“แม่เลี้ยงใจร้าย” เป็นภาพจำฝังหัวจากนิทานในอดีตหลาย ๆ เรื่อง เช่น แม่เลี้ยงใจร้ายในซินเดอเรลล่า หรือ แม่มดที่เป็นแม่เลี้ยงของสโนว์ไวท์ แม้กระทังนิทานไทยอย่างปลาบู่ทอง ตัวละครแม่เลี้ยงก็ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะตัวร้ายของเรื่อง
การปลูกฝังภาพ “คนใจร้าย” ให้แม่เลี้ยง เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย เพราะในปัจจุบัน เด็ก ๆ ในหลายครอบครัวก็เติบโตขึ้นด้วยการดูแลเอาใจใส่ของแม่เลี้ยง การบอกเล่าเรื่องราวเพื่อให้ลูกเลี้ยงและแม่เลี้ยงมีทัศนคติที่ดีต่อกัน จึงน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการใส่ภาพคนใจร้ายเข้าไปในใจเด็ก (รวมทั้งตัวแม่เลี้ยง) ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงแต่งนิทานเรื่อง “แม่เลี้ยงลูกเลี้ยง” โดยนำฉากความเป็นนิทานจีนเข้ามาสร้างบรรยากาศให้กับเรื่องราว และผูกเรื่องให้แตกต่างจากนิทานในแบบที่หลาย ๆ คนเคยอ่าน หวังว่านิทานเรื่องนี้จะให้ความเพลิดเพลินและประโยชน์ต่อผู้อ่านนะครับ
นิทานจีนก่อนนอน : แม่เลี้ยงลูกเลี้ยง
ไป่หยวนเป็นลูกของคนปลูกข้าวโพดที่มีฐานะยากจน ทุก ๆ วัน ครอบครัวของเขาจะต้องออกไปทำงานในไร่ข้าวโพดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พ่อกับแม่ของไป่หยวนทำงานหนักมาก จนกระทั่งเมื่อไป่หยวนอายุได้ 5 ปี แม่ของไป่หยวนก็เกิดล้มป่วยลง และหลังจากนั้นไม่นาน นางก็จากลูกและสามีสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่มีวันหวนกลับ
เมื่อแม่สิ้นบุญ พ่อของไป่หยวนจึงจำต้องแต่งงานใหม่เพื่อหาภรรยามาช่วยงานในไร่ข้าวโพด ไป่หยวนตั้งใจว่าจะรักและดีต่อแม่ใหม่เช่นเดียวกับที่เขารักแม่แท้ ๆ ของตนเอง แต่น่าเสียดาย ภรรยาใหม่ของพ่อกลับระแวงเกรงว่าลูกเลี้ยงจะตั้งแง่รังเกียจตน ดังนั้น นางจึงไม่ยอมทุ่มเทหัวใจรักลูกเลี้ยงของนางอย่างที่แม่แท้ ๆ พึงจะเป็น
5 ปีต่อมา ความโศกเศร้าก็มาเยือนครอบครัวของไป่หยวนอีกครั้ง หลังจากที่พ่อของไป่หยวนเตรียมดินและลงมือหว่านเมล็ดข้าวโพดได้ไม่นาน จู่ ๆ พ่อของไป่หยวนก็ล้มป่วยและจากไป่หยวนไปด้วยอีกคนหนึ่ง ไป่หยวนร้องไห้นานถึงสามวันสามคืน และเมื่อเขาตั้งสติได้ เขาก็ปฏิญาณกับตนเองว่า เขาจะทุ่มเทความรักทั้งหมดให้แก่แม่ใหม่ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่
แม่ใหม่ของไป่หยวนไม่ทราบถึงความตั้งใจของลูกเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย นางจำใจเลี้ยงดูไป่หยวนแทนสามีผู้ล่วงลับเพื่อกันคำครหาจากเพื่อนบ้าน แม่ใหม่ของไป่หยวนหนักใจต่องานในไร่ที่สามีทิ้งไว้ให้เป็นภาระ แต่ด้วยความกตัญญูของไป่หยวน เด็กน้อยจึงรับอาสาดูแลงานในไร่ข้าวโพดแทนพ่อและขอทำงานในส่วนที่แม่ใหม่เคยทำมาก่อน
