“การคิดบวก” หรือการมองโลกในแง่ดีทำให้เราเป็นคนน่ารักน่าเข้าใกล้ นิทานเรื่องนี้จึงแต่งขึ้น เพื่อเตือนใจให้คนที่ชอบเผลอมองโลกในแง่ร้ายได้ข้อคิด จะได้ปรับปรุงตัวและเป็นที่รักของทุก ๆ คน
นิทานเรื่อง พระราชาผู้มองโลกในแง่ร้าย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่งทรงเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย พระองค์คิดว่าไม่มีใครรักพระองค์เลย ดังนั้น พระองค์จึงเที่ยวเกรี้ยวกราดใส่คนโน้นคนนี้…จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
รอบ ๆ ปราสาทของพระราชาแวดล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา แม้พระราชาจะไม่เคยเก็บผลไม้หรือใช้ประโยชน์ใด ๆ จากร่มเงาของต้นไม้ในสวน แต่ด้วยความที่พระองค์เชื่อว่า ใคร ๆ ต่างก็คงคิดร้ายกับพระองค์ พระราชาจึงสั่งให้ทหารกั้นรั้วลวดหนามสูงลิบ ขุดหลุมลึกชันและทำหุ่นไล่กาที่มีหน้าตาน่ากลัว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนและสัตว์ทั้งหลายกล้ำกรายเขามาในสวนของพระองค์
คืนวันหนึ่ง พระราชาทรงนอนไม่หลับ พระองค์อยากหาคนคุยด้วย แต่ก็กลัวว่าจะถูกลอบทำร้าย พระราชาจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นตามลำพังโดยไม่บอกให้ใครรู้ ในขณะที่พระราชาผู้มองโลกในแง่ร้ายเดินลึกเข้าไปในสวน จู่ ๆ พระองค์ก็ก้าวพลาดตกลงไปในหลุมที่พระองค์สั่งให้ทหารขุดเอาไว้ หลุมดักสัตว์ของพระราชาเป็นหลุมที่ลึกมาก ไม่ว่าพระองค์จะใช้ความพยายามสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่สามารถที่จะปีนออกมาจากหลุมได้
พระราชาทั้งโมโหทั้งเสียขวัญ พระองค์ก่นด่าว่าทหารจงใจจะแกล้งพระองค์ แต่เพราะพระองค์ไม่อยากอยู่ในหลุมที่ทั้งมืดทั้งแคบจนถึงรุ่งเช้า พระราชาจึงจำเป็นต้องตะโกนเรียกทหารให้มาช่วย
แต่อนิจจา! ในช่วงเวลาดังกล่าว เหล่าทหารทั้งหมดต่างยืนยามกันอยู่ที่รอบปราสาท ดังนั้น ไม่ว่าพระราชาจะส่งเสียงร้องดังสักเพียงไร พวกทหารก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของพระองค์เลยแม้แต่คนเดียว
ในขณะนั้นเอง มีนกน้อยตัวหนึ่งได้ยินเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากในสวนของพระราชา นกน้อยนึกสงสัย มันจึงบินข้ามรั้วลวดหนามที่สูงลิบเพื่อเข้ามาสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อพระราชาเห็นนกน้อย พระราชาจึงตะโกนสั่งนกน้อยให้บินไปตามทหารมาหาพระองค์
แต่แทนที่นกน้อยจะทำตามที่พระราชาสั่ง มันกลับส่งเสียงจิ๊บ ๆ แล้วบินหายไปอย่างเร็วจี๋
พระราชาทรงขุ่นเคืองมากที่นกไม่ยอมทำตามคำสั่ง พระองค์คิดว่า ขนาดนกก็ยังไม่รักและเชื่อฟังพระองค์เลย !
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว นกน้อยก็บินกลับมาพร้อมกับฝูงนกชนิดต่าง ๆ ที่เป็นเพื่อนของมัน พระราชาทรงแปลกใจและมองนกทั้งหลายอย่างมีความหวัง แต่แทนที่ฝูงนกจะบินไปส่งข่าวให้ทหารได้รับทราบ พวกมันกลับพากันบินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ แล้วใช้ปากจิกคาบผลไม้ของพระราชากันอย่างจ้าละหวั่น
พระราชาโกรธมากที่เห็นพวกนกพากันขโมยผลไม้แทนที่จะไปตามทหารมาช่วยพระองค์ พระราชาทรงนึกแค้นอยู่ในใจและคิดว่าถ้าพระองค์ขึ้นจากหลุมได้เมื่อไร พระองค์จะหาทางจัดการกับพวกนกให้สิ้นซาก
ในขณะที่พระราชากำลังเดือดดาลอยู่นั้น จู่ ๆ ฝูงนกก็พากันคาบผลไม้ลูกเล็ก ๆ นับร้อยนับพันลูกมาทิ้งใส่หลุมแบบไม่หยุดหย่อนจนดูคล้ายกับมันเป็นสายฝนผลไม้
พระราชาทรงโมโหจนควันออกหู เพราะนอกจากพวกนกจะมีนิสัยขี้ขโมยแล้ว พวกมันยังตั้งใจที่จะทำร้ายพระองค์ด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป สายฝนผลไม้ก็หยุดตก และแล้ว…พระราชาก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของนกน้อยดังมาจากปากหลุมว่า
“ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ขอพระองค์ทรงแทรกตัวขึ้นจากกองผลไม้แล้วเหยียบผลไม้เป็นฐานเพื่อปีนขึ้นมายังปากหลุมเถิดขอรับ”
พระราชานิ่งอึ้งและรู้สึกผิดที่ตนคิดว่าพวกนกตั้งใจที่จะทำร้ายพระองค์ เมื่อพระราชาปีนขึ้นมายังปากหลุมได้สำเร็จ พระองค์ก็ทรงเห็นฝูงนกนับร้อย ๆ ตัวตั้งแถวหมอบเฝ้าพระองค์อยู่ตรงนั้น
พระราชาเพิ่งตระหนักว่า พระองค์มักจะมองใครต่อใครในแง่ร้ายเสมอ พระราชากล่าวขอบคุณฝูงนกที่จงรักภักดี จากนั้น พระองค์ก็ทรงบอกกับตนเองว่า พระองค์จะต้องเลิกมองใคร ๆในแง่ร้ายอย่างที่เป็นอยู่
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา พระราชาก็ทรงขอให้ทหารช่วยกันทำลายลวดหนาม กลบหลุมดักสัตว์และนำหุ่นไล่กาไปทิ้ง รวมทั้ง…พระองค์ก็ทรงเลิกเกรี้ยวกาดใส่คนโน้นคนนี้และพยายามทำดีกับทุก ๆ คนมากยิ่งขึ้น
เมื่อพระราชาทรงปรับปรุงตนเองจนกลายเป็นพระราชาผู้แสนดี ใครต่อใครจึงพากันเข้ามาห้อมล้อมจนหัวใจของพระองค์อบอุ่นไปหมด
ฝูงนกทั้งหมดต่างยินดีที่พระราชาของพวกมันมองโลกในมุมใหม่จนกลายเป็นขวัญใจของทุก ๆ คน และในทุก ๆ เช้า ฝูงนกทุกตัวก็จะคอยส่งเสียงร้องกล่อมพระราชาผู้เป็นที่รักให้มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ
#นิทานนำบุญ
………………………………….
ขอบคุณสำหรับนิทานดีๆ
ผมจะช่วยสนับสนุนเลี้ยงกาแฟครับ
LikeLike
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ 🙂
LikeLike