ยอดมนุษย์พลังผัก เป็นนิทานสั้น พร้อมข้อคิดเท่ ๆ ซึ่งแต่งโดยผมเอง (นำบุญ นามเป็นบุญ) นิทานชวนเด็กกินผักเรื่องนี้ เป็นนิทานที่ผมอยากบอกเด็ก ๆ ทั้งเรื่องของการกินผัก และเรื่องการเอาชนะตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น นี่เป็นนิทานอีกเรื่องที่ผมภูมิใจนำเสนอครับ
นิทานเรื่อง ยอดมนุษย์พลังผัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งชื่อว่า “มาร์” มาร์เกิดในครอบครัวยอดมนุษย์ที่ได้พลังพิเศษมาจากผัก คุณพ่อคุณแม่และน้องสาวของมาร์จึงรักการกินผักมาก ซึ่งผิดกับมาร์ที่เขาไม่ชอบกินผักเอาเสียเลย
พ่อของมาร์มักจะบอกลูกชายเสมอว่า ผักเป็นเหมือนสื่อกลางที่ผสมผสานพลังแห่งโลกและจักรวาลเข้าด้วยกัน ทั้งนี้เพราะผักดูดสารอาหารจากพื้นดินและใช้พลังจากแสงแดดในการปรุงอาหาร เมื่อเรากินผักก็เท่ากับเราได้รับพลังวิเศษจากโลกและจักรวาลนั่นเอง
แม้มาร์จะเชื่อคำพูดของพ่อ แต่เขาก็ยังไม่ชอบกินผักอยู่ดี แค่เห็นผักเขาก็รู้สึกว่ามันไม่อร่อยเสียแล้ว มาร์ไม่รู้เลยว่าการที่ตัวเขาและเด็กอีกหลายล้านคนรู้สึกเช่นนี้ เป็นเพราะองค์กรลับของเหล่าร้ายได้ปล่อย “ละอองลวงใจ” ให้ลอยมากับอากาศ เพื่อลวงให้เด็ก ๆ ไม่ชอบกินผัก เพราะหากเด็ก ๆ ชอบกินผัก เด็ก ๆ ก็จะแข็งแรงจนเหล่าร้ายรุกรานโลกได้ยากยิ่งขึ้น! เมื่อมาร์ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหยื่อของละอองลวงใจ เขาจึงมักทำหน้าเบ้หน้าบูดเมื่อเห็นอาหารจานผัก แถมยังชอบเขี่ยผักทิ้งอยู่เสมอ ๆ
เมื่อคุณแม่เห็นมาร์ไม่ชอบกินผัก คุณแม่จึงตั้งใจปรุงอาหารจานผักให้อร่อยเป็นพิเศษ ส่วนน้องสาวของมาร์ที่ชื่อว่า “มูน” ก็พยายามช่วยคุณแม่จัดอาหารจานผักให้ดูน่ากินมากขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่พลังของละอองลวงใจทำให้มาร์ไม่คิดแม้แต่จะชิมอาหารจานผักฝีมือคุณแม่เลยสักนิด เขาคิดเพียงว่าฝีมือการต่อสู้ที่เขาฝึกปรือมาตั้งแต่เด็กน่าจะพอต่อกรกับเหล่าร้ายได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องใช้พลังพิเศษจากการกินผักต่าง ๆ
อนิจจา! มาร์ไม่รู้เลยว่า แม้ตัวเขาจะมีวิชาการต่อสู้ แต่หากเหล่าร้ายใช้ลูกไม้ที่เตรียมมาผนวกกับความเจ้าเล่ห์แสนกล ยอดมนุษย์ตัวน้อยอย่างมาร์ก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้ แต่หากมาร์ยอมกินผักและเลือกกินผักที่เหมาะสม มาร์ก็จะได้พลังจากผักชนิดนั้น ๆ จนเอาชนะเหล่าร้ายได้ง่ายกว่าที่เขาคิด!
