หนูน้อยหมวกแดงภาค 2 (หรืออีกชื่อคือ หมาป่าจอมดื้อด้าน) เป็นนิทานที่พี่นำบุญแต่งต่อจากนิทานเรื่อง “หนูน้อยหมวกแดง” ที่ทุกคนรู้จักดี นิทานเรื่องนี้แต่งตามยุคสมัย ที่เน้นการหักมุมและแฝงความขมุกขมัวเข้าไปในเรื่อง (คล้าย ๆ กับตอนจบของหนูน้อยหมวกแดงแบบดั้งเดิมที่ค่อนข้างน่ากลัว) ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาก่อนเล่าให้ลูก ๆ ฟังครับ
นิทานเรื่อง หมาป่าจอมดื้อด้าน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกหมาป่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่กับแม่และพี่น้องของมันในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางป่า ทุกคืน…แม่หมาป่าจะเล่านิทานให้ลูก ๆ ฟัง โดยนิทานที่แม่หมาป่าชอบเล่ามากที่สุดคือนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งเป็นเรื่องของหมาป่าที่คิดจะจับเด็กกินเป็นอาหาร แต่สุดท้าย มันกลับถูกนายพรานจัดการจนถึงแก่ชีวิต แม่หมาป่าอยากให้ลูก ๆ ของมันปลอดภัย มันจึงเล่านิทานสอนใจและเตือนไม่ให้ลูก ๆ เข้าใกล้หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์
บราวนี่, เอแคร์, แยมโรว์และมัฟฟิ่นต่างเชื่อฟังสิ่งที่แม่ของพวกมันตักเตือน ส่วนเจ้าพุดดิ้ง ลูกหมาป่าตัวสุดท้องกลับคิดว่าแม่ของมันคงวางแผนจะเก็บเนื้อมนุษย์สุดอร่อยเอาไว้กินแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ นอกจากมันจะไม่เชื่อฟังคำเตือนของแม่แล้ว มันยังฝันที่จะหม่ำเนื้อมนุษย์ให้ได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เมื่อเจ้าพุดดิ้งเติบโตเป็นหมาป่าหนุ่ม มันจึงพยายามหาโอกาสจับผู้คนที่เดินทางผ่านป่ากินเป็นอาหาร แต่เนื่องจากเจ้าพุดดิ้งยังอ่อนหัดนัก เมื่อมันจะกระโจนเข้ากัดผู้คนทั้งหลาย ผู้คนเหล่านั้นซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่ที่มีร่างกายกำยำก็ใช้ไม้หรืออาวุธที่ติดตัวมาฟาดเจ้าหมาป่าพุดดิ้งจนมันต้องวิ่งหนีหางจุกก้นไปเสียทุกครั้ง
หลังจากที่หมาป่าหนุ่มไม่สามารถจัดการกับมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้เลยแม้แต่คนเดียว มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เด็ก ๆ ซึ่งทั้งตัวเล็กและยังไม่ประสีประสา
ทันทีที่แม่หมาป่าทราบเรื่อง แม่หมาป่าซึ่งกลัวว่าลูกจะเป็นเหมือนหมาป่าในนิทานจึงรีบ เตือนลูกชายด้วยความห่วงใยอีกครั้ง แต่เนื่องจากเจ้าพุดดิ้งมีนิสัยดื้อด้านไม่น่ารัก มันจึงเดินทางเข้าไปในป่าลึกเพื่อหาเหยื่อคนแรกกิน โดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามของแม่หมาป่าเลยแม้แต่น้อย
เจ้าพุดดิ้งเดินทางเข้าป่าไปเรื่อย ๆ จนพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีเสียงเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงดังแว่วออกมา เมื่อเจ้าหมาป่าผู้ใฝ่ฝันอยากกินเนื้อมนุษย์ได้ยินเสียงดังกล่าว มันก็ถึงกับแสยะยิ้มพลางคิดว่าตัวของมันช่างโชคดีเสียเหลือเกินที่จะได้กินเด็กทีเดียวถึงสองคน
