Posted in ครอบครัว, ธรรมะ, นิทาน, เด็ก

นิทานธรรมะ : จอมปรุงแต่ง

การนำธรรมะมาแต่งเป็นนิทานให้ดูสวิงสวายไม่น่าเบื่อเป็นเรื่องท้าทาย  นิทานเรื่องนี้ เป็นนิทานผจญภัยที่มีลักษณะเป็นนิทานตลก ๆ ก่อนนอนปนกับนิทานธรรมะก่อนนอน  ในฐานะของผู้แต่ง ผมต้องสารภาพว่า ผมแอบยิ้มให้กับความเพี้ยนของตัวละครบางตัวในเรื่อง  (และแอบขำตัวเองที่คิดนิทานแบบนี้ออกมาได้)  แม้นิทานจะดูตลก ๆ อยู่สักหน่อย แต่ผมหวังว่าข้อคิดในนิทานเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์และอาจนำไปใช้สอนธรรมะให้แก่เด็ก ๆ ได้บ้างครับ

  นิทานเรื่อง จอมปรุงแต่ง  

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีพี่น้องคู่หนึ่งชื่อ “ฟ้า” กับ “ฟุ้ง” 

ฟ้าเป็นเด็กผู้หญิงที่สนใจการทำสมาธิจึงมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ  ส่วนฟุ้งเป็นน้องชายที่ช่างคิดช่างฝัน ไม่ว่าฟุ้งจะได้เห็นหรือได้ยินอะไร เขาก็มักคิดต่อเติมเสริมแต่งจนเรื่องธรรมดา ๆ กลายเป็นเรื่องเกินจริงที่ชวนวุ่นวายใจได้ทุกเรื่อง!

วันหนึ่ง  คุณแม่เขียนแผนที่แล้วขอให้ฟ้ากับฟุ้งนำผลไม้ไปมอบให้คุณยายที่อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่าละเมาะ ฟ้าค่อย ๆ ศึกษาแผนที่ที่คุณแม่มอบให้พลางคิดว่าคงไปที่บ้านของคุณยายได้ไม่ยากนัก  ส่วนฟุ้งกลับคิดในใจว่า “บางทีคุณแม่อาจแกล้งเขียนแผนที่ผิด ๆ เพื่อให้พวกเราหลงป่าเพราะไม่อยากเลี้ยงดูพวกเราอีกแล้วก็เป็นได้”  เมื่อฟุ้งปรุงแต่งความคิดจนเลยเถิดแบบนั้น  เขาจึงวางแผนหาทางกลับออกจากป่า…ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มเดินทางเสียด้วยซ้ำ

เมื่อถึงวันเดินทาง ฟ้าถือตะกร้าผลไม้นำหน้าแล้วก้าวเดินตามแผนที่อย่างมีสติ ส่วนฟุ้งได้แต่เดินตามพี่สาว พลางโยนกระดุมสีสดไว้ที่พื้น เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายให้ตัวเองสามารถกลับไปที่บ้านได้  ครั้นเมื่อสองพี่น้องเดินทางได้สักพัก พวกเขาก็มองเห็นบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปไกลลิบ ๆ  บ้านหลังนั้นดูน่ารักคล้ายกับบ้านในนิทาน ฟ้ามองบ้านเทียบกับแผนที่แล้วคิดว่านั่นน่าจะเป็นบ้านของคุณยายแน่ ๆ   ส่วนฟุ้งกลับคิดในใจว่า “บ้านที่น่ารักแบบนี้อาจเป็นบ้านที่แม่มดสร้างไว้ล่อเด็ก ๆ เพื่อจับกินเป็นอาหารก็ได้นะ”  เมื่อฟุ้งปรุงแต่งความคิดจนเลยเถิดแบบนั้น  เขาจึงเดินตามฟ้าไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

