นิทานภาคต่อของนิทานคลาสสิกเรื่อง “สโนว์ไวท์” ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่ง เป็นนิทานที่นำเอา “กระจกวิเศษ” ของแม่มดจากนิทานเรื่องสโนว์ไวท์ มาแต่งเป็นเรื่องใหม่ โดยเรื่องราวทั้งหมดต้องการบอกเล่าความสำคัญของ “การรู้เท่าทันสื่อ” ผ่านนิทานแสนสนุก เพื่อให้ข้อคิดแก่เด็ก ๆ ทั้งนี้เพราะในยุคปัจจุบัน การรู้เท่าทันสื่อ (โดยเฉพาะการหลอกลวงในสื่อออนไลน์) เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็ก การปล่อยให้เด็ก อยู่กับอินเทอร์เน็ตหรือสื่อออนไลน์ บางครั้ง เด็กก็อาจได้ข้อมูลหรือคำแนะนำจากคนที่ไม่หวังดี นิทานก่อนนอนเรื่องนี้ จึงน่าจะช่วยให้ข้อคิดและทำให้คุณพ่อคุณแม่ แนะนำเด็ก ๆ ได้ง่ายขึ้น ลองอ่านดูนะครับ
เจ้าหญิงกับกระจกวิเศษ
กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง เป็นเจ้าหญิงที่ทั้งสวย ทั้งฉลาด และเชื่อฟังพ่อแม่เป็นที่สุด
วันหนึ่ง มีแม่มดสาวตนหนึ่ง ค้นพบกระจกวิเศษประจำตระกูล นางจึงถามกระจกวิเศษว่า “กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี” เมื่อกระจกวิเศษตอบว่า “ก็ต้องเป็นเจ้าหญิงน่ะสิ ทั่วทั้งปฐพี ไม่มีใครดีและงามเกิน”
ทันทีที่ได้ฟัง แม่มดก็โกรธจัด เพราะนางคิดว่าตนสวยที่สุด เมื่อกระจกวิเศษเห็นเช่นนั้น แทนที่มันจะปรามให้สงบ กระจกวิเศษกลับยุให้แม่มด หาทางจัดการกับเจ้าหญิงเสีย
แม่มดสาวคิดอยู่สักพัก ในที่สุด นางจึงวางแผนส่งกระจกวิเศษไปเป็นของขวัญให้เจ้าหญิงเพื่อให้กระจกยุให้เจ้าหญิงทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหญิงกลายเป็นคนไม่ดี
เมื่อถึงวันเกิดของเจ้าหญิง แม่มดก็ทำตามแผนโดยแกล้งทำทีเป็นมีไมตรีจิต แล้วมอบกระจกให้เจ้าหญิงโดยบอกว่า กระจกที่มอบให้ เป็นกระจกวิเศษที่ตอบคำถามได้ทุกอย่าง (ราวกับอินเตอร์เน็ตในสมัยนี้)
เจ้าหญิงตื่นเต้นและพอใจมาก จึงนำกระจกวิเศษไปไว้ที่ห้อง ครั้นเมื่อกระจกวิเศษ ได้อยู่กับเจ้าหญิงตามลำพัง กระจกก็เริ่มยุให้เจ้าหญิงทดลองทำสิ่งไม่ดีไม่งาม โดยอ้างว่า เรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ เพราะมันเป็นชีวิตของเรา!
กระจกแนะให้เจ้าหญิงนอนดึก ๆ หรือหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกวังในตอนกลางคืน รวมทั้งชักชวนให้สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เล่นการพนัน ตามแบบที่วัยรุ่นชอบทำกัน
คำแนะนำของกระจกวิเศษ ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกแปลก ๆ เพราะคำพูดของกระจกวิเศษต่างจากคำสอนของพ่อกับแม่โดยสิ้นเชิง
เจ้าหญิงคิดว่ากระจกวิเศษ น่าจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจ เจ้าหญิงจึงแกล้งถามว่า “กระจกวิเศษจ๋า ถ้าหญิงทำตามที่พี่กระจกบอก แล้วเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จับได้ หญิงควรทำอย่างไรดีล่ะจ๊ะ”
เมื่อกระจกวิเศษได้ฟัง มันจึงแกล้งตอบว่า “ถ้าพระราชากับพระราชินีจับได้ เจ้าหญิงก็แค่แต่งเรื่องโกหกเพื่อเอาตัวรอด เดี๋ยวท่านก็หลงเชื่อเองแหละ”
การโกหกพ่อแม่เป็นเรื่องที่ไม่ดี เจ้าหญิงจึงมั่นใจว่า กระจกวิเศษ ต้องคิดร้ายกับพระองค์แน่ ๆ (รวมทั้งแม่มดที่นำกระจกมาให้ก็คงมีแผนการร้ายซ่อนอยู่) ด้วยเหตุนี้ เจ้าหญิงจึงนำเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ซึ่งเมื่อทั้งสองพระองค์ได้ฟัง ทั้งสองก็นำกระจกมาสอบสวน จากนั้น ก็จัดการทำลายกระจกตัวร้ายเพื่อไม่ให้มันไปเสี้ยมสอนใคร ๆ ให้ทำเรื่องเลวร้ายได้อีก นอกจากนี้ พระราชากับพระราชินีก็ให้พ่อมดหลวง ไปจับแม่มดมาขังไว้ เพื่อรอการลงโทษ
โชคดีเหลือเกินที่เจ้าหญิง ไม่ได้มีหน้าตาที่งดงามเท่านั้น แต่พระองค์ยังเฉลียวฉลาด และรู้จักนำเรื่องที่ได้พบได้ฟัง ไปปรึกษาหารือพ่อกับแม่ เพื่อให้ท่านช่วยคิด คุณสมบัติต่าง ๆ นี้เองที่ทำให้เจ้าหญิงรอดจากผู้ประสงค์ร้าย
ในที่สุด กระจกวิเศษของตระกูลแม่มดก็หมดโอกาสไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร ๆ อีก ส่วนแม่มดที่มีจิตใจชั่วร้าย ก็ต้องรับโทษอยู่ในคุกเวทมนตร์ และได้ใช้เวลาสำนึกผิดอยู่ในคุกไปอีกนานแสนนาน
#นิทานนำบุญ
………………