อยู่มาวันหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ของมาร์ต้องเดินทางไปประชุมกับเหล่ายอดมนุษย์ที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในทางช้างเผือก คุณพ่อกับคุณแม่จึงฝากฝังให้มาร์กับมูนช่วยกันดูแลความสงบสุขในโลกแทน คุณพ่อบอกสองพี่น้องว่า “ยอดมนุษย์ต้องกล้าหาญและเสียสละนะลูก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ลูก ๆ ต้องปกป้องผู้คนให้ปลอดภัยให้ได้นะ” ส่วนคุณแม่ก็บอกลูก ๆ ว่า “หากเกิดอะไรขึ้น ก็ลองเลือกกินผักให้ถูกชนิด แล้วลูกจะได้พลังพิเศษจากผักนะจ๊ะ” เมื่อคุณพ่อคุณแม่ฝากฝังเสร็จ ทั้งคู่ก็ทะยานตัวออกไปนอกโลกทันที
หลังจากคุณพ่อคุณแม่ออกเดินทางไปได้ไม่นาน พวกเหล่าร้ายที่รอจังหวะอยู่ก็ส่ง “ปิศาจสลัวมัวหม่น” มาท้าทายลูกชายและลูกสาวของยอดมนุษย์พลังผัก จริง ๆ แล้วปิศาจสลัวมัวหม่นไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้สักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากพวกเหล่าร้ายอยากทดสอบ “แผนเด็ด” ที่พวกมันเตรียมไว้ นั่นคือการใช้พลังของปิศาจสลัวมัวหม่นเนรมิตให้โลกมืดสลัว ซึ่งน่าจะทำให้ยอดมนุษย์ตัวน้อยมองไม่เห็นและถูกปิศาจสลัวมัวหม่นจัดการได้โดยง่าย ซึ่งหากปิศาจด้อยฝีมือจัดการกับลูก ๆ ของยอดมนุษย์พลังผักได้ เมื่อยอดมนุษย์ผู้เป็นพ่อแม่กลับมา พวกปิศาจก็จะใช้แผนการเดิมจัดการกับยอดมนุษย์ทั้งสองด้วย
เมื่อปิศาจสลัวมัวหม่นเนรมิตให้หมู่บ้านของมาร์และมูนปกคลุมไปด้วยความมืด มันก็บุกเข้าไปรังแกผู้คนในหมู่บ้านได้โดยง่าย ฝ่ายมาร์กับมูนซึ่งมองอะไรไม่เห็นต่างก็ตกใจกลัวจนแทบทำอะไรไม่ถูก ถ้าเป็นเด็กทั่วไปอาจรีบเข้านอนเพื่อรอเวลาให้แสงสว่างกลับคืนมา แต่ในฐานะยอดมนุษย์…ทั้งมาร์และมูนจึงต้องพยายามตั้งสติแล้วคิดหาวิธีต่อสู้กับเจ้าปิศาจตัวร้าย
มาร์กับมูนนึกถึงคำของแม่ที่บอกว่า “หากเกิดอะไรขึ้น ก็ลองเลือกกินผักให้ถูกชนิด แล้วลูกจะได้พลังพิเศษจากผักนะจ๊ะ” แม้มาร์จะไม่อยากกินผัก แต่เมื่อคิดถึงคำของพ่อที่บอกว่า “ยอดมนุษย์ต้องกล้าหาญและเสียสละนะลูก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ลูก ๆ ต้องปกป้องผู้คนให้ปลอดภัยให้ได้นะ” ด้วยเหตุนี้ มาร์จึงให้มูนช่วยเลือกผักในสวนครัวหลังบ้านมาปรุงอาหารให้ เพื่อให้เขาได้รับพลังพิเศษในการต่อสู้กับผู้ร้าย
ทันทีที่ได้ฟังคำของพี่ชาย มูนจึงคิดถึงผักที่ให้วิตามินเอซึ่งช่วยให้ดวงตามองเห็นได้ดีในที่มืด มูนเลือกผักบุ้ง, ตำลึงและแครอทมาปรุงเป็นอาหารให้มาร์ ซึ่งเมื่อมาร์กินอาหารจากผักทั้งสามชนิด เขาก็ได้รับพลังจากผืนดินและจักรวาล ทำให้เขาแปลงร่างเป็นยอดมนุษย์พลังผักที่สามารถมองเห็นได้แม้ในที่ที่มืดตื๊ดตื๋อ ครั้นเมื่อมาร์มองเห็นทุกสิ่งได้อย่างแจ่มชัด เขาจึงทะยานตัวขึ้นฟ้าแล้วเหาะไปเผชิญหน้ากับปิศาจสลัวมัวหม่น จากนั้น มาร์ก็ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมาจัดการตีด้วยหมัด ซัดด้วยศอก ตอกด้วยเข่า จนเจ้าปิศาจสลัวมัวหม่นแพ้ราบคาบและยอมคืนแสงสว่างให้หมู่บ้านของมาร์ดังเดิม
และแล้ว ยอดมนุษย์พลังผักก็เอาชนะปิศาจจอมป่วนได้สำเร็จ เมื่อคุณพ่อคุณแม่กลับมา ทั้งคู่ก็ชมเชยลูก ๆ ที่ทำหน้าที่ยอดมนุษย์ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
มาร์ภูมิใจที่ตัวเขายอมกินผัก (ทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบ) จนสามารถปกป้องชาวบ้านจากปิศาจได้ ความเสียสละและความกล้าหาญของมาร์ ทำให้เขาเข้าใกล้ความเป็นยอดมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
แต่ละอองลวงใจของพวกเหล่าร้ายยังคงทำให้มาร์ไม่ชอบกินผักอยู่ดี มาร์ต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองและลูกไม้ต่าง ๆ ของพวกเหล่าร้ายอีกมาก
สู้ต่อไปนะมาร์…ยอดมนุษย์พลังผักตัวน้อย
#นิทานนำบุญ
……………………..

3 thoughts on “ยอดมนุษย์พลังผัก”