“โคนันทวิศาล” เป็นนิทานเก่าแก่ที่คนสมัยก่อนรู้จักเป็นอย่างดี วันหนึ่ง พี่นำบุญนึกสนุกอยากท้าทายตัวเอง จึงลองแต่งนิทานเรื่อง “โคนันทวิศาล ภาค2” หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ความลับของวัวจอมพลัง” เพื่อเล่าเหตุการณ์ต่อจากโคนันทวิศาลภาคแรก การแต่งนิทานภาค 2 ให้ต่อเนื่องจากภาคแรกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และมันก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อพี่นำบุญท้าทายตัวเองด้วยการนำ “แก่นเรื่อง” ของนิทานภาคแรกมาเป็น “แก่นเรื่อง” ของนิทานภาค 2 ด้วย แต่ในที่สุด พี่นำบุญก็แต่งนิทานเรื่องโคนันทวิศาล ภาค 2 ได้สำเร็จ พี่นำบุญหวังว่าเด็ก ๆ จะชอบนิทานเรื่องนี้นะครับ ส่วนใครที่อ่านนิทานเรื่องนี้แล้วจะนำไปเขียนบันทึกการอ่านส่งคุณครูก็นำไปเขียนได้เลยนะครับ เชื่อว่าไม่ยากครับ
นิทานเรื่อง ความลับของวัวจอมพลัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง เป็นเจ้าของวัวจอมพลังซึ่งมีนามว่า ‘โคนันทวิศาล’
ครั้งหนึ่ง โคนันทวิศาลเคยช่วยเจ้านายของมันด้วยการลากเกวียนที่หนักอึ้ง จนทำให้เจ้านายของมันได้รับรางวัลจากเศรษฐี ซึ่งหลังจากนั้น เรื่องราวของโคนันทวิศาลก็ได้รับการเล่าขานไปทั่วทุกสารทิศ
เมื่อพระราชาทราบข่าว พระองค์จึงทรงอยากรู้ถึงวิธีที่ชาวนาใช้เลี้ยงดูโคนันทวิศาล จนทำให้มันมีพลังผิดแผกไปจากวัวของชาวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อพระองค์ทรงได้ฟังชาวนาชี้แจงว่า เขาเลี้ยงโคนันทวิศาลด้วยหญ้าฟางและถ้อยคำอันอ่อนหวาน! พระราชาก็เกิดความคลางแคลงสงสัย
โดยคิดว่าชาวนาอาจจะมีสติไม่สมประกอบ แต่เพื่อให้เรื่องทั้งหมดกระจ่างขึ้น พระราชาจึงสั่งให้ทหารเตรียมเกวียนบรรทุกของหนักเช่นเดียวกับข่าวที่พระองค์ได้ฟังมา แล้วให้ชาวนานำโคนันท-วิศาลมาทดลองลากเกวียนอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ความจริงให้พระองค์เห็นประจักษ์
ชาวนามิได้กังวลต่อการทดสอบของพระราชาเลยแม้แต่น้อย เพราะชาวนารู้ดีว่า หากเขาต้องการให้โคนันทวิศาลช่วยลากเกวียนที่หนักแสนหนักอีกครั้ง เขาก็เพียงขอร้องเจ้าวัวจอมพลังด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวาน โคนันทวิศาลก็จะออกแรงลากกองเกวียนให้เคลื่อนที่ไปได้โดยไม่มีปัญหา
เย็นวันนั้น ชาวนานำหญ้าสด ๆ และฟางกรอบ ๆ ไปเลี้ยงวัวจอมพลังของเขามากเป็นพิเศษ และหลังจากที่มันกินอาหารจนพุงกางแล้ว ชาวนาก็บอกให้โคนันทวิศาลเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการลากเกวียนต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งโคนันทวิศาลเองก็น้อมรับและตั้งใจที่จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่
เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวนาพาโคนันทวิศาลตรงไปยังลานหน้าพระราชวังตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เขามองกองเกวียนที่บรรทุกสัมภาระจนเต็มปรี่โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด แต่ในขณะ-เดียวกัน โคนันทวิศาลกลับไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากมันกินหญ้าและฟางเกินขนาดจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
ครั้นเมื่อถึงเวลาที่โคนันทวิศาลจะต้องลากเกวียนทั้งหมดเพื่อแสดงพลังให้พระราชาทอดพระเนตร เจ้าวัวเคราะห์ร้ายก็เกิดปวดท้องจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ซึ่งทำให้มันได้แต่ยืนนิ่ง ๆ และพยายามอั้นไม่ให้ตัวเองเผลอปล่อยอะไรปู้ดป้าดออกมาต่อหน้าพระราชาผู้พึงเคารพ
ฝ่ายพระราชาซึ่งทนดูเจ้าวัวยืนเฉย ๆ อยู่พักใหญ่ ในที่สุด พระองค์ก็ทรงตะโกนเตือนชาว-นาว่า หากวัวของชาวนาไม่สามารถลากเกวียนได้ดั่งคำเล่าลือ เห็นทีที่พระองค์จะต้องสั่งให้ทหารโบยตีชาวนาโทษฐานกุเรื่องโกหกจนผู้คนเข้าใจไขว้เขวกันไปทั่ว
เมื่อชาวนาได้ฟังดังนั้น เขาจึงรีบตรงเข้าไปหาโคนันทวิศาล แล้วเอ่ยปากขอร้องวัวของเขา ให้ช่วยออกแรงลากเกวียนเพื่อพิสูจน์พละกำลังให้พระราชาได้ทรงเห็น
แม้ว่าโคนันทวิศาลจะต้องการทำตามคำขอร้องของเจ้านายผู้น่าสงสาร แต่มันเองก็รู้ตัวดีว่า ความปั่นป่วนในท้องของมันวิกฤตเกินกว่าที่มันจะสามารถเบ่งพลังใดใดออกมาเพื่อลากกองเกวียนให้เคลื่อนที่ไปได้ อย่างไรก็ตาม โคนันทวิศาลเองก็ไม่อยากที่จะให้เจ้านายของมันต้องถูกลงโทษ ดังนั้น โคนันทวิศาลจึงรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อคิดหาวิธีช่วยเหลือเจ้านายของมันให้จงได้
เจ้าวัวจอมพลังพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก มันคิด…คิด…แล้วก็คิด ในที่สุด มันก็ค้นพบวิธีที่แสนวิเศษในการลากเกวียนให้เคลื่อนที่
วิธีของโคนันทวิศาลเป็นวิธีที่ชาวนาเคยใช้กับมันในการลากเกวียนเมื่อครั้งก่อน กล่าวคือ โคนันทวิศาลตัดสินใจเหลียวไปมองกองเกวียนที่อยู่เบื้องหลัง แล้วเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจาก “เหล่าล้อเกวียน” ทั้งหลาย…ด้วยถ้อยคำที่สุภาพและนอบน้อมเป็นที่สุด
แน่นอน…ไม่มีใครไม่ชอบฟังถ้อยคำที่อ่อนหวาน ดังนั้น เมื่อเหล่าล้อเกวียนได้ยินคำขอร้องที่แสนสุภาพ ล้อเกวียนทุก ๆ ล้อจึงพร้อมใจกันหมุน ซึ่งทำให้ดูราวกับว่า โคนันทวิศาลกำลังลากกองเกวียนทั้งหมดให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ด้วยพละกำลังของมันแต่เพียงผู้เดียว
พระราชาผู้ไม่ทราบถึงความลับของโคนันทวิศาลทรงพอใจต่อสิ่งที่ได้เห็นมาก ดังนั้น พระ-องค์จึงมอบรางวัลให้แก่ชาวนาในฐานะที่เลี้ยงดูวัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ และก่อนที่ชาวนาจะพาวัวของเขากลับบ้าน โคนันทวิศาลก็ไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวขอบคุณเหล่าล้อเกวียนทั้งหลาย ที่ช่วยให้มันกับเจ้านายรอดพ้นจากเหตุการณ์คับขันในครั้งนี้
ในที่สุด พลังของถ้อยคำที่สุภาพและอ่อนหวานก็ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาอีกครั้ง
#นิทานนำบุญ
………………

ดีมากครับ
LikeLike