นิทานไทยเรื่อง “สายมัดห่อลีก” มีที่มาจากการที่ผมได้ไปนอนค้างที่วัดทุ่งโป่ง เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งที่วัดได้จัดพื้นที่บางส่วนเป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ สำหรับรวบรวมของโบราณเอาไว้ ผมเองเคยซื้อสายรัดคัมภีร์เก่าแก่เก็บไว้นานโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ เมื่อเห็นว่าทางวัดตั้งใจรวบรวมของโบราณให้คนรุ่นปัจจุบันได้ศึกษา ผมจึงมอบสายมัดคัมภีร์โบราณให้แก่วัด และต่อมาก็นำแรงบันดาลใจตรงนั้น มาแต่งเป็นนิทานสอนใจเกี่ยวกับการให้ ซึ่งมีลักษณะเป็นนิทานพื้นบ้านภาคเหนือที่ผมแต่งขึ้นใหม่ เมื่อราว 10 ปีก่อนครับ (ใครไม่เคยเห็นสายรัดคัมภีร์โบราณ ลองดูที่ภาพปกของนิทานเรื่องนี้นะครับ สายมัดในภาพคือสายมัดที่ผมมอบให้ทางวัดไปครับ)
นิทานไทยก่อนนอนเรื่อง : สายมัดห่อลีก
นานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง พ่อของเขาเป็นคนชอบสะสมของเก่า บ้านของเขาจึงมีของแปลกตาอยู่หลายชิ้น
วันหนึ่ง พ่อของชายหนุ่มป่วยหนักจึงสั่งเสียเมียและลูกว่า “คนเราเกิดมาแต่ตัว หากตายไป…สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงความดีเท่านั้น พ่อมีของเก่าอยู่มากมาย หากของชิ้นใดเราไม่ได้ใช้ก็ขอจงนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการเถิด ซึ่งจะถือเป็นความดีประการหนึ่งที่พ่ออยากฝากไว้ในโลกนี้”
ครั้นเมื่อพ่อของชายหนุ่มจากไปจริง ๆ ชายหนุ่มกับแม่จึงสำรวจข้าวของต่าง ๆ ที่พ่อสะสมระหว่างนั้น ชายหนุ่มเห็นสายรัดเส้นหนึ่งถักขึ้นจากเส้นด้ายสามสี คือสีเหลือง, สีน้ำเงินและสีแดง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าสายรัดที่เห็นคืออะไรและไม่อยากเก็บมันไว้ เขาจึงนำสายรัดไปผูกกับเสาที่หน้าบ้าน แล้วเขียนประกาศว่า “ขอมอบของแปลก ๆ ชิ้นนี้ ให้แก่คน ๆ แรกที่ต้องการมัน”
หลังจากชายหนุ่มติดประกาศได้สักพัก หญิงสาวที่ชายหนุ่มแอบชอบก็บังเอิญผ่านมาที่บ้าน เมื่อหญิงสาวเห็นสายรัด เธอก็เอ่ยปากขอสายรัดเส้นงามไปใช้ทำเข็ดขัด
ระหว่างนั้น เพื่อนรักของชายหนุ่มเดินผ่านหน้าบ้านมาพอดี เพื่อนของชายหนุ่มชอบลวดลายของสายรัดมาก เขาจึงบอกว่าอยากได้สายรัดไปใช้ทำสายคล้องดาบคู่กายซึ่งเป็นดาบที่ครูมอบให้
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจว่าเขาควรมอบสายรัดให้ใคร มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านมาและเห็นป้ายที่เขียนว่า “ของแปลก ๆ” พระจึงบอกชายหนุ่มว่า สายรัดนี้คือ “สายมัดห่อลีก” หรือสายมัดคัมภีร์ ซึ่งเท่าที่ดูคนทำน่าจะทำด้วยความศรัทธาในศาสนาจึงได้ชิ้นงานที่มีความงดงามเช่นนี้
