นิสัยช่างติ หรือด่าทอกัน โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ เป็นสิ่งที่ไม่ดี นิทานเรื่องนี้อาจจะให้แง่มุมที่เป็นประโยชน์แก่เด็ก ๆ รวมทั้งคนช่างติ ว่าจริง ๆ แล้ว สิ่งที่พวกเขาควรทำมากกว่าการเพ่งโทษผู้อื่น คืออะไรกันแน่ ลองอ่านกันนะครับ
นิทานเรื่อง ลูกหมูจอมติ
ลูกหมูตัวหนึ่งมีนิสัยช่างติ ไม่ว่ามันเห็นใครทำอะไร มันก็จะหาเรื่องติได้เสมอ
วันหนึ่ง ลูกหมูเดินผ่านบ้านของกระต่ายน้อยขนปุย เจ้ากระต่ายกำลังทดลองปลูกดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ตามตำราที่ยืมมาจากห้องสมุด เมื่อลูกหมูเห็นดอกไม้ในแปลงที่ดูไม่สวยนัก มันจึงติกระต่ายน้อยขนปุยว่า “แหม! จะปลูกดอกไม้ให้เนื้อตัวมอมแมมไปทำไม แถมดอกไม้ที่ปลูกก็ไม่เห็นจะสวยเลยสักนิด ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านขายดอกไม้ดีกว่าไหม ไม่รู้จักคิดเอาซะเลย”
ต่อมา ลูกหมูไปพบลูกช้างตัวหนึ่งกำลังหัดใช้งวงวาดภาพบนผืนผ้าใบ ลูกช้างฝึกวาดภาพเป็นสิบ ๆ ภาพ แต่ภาพที่ลูกช้างวาดดูไม่สวยสักเท่าไร เมื่อลูกหมูเห็น มันจึงติลูกช้างว่า “แหม! วาดภาพอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นสวยเลย ฝีมือแค่นี้ไปซื้อภาพที่เค้าวาดเสร็จแล้วไม่ดีกว่าเหรอ ไม่รู้จักคิดเอาซะเลย”
ครั้นเมื่อลูกหมูเดินผ่านบ้านของลูกวัว ตอนนั้น ลูกวัวกำลังหัดทำขนมเค้กอยู่ แต่เนื่องจากลูกวัวเพิ่งหัดทำขนมเค้กได้ไม่กี่ครั้ง เค้กจึงไหม้เพราะอบนานไปหน่อย เมื่อลูกหมูเห็นเช่นนั้น มันจึงติว่า “แหม! ทำขนมเค้กอะไรก็ไม่รู้ เหม็นไหม้จัง ฝีมือแค่นี้ไปซื้อขนมเค้กมากินง่ายกว่าไหม ไม่รู้จักคิดเอาซะเลย”
ลูกหมูเดินต่อไปจนพบลูกแกะตัวหนึ่งกำลังหัดทำของเล่นก๊อก ๆ แก๊ก ๆ จากเศษกิ่งไม้และวัสดุเหลือใช้ ของเล่นของลูกแกะยังดูไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไร เพราะเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรก ๆ เมื่อลูกหมูเห็นดังนั้น มันจึงติว่า “แหม! จะมานั่งทำของเล่นกระจอก ๆ ให้เหนื่อยไปทำไม ไปซื้อเอาสิ ไม่รู้จักคิดเอาซะเลย”
ยิ่งนานวัน ลูกหมูก็ยิ่งหาเรื่องติผู้อื่นได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกัน สัตว์ต่าง ๆ ทั้งกระต่ายน้อยนักปลูกดอกไม้, ลูกช้างนักวาดรูป, ลูกวัวนักทำขนมและลูกแกะนักทำของเล่นก็ค่อย ๆ เชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ลูกกระต่ายก็ปลูกดอกไม้ได้งดงามจนใคร ๆ ต่างเอ่ยปากชม, ส่วนลูกช้างก็วาดรูปได้อย่างมีเอกลักษณ์จนได้ทุนเรียนต่อในโรงเรียนศิลปะ, ฝ่ายลูกวัวก็ทำขนมเค้กได้อร่อยและมีลูกค้ามากมายมาเข้าคิวรอซื้อ, ส่วนลูกแกะก็คิดสร้างสรรค์ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติจนบริษัททำของเล่นขนาดใหญ่มาทาบทามขอให้ช่วยออกแบบของเล่นให้
เมื่อลูกสัตว์ต่าง ๆ ที่พยายามเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจมีความสามารถเพิ่มขึ้นจนประสบความสำเร็จในชีวิต เจ้าลูกหมูจอมติก็เริ่มจ๋อย เพราะตัวมันเก่งแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือเรื่องติผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรเลย
เจ้าลูกหมูสำนึกผิด มันจึงแอบเดินไปร้องไห้อยู่ตามลำพังที่หลังโรงเรียน เมื่อลูกสัตว์ตัวอื่น ๆ เห็นเข้า พวกมันจึงพากันไปปลอบใจ พร้อมกับให้ข้อคิดว่า “การติผู้อื่นเป็นเรื่องง่าย แต่การติเรื่อยเปื่อยไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย สู้เอาเวลาไปเรียนรู้และทดลองทำสิ่งที่ชอบจนเกิดความชำนาญไม่ได้หรอก ยังไงก็ตาม…ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้หรอกนะ เพราะฉะนั้น ถ้าเธอสนใจเรื่องอะไรก็ลองลงมือทำดู เดี๋ยวก็เก่งเองแหละ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อน ๆ ลูกหมูก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น หลังจากวันนั้น มันจึงเลิกติผู้อื่น แล้วใช้เวลาเรียนรู้สิ่งที่มันชอบ จนในที่สุด มันก็เก่งทันเพื่อน ๆ
เจ้าลูกหมูดีใจที่มันกลับตัวกลับใจได้ทัน นับจากนั้น มันก็ไม่เคยติใคร ๆ อีกเลย
#นิทานนำบุญ
……………………

เจอแล้ววว
กล้องถ่ายรูป จาก อั๊กฟ่า
LikeLiked by 1 person
เหลืออีก 2 นะคร้าบ
LikeLike