ข่าวเรื่องไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสอู่ฮั่น ที่สื่อไทยตีข่าวแบบจริงบ้างเท็จบ้าง ทำให้คนหลาย ๆ คนตื่นกลัว รวมทั้งก่นด่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบสาดเสียเทเสีย ถ้ามองย้อนกลับไปให้ดี เราเคยมีบทเรียนจากข่าวที่สร้างความตื่นกลัวมาหลายครั้ง ทั้งเรื่องโลกจะแตกตอนปี 2000 (จำได้ไหม) หรือพุทธทำนายเรื่องนั้นเรื่องนี้ (ที่หลายคนเชื่อตามที่ดูคลิปในยูทูบ แต่แล้วก็เป็นแค่เรื่องโกหกเพราะคนทำหิวยอดวิว) ข้อคิดจากบทเรียนต่าง ๆ น่าจะทำให้เรากลับมา “ตั้งสติ” แล้วค่อยหาวิธี “ดูแลตัวเองตามสมควร” คือ “ดูแลกายจากการติดเชื้อ หากมีความเสี่ยง” และควรมา “ดูแลใจไม่ให้ตื่นกลัวจนเกินกว่าเหตุ” ส่วนคนที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมโรค เขาก็ทำงานตามหน้าที่ของตัวเองอยู่ ทำในส่วนที่เราทำได้จะดีที่สุดครับ
เมื่อเกิดเหตุการตื่นกลัวจากภัยพิบัติหรือโรคระบาดแบบนี้ พี่นำบุญจึงนึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่แต่งไว้นานแล้ว นิทานเรื่องนี้แต่งในช่วงที่มีการลือกันว่าโลกจะแตก ช่วงนั้นผู้คนตื่นกลัวกันมาก พี่นำบุญคิดว่า ถ้าเราเปลี่ยนการ “ตื่นกลัว” มาเป็นการ “ตื่นตัว” ในการดูแลรักษาโลกของเรา เช่น การปลูกต้นไม้ การลดใช้ถุงพลาสติกและการลดใช้พลังงานฟอสซิลเพื่อเยียวยาโลกให้ค่อย ๆ ดีขึ้น บางที ผลที่ได้อาจจะดีกว่าการตื่นกลัวแต่ยังทำตัวเหมือนเดิมนะครับ
นิทานเรื่อง คุณตาฮิฮิ
กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองฮือฮา มีคุณตาคนหนึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมานานจนมีอายุย่างเข้า 80 ปี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณตาก็มักมองหาแง่มุมดี ๆ ของสิ่งต่าง ๆ ได้เสมอ ที่สำคัญ…คุณตาไม่ชอบอยู่เฉย เวลามีเรื่องร้าย ๆ คุณตาจะหัวเราะฮิฮิ พร้อมกับลงมือทำสิ่งไม่คาดฝัน จนผู้คนที่พบเห็นลืมความกังวลไปได้เป็นปลิดทิ้ง ใครต่อใครต่างรักคุณตามาก เพราะคุณตานำมาแต่ความสุข ทุกคนจึงพร้อมใจเรียกคุณตาตามเสียงหัวเราะของคุณตาว่า “คุณตาฮิฮิ”
วันหนึ่งในฤดูฝน เกิดเหตุลมหนาวพัดมาผิดเวลา ชาวเมืองพากันตกใจเพราะข่าวเกี่ยวกับโลกแตกกำลังดัง หนำซ้ำยังมีพายุลูกเห็บที่เย็นและแข็งเหมือนก้อนน้ำแข็งตกลงมาไม่ยอมหยุด ในขณะที่ผู้คนกลัวลมหนาวและลูกเห็บ คุณตากลับเอากาละมังไปรองลูกเห็บที่สนามหญ้า ซึ่งเมื่อได้ลูกเห็บพอสมควร คุณตาก็ผสมน้ำแดงใส่เหยือก แล้วนำลูกเห็บเย็นเจี๊ยบใส่ตามลงไปพร้อมกับหัวเราะฮิฮิอย่างสุขใจ เพราะนาน ๆ ทีจะได้ดื่มน้ำแดงใส่ลูกเห็บเย็น ๆ สักครั้ง
เมื่อชาวเมืองเห็น ทุกคนก็หากาละมังมาใส่ลูกเห็บเพื่อทำ “น้ำแดงลูกเห็บ” ดื่มตามคุณตา แถมยังกินคู่กับขนมเค้กอย่างเอร็ดอร่อย คุณตากับชาวเมืองส่งยิ้มให้กัน พร้อมกับหัวเราะฮิฮิ แล้วลืมเรื่องโลกแตกไปจนหมด
