นิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผมหยุดเขียนนิทานให้ขวัญเรือนไปแล้วราว 2 ปี โดยนิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผมพูดคุยกับเพื่อนอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งชอบวิ่งออกกำลังกายมาก แรงบันดาลใจจากการวิ่งและประสบการณ์จริงจากการวิ่งออกกำลังกายกับเพื่อน ที่อาจารย์ท่านนี้เล่าให้ผมฟัง ทำให้ผมได้แง่คิดบางอย่าง ผมจึงนำแง่คิดที่ได้ มาพัฒนาเป็นนิทานเรื่องนี้ ซึ่งผมคิดว่านิทานเกี่ยวกับการวิ่งเรื่องนี้ น่าจะเหมาะทั้งกับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ครับ (อนึ่ง ภาพนักวิ่งในปกของนิทานเรื่องนี้ เป็นภาพที่วาดโดยคุณมาโนช กิตติชีวัน ซึ่งผมนำมาปรับเป็นปกเพื่อใช้ประกอบนิทานเรื่องนี้ ขอขอบพระคุณ คุณมาโนช มา ณ ที่นี้นะครับ)
นิทานเรื่อง คุณพ่อยอดนักวิ่ง
กาลครั้งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า “ตั้มตั้ม” ตั้มตั้มเป็นหัวหน้าครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีภรรยาแสนสวย และลูกสาวที่แสนน่ารัก 2 คน ชื่อ “ชิคชิค” กับ “คูลคูล” ตั้มตั้มจะไปวิ่งออกกำลังกาย โดยมีครอบครัวของเขาคอยส่งกำลังใจอยู่ใกล้ ๆ ชิคชิคกับคูลคูลมองคุณพ่อยอดนักวิ่งของพวกเธอด้วยความภูมิใจ ส่วนคุณแม่ก็ภูมิใจที่เห็นตั้มตั้ม วิ่งได้ทน วิ่งได้ไกล แถมยังวิ่งได้เท่แบบสุด ๆ ไปเลย
การวิ่งโดยไม่มีเพื่อนวิ่งด้วย ทำให้บางวันตั้มตั้มรู้สึกเหงาอยู่สักหน่อย วันหนึ่ง ตั้มตั้มจึงชวนเพื่อนที่ไม่เคยวิ่ง ให้มาลองวิ่งออกำลังกายกับเขา เพื่อนของตั้มตั้มเป็นมือใหม่หัดวิ่ง เขาจึงวิ่งได้ไม่ทน วิ่งได้ไม่ไกล แถมยังวิ่งได้ไม่เท่แบบที่ตั้ม ๆ เคยวิ่ง เวลาตั้มตั้มวิ่งกับเพื่อน ตั้มตั้มวิ่งช้าลง วิ่งไกลน้อยลง และวิ่งเท่น้อยลง โดยมีรอยยิ้มสดใสเข้ามาแทนที่
ชิคชิคกับคูลคูลมองคุณพ่อยอดนักวิ่งด้วยความสงสัย ว่าทำไม จู่ ๆ คุณพ่อถึงวิ่งได้ไม่ทน วิ่งได้ไม่ไกล แถมยังวิ่งได้ไม่เท่แบบทุกวันที่เคยวิ่ง เมื่อกลับมาบ้าน ลูกของตั้มตั้มจึงถามคุณพ่อว่า “คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ”
ตั้มตั้มมองลูกๆด้วยความรัก จากนั้นเขาก็ยิ้มหล่อ ๆ แล้วบอกลูกว่า “ในชีวิตของเรา บางครั้ง เราก็ควรลดพลังลงสักหน่อย ยอมเท่น้อยลงสักนิด ถ้ามันจะทำให้มิตรภาพงอกงาม แล้วทำให้เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก้าวไปพร้อม ๆ กับเราได้อย่างมีความสุข”
ลูกของตั้มตั้มเป็นเด็กฉลาด พวกเธอคิดนิดนึง พลันนึกถึงรอยยิ้มของพ่อในขณะที่วิ่งกับเพื่อน จากนั้น เด็กๆจึงยิ้มตาโต พร้อมกับบอกคุณพ่อว่า “พวกหนูเข้าใจ คุณพ่อของพวกหนูนี่ เท่จริง ๆ เท่จริง ๆ เท่จริง ๆ”
# นิทานนำบุญ
………………………………..