แม้เจ้าพุดดิ้งจะอยากชิมเนื้อมนุษย์จนแทบอดใจไม่ไหว แต่มันก็ฉลาดพอที่จะรอให้พ่อกับแม่ของเด็ก ๆ ออกไปจากบ้านเสียก่อน เจ้าพุดดิ้งแอบซุ่มอยู่ในพงหญ้านานหลายชั่วโมง จนในที่สุด พ่อกับแม่ของเด็ก ๆ ก็เดินออกมาจากบ้าน พร้อมกับร้องบอกลูก ๆ ว่า “พ่อกับแม่จะไปเยี่ยมคุณยายสักหน่อย ถ้าพวกหนูหิวก็หาอะไรกินรองท้องไปก่อนนะ”
เจ้าพุดดิ้งดีใจมากที่รู้ว่าพ่อกับแม่ของเด็ก ๆ จะไม่อยู่บ้านสักพักใหญ่ ๆ เมื่อมันเห็นว่าพ่อกับแม่ของเด็ก ๆ เดินลับตาไปแล้ว เจ้าหมาป่าหนุ่มจึงรีบวิ่งไปที่ประตูบ้าน แล้วดัดเสียงหลอกเด็ก ๆ ให้เปิดประตูให้ “เปิดประตูให้แม่หน่อย แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากคุณยาย”
เมื่อเด็ก ๆ ได้ฟังเสียงของเจ้าพุดดิ้งที่ปลอมเป็นแม่ เด็กน้อยทั้งสองจึงรีบเปิดประตูเพื่อต้อนรับ แต่อนิจจา…แทนที่บุคคลซึ่งอยู่ตรงหน้าประตูจะเป็นแม่ของพวกเขา มันกลับกลายเป็นหมาป่าหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ที่ยืนแลบลิ้นเลียปากแผล็บ ๆ พร้อมกับตั้งท่าจะกระโดดเข้าขย้ำเด็ก ๆ กินให้สมอยาก
ในเวลาที่แสนคับขันเช่นนั้น เด็กน้อยสองพี่น้องกลับไม่มีท่าทีเกรงกลัวเจ้าหมาป่าเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ เด็ก ๆ ยังจ้องมองเจ้าพุดดิ้งอย่างมีเลศนัยพร้อมกับแลบลิ้นเลียปากแผล็บ ๆ แล้ววิ่งเข้าจับตัวหมาป่าหนุ่มก่อนที่มันจะกระโจนเข้าหาพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
เจ้าพุดดิ้งประหลาดใจมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเด็กทั้งสองส่งยิ้มและแยกเขี้ยวขาว ๆ ให้มันดู เจ้าพุดดิ้งจึงรู้ในทันทีว่า เด็กน้อยไร้เดียงสาทั้งสองคนนั้น แท้จริงแล้วก็คือ “ลูกของยักษ์” ที่อาศัยอยู่ในป่าลึกนั่นเอง
หมาป่าหนุ่มผู้หวังจะลองลิ้มชิมเนื้อเด็กถึงกับหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เพราะมันรู้ซึ้งถึงชะตากรรมที่กำลังรอมันอยู่ เจ้าพุดดิ้งเพิ่งสำนึกผิดที่มันไม่เคยสนใจฟังคำเตือนใด ๆ ของแม่เลย มันร้องไห้พลางคิดว่าหากชาติหน้ามีจริง มันสัญญาว่าจะเชื่อฟังคำเตือนของแม่ให้มากกว่านี้
ในขณะที่ลูกยักษ์ทั้งสองตน ซึ่งเชื่อฟังคำของแม่ที่บอกให้ “หาอะไรกินรองท้องไปก่อน” กำลังเตรียมตัวจะหม่ำหมาป่าที่พลาดท่าเข้ามาให้กินถึงในบ้าน พุดดิ้งใช้พลังเฮือกสุดท้าย ถีบตัวกระโจนออกมาจากบ้านของลูกยักษ์ได้สำเร็จ
และแล้ว…เจ้าพุดดิ้งผู้ดื้อด้านก็รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อมันปลอดภัย เจ้าพุดดื้งก็หยุดพัก พลางนึกในใจว่า นับแต่นี้ มันจะเชื่อฟังคำของแม่ และไม่ดื้อไม่ซนอีกแล้ว
ในที่สุด เจ้าพุดดิ้งก็รอดชีวิตมาได้อย่างที่มันไม่คาดคิด
#นิทานนำบุญ
………………

One thought on “หมาป่าจอมดื้อด้าน”