พอเข้าฤดูหนาว จู่ ๆ ลมร้อนก็ชวนดวงอาทิตย์ให้มาพักร้อนที่เมืองฮือฮา อากาศจึงร้อนจัดจนชาวเมืองตกใจกันไปหมด หนำซ้ำ เมื่อลมร้อนลาไปที่อื่น ปล่อยให้ดวงอาทิตย์ย่างเมืองอยู่เพียงลำพัง เมืองทั้งเมืองจึงยิ่งร้อน โดยร้อนแบบนิ่ง ๆ ไม่มีลมพัดให้ใบไม้ไหวติง ชาวเมืองต่างแตกตื่นเพราะกลัวโลกจะแตก แต่คุณตาฮิฮิกลับทำในสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิด นั่นคือการลากสระน้ำเป่าลมขนาดใหญ่ไปไว้ที่กลางเมือง แล้วจัดการสูบลมพร้อมกับเติมน้ำจนเต็ม จากนั้น คุณตาก็นำปืนฉีดน้ำมาเติมน้ำที่สระ แล้วเริ่มยิงปืนฉีดน้ำใส่ชาวเมืองเหมือนเล่นสงกรานต์นอกฤดู พร้อมกับหัวเราะฮิฮิอย่างน่ารักน่าชัง
เมื่อชาวเมืองถูกน้ำเย็น ๆ ฉีดใส่จนเปียกปอน ชาวเมืองก็หายร้อนและนึกสนุก ทุกคนจึงพากันค้นปืนฉีดน้ำเอามาเล่นสงกรานต์พร้อมกับหัวเราะฮิฮิให้กัน โดยลืมเรื่องโลกแตกไปจนหมด
พอเข้าฤดูร้อน สายลมจอมซนก็พัดเอาเมฆฝนจากมหาสมุทรมาที่เมืองของคุณตาฮิฮิ ในตอนแรก ชาวเมืองไม่ตกใจเท่าไร เพราะสายฝนช่วยทำให้ความร้อนคลายไปบ้าง แต่เมื่อฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันไม่ยอมหยุด ชาวเมืองก็พากันขวัญหนีดีฝ่อเพราะกลัวโลกจะแตก หนำซ้ำ เมื่อน้ำเริ่มท่วม ผู้คนก็รีบเก็บข้าวของเตรียมหนีไปอยู่ที่อื่น ในขณะที่ผู้คนตื่นกลัวกับสายฝนและน้ำที่ท่วมขัง คุณตากลับเอาเรือยาง, ห่วงยางเป่าลม, เรือของเล่นป๊อกแป๊ก รวมทั้งเบ็ดตกปลา ออกไปล่องน้ำเล่น คุณตาตกปลาเก่งมากคือตกปลาได้ทุก 5 นาทีทำให้ชาวเมืองถึงกับอ้าปากค้าง ครั้นเมื่อคุณตาตกปลาจนเบื่อ คุณตาก็ลงไปเล่นเรือป๊อกแป๊กในน้ำพร้อมกับหัวเราะฮิฮิอย่างน่าอิจฉา
เมื่อชาวเมืองเห็นคุณตาอยู่กับสายฝนและน้ำท่วมได้อย่างสบายใจไร้ปัญหา ชาวเมืองจึงเอาเรือยาง, ห่วงยาง, ลูกบอลเป่าลม, เบ็ดตกปลา รวมทั้งของเล่นที่ใช้เล่นในน้ำออกมาเล่นกันทั้งเมือง ครั้นเมื่อความสุขกลับคืนมา ชาวเมืองก็พากันหัวเราะฮิฮิ แล้วลืมเรื่องโลกแตกไปจนหมด
หลายปีผ่านไป เมื่อชาวเมืองพบเจอความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอยู่บ่อยครั้งและเห็นวิธีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมีความสุขตามแบบของคุณตาฮิฮิ ชาวเมืองจึงได้เรียนรู้ว่าความเปลี่ยน แปลงเป็นเรื่องธรรมดา แค่มีสติ, รู้จักมองหาแง่มุมดี ๆ แล้วหัวเราะฮิฮิให้กับทุกเหตุการณ์ ความสุขก็จะเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่ในขณะเดียวกัน คุณตาฮิฮิได้แนะนำชาวเมืองเพิ่มเติมว่า หากต้องการมีความสุขที่ยั่งยืนขึ้น ก็เพียงแค่ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อโลกเจ็บป่วยเพราะฝีมือมนุษย์ มนุษย์ก็ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง แล้วมาเยียวยาโลกให้ฟื้นกลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่ของทุก ๆ ชีวิตอีกครั้ง
ชาวเมืองดีใจที่พวกเขามีผู้ใหญ่ช่วยชี้ทางให้ทุกคนเข้าใจถึงวิถีแห่งการมีชีวิตอย่างมีความสุข ส่วนคุณตาฮิฮิก็มีความสุขที่ลูก ๆ หลาน ๆ ชาวเมืองได้เรียนรู้สิ่งสำคัญจากการกระทำและเสียงหัวเราะฮิฮิของเขา
#นิทานนำบุญ

One thought on “นิทานธรรมะ : คุณตาฮิฮิ”