นิทานก่อนนอนเรื่อง “เกาะขาวดำ” เป็นนิทานอ่านง่าย ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับเกาะที่ไร้สีสัน ยกเว้นสีขาวกับสีดำ นิทานในลักษณะนี้เหมาะที่จะใช้เป็นนิทานเพื่อจุดประกายจินตนาการให้เด็ก ๆ ทั้งยังสามารถนำไปใช้เป็นสื่อก่อนนำเข้าสู่การทำกิจกรรมด้านศิลปะ โดยเฉพาะในเรื่องของสี หวังว่านิทานเรื่องนี้จะถูกใจทุก ๆ คนนะครับ
นิทานเรื่อง เกาะขาวดำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเกาะที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่สีขาวและสีดำ!
วันหนึ่ง สัตว์ที่เนื้อตัวเป็นสีขาวและสีดำตามธรรมชาติอย่าง หมีขาว, อีกา, ม้าลาย, นกเพนกวินและหมีแพนด้า ได้มาขอร้องเด็กน้อยให้ช่วยหาวิธีเติมสีสันให้เพื่อน ๆ ของมัน รวมถึงต้นไม้และดอกไม้ต่าง ๆ เพราะการที่ต้นไม้ดอกไม้ไม่มีสีสันทำให้พวกมันดึงดูดแมลงให้มาช่วยผสมเกสรไม่ได้ หรือการที่สัตว์อีกหลายชนิดไม่มีสีสันส่งผลให้พวกมันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คู่เคียงกาย
เมื่อเด็กน้อยได้ฟังคำขอร้องของสัตว์ต่าง ๆ เขาจึงตัดสินใจไปปรึกษานางฟ้าผู้ดูแลเกาะขาวดำแห่งนั้น
เมื่อเด็กน้อยไปปรึกษานางฟ้า นางฟ้าอยากทดสอบเด็กน้อยสักหน่อย จึงมอบถุงวิเศษขนาดใหญ่ให้เด็กน้อยสามถุง แล้วบอกกับเด็กน้อยว่า “เธอลองพายเรือออกจากเกาะแล้วไปขอสีสันจากธรรมชาติมาใส่ในถุงวิเศษเหล่านี้ดูนะ เธอมีโอกาสขอสีได้เพียงสามสี ถ้าเธอเลือกสีได้เหมาะสม เธอก็จะมอบสีให้ทุกสิ่งทุกอย่างในเกาะของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ”
การที่เด็กน้อยมีโอกาสเลือกเก็บสีสันได้เพียง 3 สีทำให้เขารู้สึกลำบากใจไม่ใช่น้อย ทั้งนี้เพราะในความเป็นจริง การเติมสีสันให้ต้นไม้ดอกไม้และสัตว์ต่าง ๆ นั้น ต้องใช้สีมากกว่าสามสี
เด็กน้อยอึดอัดใจอยู่สักพัก แต่เมื่อเขาตั้งสติแล้วค่อย ๆ คิด ไม่นานนัก ความคิดบางอย่างก็สว่างวาบขึ้นในใจของเขา เด็กน้อยยิ้มพร้อม ๆ กับหัวใจที่พองโตด้วยความเชื่อมั่น จากนั้น เขาก็รีบออกเรือเพื่อไปเก็บสีมาใส่ในถุงวิเศษทันที
เด็กน้อยไปเก็บสีแดงจากดวงอาทิตย์มาใส่ในถุงวิเศษใบที่หนึ่ง จากนั้นก็ไปเก็บสีเหลืองจากดวงจันทร์มาใส่ในถุงใบที่สอง แล้วจึงไปเก็บสีน้ำเงินจากท้องทะเลมาใส่ในถุงวิเศษใบที่สาม
ครั้นเมื่อเด็กน้อยพายเรือกลับเข้าสู่ฝั่งพร้อมกับนำถุงวิเศษที่บรรจุสีสามสีอันได้แก่ สีแดง สีเหลืองและสีน้ำเงินกลับมาด้วย สัตว์ทั้งหลายก็พากันซุบซิบและคิดว่าถึงอย่างไรเด็กน้อยก็คงไม่มีทางทำให้สิ่งต่าง ๆ บนเกาะมีสีสันสวยสมจริงตามธรรมชาติได้แน่ ๆ แต่เมื่อเด็กน้อยเริ่มล้วงสีจากในถุงแล้วนำมาปั้นผสมกันที่มือของเขา ก่อนที่จะนำไปป้ายตามเนื้อตัวของสิ่งทั้งหลาย พวกสัตว์ก็ได้เห็นด้วยตาของตัวเองว่า เมื่อเด็กน้อยนำสีแดงมาผสมกับสีเหลือง เขาก็ได้สีส้มเป็นสีที่สี่ ครั้นเมื่อเด็กน้อยนำสีแดงผสมกับสีน้ำเงิน เขาก็ได้สีม่วงเป็นสีที่ห้า และเมื่อเขานำสีน้ำเงินมาผสมกับสีเหลือง เขาก็ได้สีเขียวเป็นสีที่หก
ไม่เพียงเท่านี้ เพราะเมื่อเด็กน้อยนำสีจากถุงวิเศษมาผสมในสัดส่วนที่แตกต่างกัน สีที่เกิดขึ้นก็จะมีความอ่อนความเข้มที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งเท่ากับว่า การมีสีเริ่มต้นเพียงสามสีทำให้เด็กน้อยสร้างสีสันเพิ่มเติมได้อีกมากมายไม่รู้จบ เด็กน้อยใช้สีแดง, สีเหลืองและสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นแม่สี ผสมให้เกิดสีสันต่าง ๆ และแต่งแต้มให้ทั้งพืชและสัตว์มีสีสันสวยสมจริงตามธรรมชาติได้ครบถ้วนอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน สัตว์ทั้งหลายในเกาะต่างชื่นชมในสติปัญญาของเด็กน้อยที่คิดแก้ปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนนางฟ้าก็แอบชื่นชมเด็กน้อยอยู่ในใจ
แม้ในเวลานี้ เกาะขาวดำอาจไม่ได้มีแต่สีขาวดำเหมือนดั่งชื่อของมันอีกต่อไปแล้ว แต่นางฟ้าเชื่อว่า เมื่อเด็กน้อยเติบโตขึ้น เขาจะสามารถใช้สติปัญญาดูแลทุกชีวิตในเกาะแห่งนี้ให้มีความสุขได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ในที่สุด เรื่องราวของเกาะขาวดำก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ
……………………..
เป็นนิทานที่ …ควรใช้คำพูดไหนจึงจะเหมาะคะ ใช้คำว่า
Makes sense มาก ๆ มีเหตุมีผล มีความชัดเจน ลูกสาวชอบมากคะ 🙏🏼ขอขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานผู้จัดทำนะคะ✌🏻
LikeLike
ขอบพระคุณมากครับ จะหานิทานที่เคยแต่งไว้มาลงเรื่อย ๆ นะครับ ฝากทักทายลูกสาวด้วยนะครับ
LikeLike
เพื่อนเคยบอกว่า ผมเขียนนิทานที่ มีเหตุมีผล สอดรับกัน 555 คงเพราะจบสายวิทย์ แล้วมาทำงานเขียน (งานจินตนาการ) เวลาคิดอะไร มันเลยต้องมีเหตุมีผลรองรับจินตนาการด้วย อะไรทำนองนี้มังครับ ขอบพระคุณที่ติดตามนะครับ
LikeLike