เมื่อฤดูเก็บเกี่ยวมาถึง เด็กน้อยอายุ 10 ขวบลงมือเก็บเกี่ยวข้าวโพดทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง และหลังจากที่ไป่หยวนเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้ตามต้องการแล้ว เขาก็นำข้าวโพดทั้งหมดบรรทุกขึ้นบนหลังลา จากนั้น เขาก็จูงลาตรงไปยังตลาดในตัวเมือง
จริง ๆ แล้ว ไป่หยวนต้องการที่จะแลกข้าวโพดของเขากับข้าวและเกลือที่คนต่างถิ่นนำมาซื้อขายกันในตลาด แต่หลังจากที่เขาแลกข้าวโพดกับสิ่งที่ต้องการได้เพียงจำนวนหนึ่ง เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเด็กชายหญิงสองคนนำหมั่นโถวลูกเล็ก ๆ มาเร่ขายในตลาด เด็กคนหนึ่งส่งเสียงร้องเพื่อขอแลกหมั่นโถวกับข้าวปลาอาหาร ส่วนอีกคนหนึ่งร้องบอกว่าพวกเขาต้องการนำอาหารไปหุงหาเพื่อรักษาพ่อแม่ที่เจ็บป่วย
ไป่หยวนสงสารเด็กน้อยทั้งสองมาก และหลังจากที่เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจมอบข้าวกับเกลือที่แลกมาได้ให้เด็กทั้งสองนำไปพยาบาลพ่อกับแม่
เย็นวันนั้น ไป่หยวนนำหมั่นโถวและข้าวโพดที่เหลืออยู่บรรทุกกลับไปที่บ้านของเขา เมื่อแม่เลี้ยงเห็นหมั่นโถวลูกเล็ก ๆ ที่ไป่หยวนแลกมาได้ นางก็ก่นด่าไป่หยวนว่าโง่เง่าต่าง ๆ นานา จากนั้น นางก็จัดแจงยึดข้าวโพดที่เหลือมาเก็บเอาไว้ และสั่งให้ไป่หยวนนำหมั่นโถวทั้งหมดไปแลกของที่มีค่ากว่านี้กลับมาให้จงได้
วันรุ่งขึ้น ไป่หยวนนำหมั่นโถวทั้งหมดตรงไปยังตลาดตั้งแต่เช้า เขาพยายามขอแลกหมั่นโถวลูกเล็กๆ กับของจำเป็นต่าง ๆ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่มีใครอยากแลกของมีค่าของตนกับหมั่นโถวลูกเล็ก ๆ เย็นวันนั้น ไป่หยวนจึงตัดสินใจนำหมั่นโถวทั้งหมดไปมอบให้แก่เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในโรงทาน
เด็ก ๆ มีความสุขมากที่ได้รับหมั่นโถวลูกเล็ก ๆ จากไป่หยวน และหลังจากที่พวกเขากินอิ่มแล้ว เด็กกำพร้าทั้งหมดก็พากันวิ่งออกไปหาก้อนหินสวย ๆ เพื่อนำมาตอบแทนความใจดีของเด็กน้อยเจ้าของหมั่นโถว
เมื่อแม่เลี้ยงเห็นไป่หยวนขนหินใส่กระสอบกลับมาบ้าน แม่เลี้ยงโมโหมาก นางจึงขับไล่ไป่หยวนให้ไปให้พ้น ๆ ไป่หยวนรู้สึกผิดและไม่อยากทำให้แม่ใหม่ต้องขุ่นเคืองใจ ดังนั้น เขาจึงลากกระสอบใส่หินที่เด็กกำพร้ามอบให้ แล้วเดินจากไปเพื่อรอเวลาให้แม่ใหม่หายโกรธ
ไป่หยวนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบ่อน้ำเก่าที่อยู่ใกล้ ๆ กับชายป่า ขอบบ่อก่อด้วยหินและมีถังชักรอกให้คนตักน้ำไปใช้ได้ตามอัธยาศัย ไป่หยวนหิวน้ำ เขาจึงแวะพักเพื่อตักน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องให้ช่วยดังขึ้นมาจากก้นบ่อ!