ในเวลาต่อมา เมื่อฟ้ากับฟุ้งเดินมาถึงหน้าบ้าน สองพี่น้องมองเห็นเงาของคนในบ้านหลังนั้นผ่านทางหน้าต่าง ฟ้าเดาว่าคุณยายอาจกำลังทำครัวอยู่จึงส่งเสียงทักคุณยายเพื่อบอกให้ท่านรู้ว่าพวกตนนำกระเช้าผลไม้มาให้   ส่วนฟุ้งกลับคิดในใจว่า “บางทีเงาที่อยู่ในบ้านอาจเป็นหมาป่าที่ปลอมตัวเป็นคุณยายและกำลังตั้งเตาอยู่ในครัวเพื่อรอจับพวกเรากินก็ได้นะ”  เมื่อฟุ้งปรุงแต่งความคิดจนเลยเถิดแบบนั้น  เขาจึงตัดสินใจวิ่งกลับไปตั้งหลักในป่าอย่างสุดกำลัง โดยฟุ้งคิดว่าถ้าฟ้าถูกหมาป่าจับไปเขาจะรีบไปขอให้ผู้ใหญ่มาช่วย

แต่สิ่งหนึ่งที่ฟุ้งลืมสังเกตคือ ในช่วงเวลานั้น ท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว พอเขาวิ่งเข้าป่าได้ไม่เท่าไร ท้องฟ้าก็มืดจนเขามองทางกับกระดุมที่อยู่บนพื้นแทบไม่เห็น  ที่แย่ไปกว่านั้นคือเมื่อฟุ้งมองไปรอบ ๆ ตัว เขาก็พบแต่เงาของต้นไม้และกิ่งไม้ ซึ่งเขาเผลอคิดว่า “บางที..ตอนกลางวันมันอาจเป็นต้นไม้กิ่งไม้ธรรมดา แต่พอตกกลางคืนมันอาจกลายเป็นมือปิศาจที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อจับเด็ก ๆ กินก็ได้นะ” เมื่อฟุ้งปรุงแต่งความคิดจนเลยเถิดแบบนั้น  เขาจึงกลัวจนขาสั่นถึงขั้นก้าวไม่ออก แล้วได้แต่นั่งร้องไห้แง ๆ ด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ

ในขณะที่ฟุ้งร้องไห้อยู่ท่ามกลางความมืด  จู่ ๆ ก็มีมือมาแตะที่ไหล่ของฟุ้งเบา ๆ  ฟุ้งตกใจมาก แต่เขาก็คลายความตกใจทันทีเมื่อได้ยินเสียงของฟ้าปลอบเขาว่า “ไม่ต้องกลัวนะฟุ้ง  พี่กับคุณยายมาช่วยแล้ว”

ฟุ้งดีใจมากที่ฟ้ากับคุณยายมาช่วยพาเขาออกจากป่า เมื่อฟุ้งเข้าไปในบ้าน  เขาก็พบว่าคุณยายเตรียมขนมเค้กอร่อย ๆ พร้อมกับนมอุ่น ๆ รอเขากับฟ้าอยู่นานแล้ว

ฟุ้งเพิ่งตระหนักว่าการใช้ความคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่าง ๆ จนเกินควรทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด  ฟ้าบอกฟุ้งว่า “บางทีแค่เราปล่อยสมองของเราให้ว่างบ้าง  แล้วมีสติกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า   ดูมันอย่างที่มันเป็น ถ้าเจอปัญหาเมื่อไหร่ก็ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้กันไป แบบนี้น่าจะดีกว่านะ”

ฟุ้งเห็นด้วยกับคำสอนของพี่สาว  การคิดปรุงแต่งไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย  อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด 

เมื่อฟุ้งคิดได้เช่นนั้น เขาจึงจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งตอนนี้ก็คือขนมเค้กนุ่ม ๆ และนมอุ่น ๆ จากฝีมือของคุณยายที่รอให้เขาลองลิ้มชิมรสนั่นเอง 

#นิทานนำบุญ

…………………………………………………

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.