ชายหนุ่มขอบคุณพระที่ให้ความกระจ่าง เขาเกิดความคิดว่า หากสายรัดเส้นงามเป็นสายมัดคัมภีร์ดังว่า มันก็ควรกลับไปอยู่ที่วัดตามความประสงค์ของเจ้าของเดิม
อย่างไรก็ตาม แม้ชายหนุ่มจะมีใจอยากมอบสายมัดห่อลีกให้ทางวัด แต่เขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะพระท่านมิได้เอ่ยปากว่าต้องการสายรัดเส้นนี้ ดังนั้น หญิงสาวที่ขอสายรัดเป็นคนแรกจึงน่าจะได้สายรัดไปครอบครอง แต่การนำสายมัดคัมภีร์ไปใช้เป็นเข็มขัดก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ชายหนุ่มจึงขอเวลาครุ่นคิดสัก 1 คืน บางที…การมอบสายรัดให้เพื่อนของเขานำไปใช้เป็นสายคล้องดาบซึ่งถือเป็นของมีครู อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดก็เป็นได้
คืนนั้น ชายหนุ่มนอนคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ โดยเขามีทางเลือกอยู่เพียง 3 ทาง คือการมอบสายรัดให้หญิงสาว, เพื่อนรักหรือถวายให้ทางวัด แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดและเคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงพ่อดังแว่วมาว่า “ลูกลองใช้ปัญญาให้ดี บางทีอาจมีทางเลือกที่ 4 ที่ลูกคาดไม่ถึงก็ได้นะ”
เมื่อชายหนุ่มได้สติ เขาก็สะดุ้งตื่นแล้วคิดทบทวนถึงถ้อยคำของพ่อที่เขาได้ยิน ชายหนุ่มนั่งคิดหาวิธีอีกครั้ง เขาคิดอยู่นาน จนในที่สุด เขาก็คิดได้
เช้าวันนั้น ชายหนุ่มจึงชวนหญิงสาวและเพื่อนรักไปที่วัด จากนั้น เขาก็มอบสายรัดให้หญิงสาว โดยบอกทุกคนว่า ใจจริงแล้วเขาอยากมอบสายรัดให้ทางวัด แต่หญิงสาวเป็นคนแรกที่มาถึง เขาจึงไม่อยากผิดคำพูด แต่หากหญิงสาวนำสายรัดไปใช้เป็นเข็มขัดก็ขออย่าได้ตัดหรือทำให้สายรัดเสียหาย เมื่อใช้จนเบื่อก็ขอให้นำสายรัดเส้นนี้มอบต่อให้แก่เพื่อนรักของเขา ในทำนองเดียวกัน เมื่อเพื่อนรักได้รับสายรัดมามัดเป็นสายคล้องดาบ ก็ขออย่าได้ตัดหรือทำให้สายรัดเสียหาย เมื่อใช้จนพอใจก็จงมอบต่อให้แก่วัดเพื่อใช้มัดคัมภีร์ตามเจตนาเดิมของคนที่ทำสายมัดห่อลีกเส้นนี้เถิด
หญิงสาวกับเพื่อนของชายหนุ่มชื่นชมในความคิดของเขามาก หญิงสาวรับสายรัดมาดูแล้วส่งต่อให้เพื่อนของชายหนุ่มโดยไม่ได้นำไปทำเป็นเข็มขัด ส่วนเพื่อนของชายหนุ่มก็จับสายรัดเส้นนั้นอยู่สักพักแล้วถวายสายมัดห่อลีกให้พระผู้ใหญ่ในวัดโดยมิได้นำไปทำเป็นสายคล้องดาบ ทั้งหญิงสาวและเพื่อนของชายหนุ่มมีความสุขมากพอแล้วและยินดีที่สายรัดจะได้เป็นสมบัติของวัดเพื่อใช้ประโยชน์ทางศาสนาต่อไป
พระผู้ใหญ่มองชายหนุ่มพลางอวยพรให้ครอบครัวของเขารวมทั้งพ่อที่ล่วงลับมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ส่วนแม่ของชายหนุ่มก็ชื่นใจที่ลูกชายคิดวิธีมอบของ 1 ชิ้น แต่สร้างความสุขให้ผู้คนได้มากเกินคาดคะเน.
#นิทานนำบุญ
…………………..
