตามฤดูกาล บางที หากพระองค์สามารถ ควบคุมให้ฝนตกได้ดังใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ ชาวเมืองอาจตาสว่างและเข้าใจสิ่งที่พระองค์ ต้องการให้พวกเขาได้รับรู้
เมื่อเจ้าชายคิดเช่นนั้น พระองค์จึงเริ่มต้นศึกษาข้อมูล จากตำราวิทยาศาสตร์ที่มีการนำสารต่าง ๆ มาผสมกันเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง
เจ้าชายใช้เวลาศึกษาและทดลองด้วยความตั้งใจและไม่ย่อท้ออยู่นานหลายปี ทั้งยังศึกษาเกี่ยวกับการสร้างเรือลอยฟ้า เพื่อหาวิธีนำสารต่าง ๆ ไปโปรยที่ก้อนเมฆ ครั้นเมื่อพระองค์ทดลองจนเกิดความมั่นใจแล้วพระองค์จึงป่าวประกาศให้ชาวเมืองได้ทราบว่า พระองค์จะฝืนโชคชะตาและธรรมชาติ โดยการทำให้ฝนตกในฤดูที่แห้งแล้งที่สุด ซึ่งหากพระองค์ทำได้สำเร็จ ก็ขอให้ชาวเมืองเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความพยายาม และความไม่ย่อท้อของมนุษย์ ไม่ได้เกี่ยวกับโชคชะตาเลยแม้สักนิด
ทันทีที่ชาวเมืองได้ฟัง ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะเจ้าชายองค์น้อย เพราะไม่มีใครคิดว่า ในโลกใบนี้จะมีใครสามารถบังคับให้ฝนตกตามอำเภอใจได้
แต่หลังจากที่เจ้าชายนำสารขึ้นเรือลอยฟ้าไปปล่อยบนก้อนเมฆได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมา
ซึ่งในตอนแรก แม้ชาวเมืองจะยังไม่เชื่อและอ้างว่าเป็นความบังเอิญ แต่เมื่อเจ้าชายทำให้ดูซ้ำ ๆ จนทุกคนประจักษ์ว่าฝนที่ตกนั้น เกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าชาย ชาวเมืองทุกคนจึงตาสว่าง และเริ่มตระหนักว่า ความตั้งใจและความไม่ย่อท้อของมนุษย์ ทำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย มิใช่ทุกสิ่งถูกกำหนดด้วยโชคชะตาอย่างที่ทุกคนเคยเชื่อมาโดยตลอด
เจ้าชายองค์น้อยทรงดีใจที่ความพยายามของพระองค์ประสบผลสำเร็จ ครั้นเมื่อเจ้าชายทรงเติบโตและได้ครองราชย์ พระองค์ก็ดำรงตนเป็นต้นแบบ และเปิดโอกาสให้ชาวเมืองได้ใช้ความสามารถ ในการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า ตลอดช่วงรัชสมัยที่พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองอยู่
แม้การพัฒนาบ้านเมืองจะเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อชาวเมืองมีความตั้งใจและไม่ย่อท้อในการแก้ปัญหาต่าง ๆ จนพัฒนาบ้านเมืองได้สำเร็จ พวกเขาก็เกิดความมั่นใจที่จะพึ่งพาตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุด เมื่อถึงเวลา ที่พระราชาต้องกลับไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า ชาวเมืองก็พร้อมที่จะดูแลบ้านเมือง ด้วยพลังของตนเองได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้น
และนี่คือนิทาน ซึ่งมีที่มาจากเรื่องราวของพระราชาในโลกความเป็นจริง พระราชาของประเทศเล็ก ๆ ที่รักประชาชนมากที่สุด และเป็นที่รักของประชาชนมากที่สุด
พระราชาผู้ทุ่มเทชีวิตในการสร้างประโยชน์แก่ประชนชนทุกลมหายใจ พระราชาผู้ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” พ่อหลวงของคนไทยทุก ๆ คน
ท่านที่อยากดูนิทานเรื่องนี้ในแบบคลิปวิดีโอ สามารถดูได้ที่ ยูทูบ “พระราชาผู้เป็นที่รัก” ตามลิงค์นี้
หวังว่าเด็ก ๆ จะได้ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้นะครับ และถ้าเด็ก ๆ คนไหนอยากรู้เกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ลองถามคุณพ่อคุณแม่ หรือ คุณครูนะครับ พี่เชื่อว่า ทุก ๆ ท่านจะเล่าให้เด็ก ๆ ฟังได้อย่างไม่รู้จบ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้เป็นที่รัก ของคนไทยทุกคนจริง ๆ
คลิปสัมภาษณ์ผู้แต่งนิทานพระราชาผู้เป็นที่รัก
หมายเหตุ :
เรื่องโดย : นำบุญ นามเป็นบุญ
ภาพประกอบโดย : คณิตศาสตร์ เสมานพรัตน์

ขอบคุณที่สร้างสรรค์นิทานที่งดงามนี้ ให้เด็กๆ ได้ซึมซับความดีงามของในหลวง ร.9 ผู้เป็นที่รักของปวงชน ให้ความดีงามของท่านยังสถิตย์อยู่ในใจพวกเราตลอดไป… ขอบคุณจากหัวใจค่ะ
ขออนุญาตนำนิทานเรื่องนี้ไปเล่าให้นักเรียนที่ ร.ร.ฟังนะคะ
LikeLike
ด้วยความยินดีครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
LikeLike
อ่านเรื่องนี้ทีไร น้ำตาซึมทุกครั้งคะ คิดถึงพระองค์ (วันนี้ขอตามมาในเว็บนะคะ😊)
LikeLike
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ รักษาสุขภาพนะครับ
LikeLike