นิทานก่อนนอนเรื่องนี้มีที่มาจากเรื่องจริง! เป็นนิทานแห่งยุคสมัย ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) หวังให้พวกเราช่วยกันแก้ไขคำสาปให้ได้ด้วยตัวของเราเอง ผมหวังว่านิทานเรื่องนี้จะมีแง่มุมที่เป็นประโยชน์และเป็นนิทานที่ให้คติสอนใจเรื่องความกตัญญูแก่เด็ก ๆ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง คุณยายที่กลายเป็นหิน
กาลครั้งหนึ่ง มีคุณยายคนหนึ่งเป็นคนที่รักหลานมาก ทุกวัน คุณยายจะตื่นมาแต่เช้า เตรียมปิ่นโตให้หลาน แล้วอวยพรให้หลาน ๆ เดินทางไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย ส่วนตอนเย็น คุณยายก็จะจัดสำรับแสนอร่อย เพื่อรอให้หลาน ๆ กลับมากินข้าวด้วยกัน
เมื่อเวลาผ่านไป หลานแต่ละคนก็ค่อย ๆ โตเป็นผู้ใหญ่และเริ่มใส่ใจคุณยายน้อยลง ๆ ต่างคนต่างก็สนใจแต่เรื่องของตัวเอง จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง หลานเกือบทุกคนก็แทบจะไม่มีใครพูดคุยกับคุณยายอีกเลย!
คุณยายงุนงง, เสียใจ แต่ก็ไม่รู้เหตุผลที่ทำให้หลาน ๆ เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันที่หลานหลายคนกำลังจะออกเดินทางไปอยู่ที่อื่น คุณยายได้รวบรวมความกล้า แล้วพูดกับหลาน ๆ อย่างน่าสงสารว่า “ถ้ายายทำอะไรผิดไป ยายขอโทษนะ หลาน ๆ ช่วยคุยกับยายบ้างได้ไหม”
หลานคนโตเดินจากไปโดยไม่สนใจฟังคำของคุณยายเลยสักนิด ทั้งนี้เพราะเธอกำลังคร่ำเคร่งค้นคว้าสูตรยาที่น่าจะสร้างกำไรให้เธอได้อย่างมากมายมหาศาล เมื่อหลานคนโตไม่สนใจคุณยาย เท้าของคุณยายก็ค่อย ๆ แข็งและกลายเป็นหิน
ในขณะเดียวกัน หลานคนรองก็ไม่สนใจฟังคำของคุณยายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะเขากำลังสนุกกับการลงทุนค้าขายทองคำ ซึ่งเมื่อหลานคนรองไม่เห็นความสำคัญของคุณยาย ร่างกายของคุณยายจึงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงและกลายเป็นหิน
นอกจากหลานทั้งสองคนแล้ว หลานคนที่สามก็หันหลังให้คุณยายโดยไม่สนใจคุณยายเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้เพราะเขากำลังมีความฝัน…ฝันอยากเป็นนักร้อง ซึ่งเมื่อหลานไม่แยแสคุณยาย ศีรษะของคุณยายจึงค่อย ๆ กลายเป็นหิน
ในขณะที่หลานสามคนแรกไม่สนใจคุณยายเลย หลานคนที่สี่กลับรักคุณยายมาก เขามองไม่เห็นความผิดใด ๆ ที่คุณยายต้องกล่าวคำขอโทษ เขารีบกุมมือคุณยายด้วยความรัก ซึ่งพลังแห่งรักนี้เองทำให้หัวใจของคุณยายยังคงเต้นได้ตามปกติและไม่กลายเป็นหินเหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ
หลายปีผ่านไป หลานทั้งสามที่มัวหลงเพลินกับการค้นคว้า, การหาเงินและการตามล่าความฝันต่างก็พบกับปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อแต่ละคนทุกข์และรู้สึกเคว้งคว้าง พวกเขาก็นึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของคุณยายที่พวกเขาคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก หลานทั้งสามต้องการความรักและกำลังใจจากคุณยายมาก หลาน ๆ จึงกลับมาที่บ้าน แล้วมองหาคุณยายที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมองข้าม
ณ เวลานั้น หลานทั้งสามเพิ่งทราบว่า คุณยายของพวกเขาได้กลายเป็นหิน โดยมีเพียงหัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นอยู่
หลานทั้งสามเสียใจที่ตนเองเคยเฉยชากับคุณยายจนคุณยายต้องกลายเป็นหิน หลานคนโตจึงเสนอว่า ถ้าคุณยายกลับมาเหมือนเก่า เขาจะหายาดี ๆ มาให้คุณยายกินบำรุงกำลัง ส่วนหลานคนรองเสนอว่า เขาจะมอบเงินสะสมทั้งหมดให้คุณยายเอาไว้ใช้จ่าย ฝ่ายหลานคนที่สามก็เอ่ยปากว่า เขาจะร้องเพลงกล่อมคุณยายให้คุณยายมีความสุข
แต่ยาบำรุง, เงินทองหรือเสียงเพลงไม่อาจทำให้คุณยายกลับมาเป็นเหมือนดังเก่าได้ หลานทั้งสามเสียใจมาก พวกเขารู้สึกผิดและทุกคนก็พากันร้องไห้
ในขณะที่หลานทั้งสามกำลังเศร้าโศก หลานคนสุดท้องก็เดินมาหาคุณยาย แล้วก้มลงกราบ จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นสวมกอดคุณยาย ซึ่งมันเป็นพลังอันสำคัญที่ทำให้คุณยายยังคงมีชีวิต
เมื่อหลานคนเล็กกอดคุณยายได้สักพัก เขาก็หันมามองพี่ ๆ แล้วบอกว่า.“บางทีการกราบและการกอดอาจทำให้เกิดสิ่งดี ๆ บางอย่างขึ้นมาก็ได้นะ”
เมื่อทุกคนได้ฟัง พวกเขาจึงลองทำตาม โดยหลานทั้งสามก้มกราบขอโทษคุณยายด้วยความสำนึกผิด จากนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตรงเข้ากอดคุณยายด้วยความรัก
ความอบอุ่นจากพลังแห่งความรักที่หลาน ๆ มีต่อคุณยายทำให้หินซึ่งกักขังร่างกายของคุณยายแตกออกเป็นฝุ่นผง และมันก็ทำให้คุณยายได้กลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง
ณ เวลานี้ หลาน ๆ รู้แล้วว่า คุณยายมีค่าต่อพวกเขามากเพียงไหน หลานทั้งสามขอบใจน้องคนเล็กที่ดูแลคุณยายและให้สติพวกเขา พวกเขาสัญญาว่าจะไม่ยอมทอดทิ้งให้คุณยายต้องเหงาอีก จากนั้น หลานทั้งหมดก็แย่งกันกอดและแย่งกันหอมคุณยายเหมือนตอนที่พวกเขายังคงเป็นเด็ก ๆ
#นิทานนำบุญ
………………………………….