เมื่อไป่หยวนรู้แน่ชัดว่ามีใครคนหนึ่งพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ เขาจึงพยายามยื่นมือลงไปเพื่อดึงผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาจากก้นบ่อ แต่โชคร้ายที่บ่อน้ำลึกเกินกว่าที่เขาจะคว้ามือของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาได้ มิหนำซ้ำ เขายังไม่มีเชือกหรือกิ่งไม้ที่ยาวพอจะยื่นลงไปเพื่อช่วยเหลือ ด้วยเหตุนี้ ไป่หยวนจึงต้องใช้ความคิดเพื่อหาวิธีที่เขาพอจะทำได้ และในที่สุด ไป่หยวนก็ค้นพบวิธีที่แสนวิเศษ
ไป่หยวนหยิบก้อนหินในกระสอบที่เด็กกำพร้ามอบให้เขาและจัดการหย่อนก้อนหินลงไปในบ่อทีละก้อนสองก้อน เมื่อก้อนหินจมลงไปในน้ำ ระดับน้ำก็ค่อย ๆ สูงขึ้นจนผู้เคราะห์ร้ายสามารถลอยตัวขึ้นมาจนเกือบถึงขอบบ่อ ไป่หยวนส่งมือให้ผู้เคราะห์ร้ายอีกครั้งเพื่อดึงเขาขึ้นจากบ่อน้ำ ซึ่งในที่สุด ไป่หยวนก็ได้พบว่า ผู้เคราะห์ร้ายก็คือลูกชายของเจ้าเมืองที่แอบมาเล่นซ่อนหาและพลัดตกลงไปในบ่อน้ำตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนั้น
ท่านเจ้าเมืองดีใจมากที่เห็นลูกชายกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และหลังจากที่ลูกของเจ้าเมืองเล่าเรื่องราวและความชาญฉลาดของไป่หยวนให้บิดาฟัง เจ้าเมืองจึงออกปากว่าจะชุบเลี้ยงไป่หยวน โดยจะให้ไป่หยวนอยู่เป็นเพื่อนเพื่อคอยดูแลลูกชายสุดที่รัก
ไป่หยวนยินดีที่เจ้าเมืองมีเมตตาต่อเขา แต่ด้วยความที่เขาไม่อยากปล่อยให้แม่ใหม่ต้องอยู่ที่บ้านตามลำพัง ไป่หยวนจึงขอร้องเจ้าเมืองอนุญาตให้เขาพาแม่เลี้ยงมาอยู่ด้วย เจ้าเมืองซาบซึ้งในความกตัญญูของไป่หยวนที่มีต่อแม่เลี้ยง ดังนั้น เจ้าเมืองจึงอนุญาตให้ไป่หยวนทำตามคำร้องขอ
แม่เลี้ยงแปลกใจเมื่อไป่หยวนกลับมาหานางและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้นางฟัง นางเริ่มตระหนักถึงความรักที่ลูกเลี้ยงมีต่อตนและหวนระลึกถึงความดีของไป่หยวนนับตั้งแต่วันแรกที่นางก้าวเข้ามาเป็นแม่คนใหม่ของเด็กชายผู้มีจิตใจดีงามคนนี้ แม่เลี้ยงกล่าวคำขอโทษลูกเลี้ยงและสัญญาว่าจะรักลูกเลี้ยงเปรียบดั่งเป็นลูกรัก และแล้ว ไป่หยวนก็ได้มีแม่แท้ ๆ อีกครั้งหนึ่ง.
#นิทานนำบุญ
………………………………….
