นิทานเรื่องนี้มีที่มาจากเรื่องจริง เป็นเรื่องจริงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ได้ฟังเค้าโครงมาจากเพื่อนชาวสวีเดนเมื่อราว 20 ปีก่อน ซึ่งเล่าถึง หญิงสาวชาวอัฟริกันคนหนึ่งผู้มีเสียงร้องเพลงอันแสนวิเศษ และในเวลาต่อมา เธอได้รับการผลักดันให้ไปร้องเพลงที่ประเทศฝรั่งเศส จนกลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง วันที่เพื่อนชาวสวีเดนเล่าเรื่องจริงเรื่องนี้ให้ฟัง เขาเปิดเพลงของเธอให้ฟังด้วย เสียงร้องของเธอฟังแล้วชวนเศร้า จนทำให้ผมอยากแต่งนิทานสักเรื่อง โดยนำเรื่องราวของเธอมาแต่งเติมให้กลายเป็นนิทาน และนี่คือที่มาของนิทานที่ผมรักมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง หวังว่านิทานเรื่องนี้จะทำให้หลาย ๆ คนมีความสุขนะครับ
นิทานก่อนนอนเรื่อง เสียงร้องจากท้องทะเล
“ชัสตูล” เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเลลึก แต่เดิมไม่มีคนอาศัยอยู่ที่เกาะชัสตูลเลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง มีทาสที่เป็นโรคติดต่อ ถูกพามาปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ และเมื่อพวกเขาบางคนรอดชีวิตจากโรคร้าย ชนเผ่าอิสระในนามของชาวเกาะชัสตูลจึงถือกำเนิดขึ้น
ชาวเกาะชัสตูลรุ่นแรกๆ พยายามเลี้ยงตัวเองด้วยการปลูกพืชเพื่อใช้เป็นอาหาร แต่เพราะชัสตูลเป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลแสนไกล ไกลเสียจนสายฝนหลงทางและตามไปตกไม่ถึง พืชพรรณที่ชาวเกาะชัสตูลหว่านไถจึงไม่สามารถ ที่จะงอกงามขึ้นมาได้
ชาวเกาะชัสตูลไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แม้พวกเขาจะปลูกพืชไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่สิ้นหวัง ชาวชัสตูลหลายคนช่วยกันต่อเรือเพื่อออกไปหาปลา แม้คลื่นลมในทะเลลึกจะรุนแรงเสียจนพวกเขาแทบจะจับปลาไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องออกไปหาปลา เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตรอด
ชีวิตของชาวเกาะชัสตูลเต็มไปด้วยความแร้นแค้นแสนเศร้า สิ่งเดียวที่พอจะปลอบประโลมใจและให้ความหวังแก่พวกเขาได้ ก็คือบทเพลงที่พวกเขาร้องเพื่อขอพรต่อพระอาทิตย์และพระจันทร์ ชาวเกาะชัสตูลมักจะมารวมตัว กันที่ชายหาดและร้องเพลงแสนหวานเพื่อขอให้พระอาทิตย์และพระจันทร์ประทานความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่พวกเขา
การร้องเพลงขอพรของชาวเกาะชัสตูลดำเนินไปจากรุ่นสู่รุ่น แม้ชาวเกาะชัสตูลจะพยายามส่งพลังใจเพื่อขอพรจากพระอาทิตย์และพระจันทร์มากสักเพียงใด แต่สายฝนก็ยังคงขาดสาย และคลื่นลมก็ยังคงโหดร้าย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
อยู่มาวันหนึ่ง “มิเอคา” เด็กสาวชาวชัสตูล เกิดความคิดที่เจิดจรัสซึ่งไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน มิเอคาอยากจะเปลี่ยนเสียงเพลงให้กลายเป็นข้าวปลาอาหาร แทนการร้องเพลงขอพรจากพระอาทิตย์และ พระจันทร์ที่ดูเหมือนจะไร้ซึ่งความหมาย ดังนั้น มิเอคาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกและเดินทางออกจากเกาะชัสตูล เพื่อมุ่งสู่ผืนแผ่นดิน
การเดินทางกลางทะเลลึกไม่ใช่เรื่องง่าย มิเอคาและเพื่อนๆ ต้องใช้ทั้งกำลังลังกาย กำลังใจในการต่อสู้กับ คลื่นลมที่โหมซัดอยู่เกือบตลอดเวลา หลายครั้งที่ฝีพายบางคนเริ่มท้อถอย มิเอคาผู้กล้าหาญก็จะร้องเพลงเพื่อส่งกำลังใจให้กับเพื่อนๆ แม้มิเอคาจะเป็นเด็กสาวชาวเกาะที่มีหน้าตาแสนจะธรรมดา แต่เสียงร้องเพลงของเธอกลับงดงามราวกับความฝัน ในที่สุด มิเอคาและเพื่อนๆ ก็สามารถฝ่าคลื่นลมและเดินทางถึงแผ่นดินได้อย่างปลอดภัย
มิเอคาและเพื่อนๆ ออกตระเวณไปทั่วเมืองเพื่อขอร้องเพลงแลกเปลี่ยนกับข้าวปลาอาหาร แต่เพราะมิเอคา เป็นเด็กสาวชาวเกาะธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครเลยที่คิดจะต้อนรับเธอหรือแม้แต่จะเปิดโอกาสให้เธอได้ร้องเพลงให้พวกเขาฟัง
ชาวเกาะชัสตูลไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
แม้จะไม่มีใครยอมให้มิเอคาร้องเพลงในที่ของพวกเขา แต่มิเอคาและเพื่อนๆ ก็ยังไม่หมดกำลังใจ ในค่ำคืนนั้น มิเอคาและเพื่อนๆ จึงมานั่งล้อมวงกันในสวนสาธารณะ และเริ่มต้นร้องเพลงที่แสนไพเราะของชาวเกาะชัสตูล
เสียงเพลงของมิเอคาล่องลอยตามสายลมและเล็ดรอดเข้าไปตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ เมื่อชาวเมืองได้ยินเสียงเพลงที่งดงามราวกับความฝัน ทุกๆ คนก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลและอยากที่จะเห็นเจ้าของเสียงเพลงที่แสนวิเศษคนนี้
ชาวบ้านต่างพากันออกจากบ้านและไปรวมตัวกันที่สวนสาธารณะเพื่อฟังเพลงของมิเอคา เมื่อเพลงหนึ่งผ่านไป ชาวบ้านก็พากันร้องขอที่จะฟังเพลงต่อไปอย่างไปหยุดหย่อน
มิเอคาร้องเพลงของชาวเกาะชัสตูลเพลงแล้วเพลงเล่า ทั้งบทเพลงที่แสนเศร้าและบทเพลงที่อ่อนหวาน ในที่สุด เสียงเพลงก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นข้าว และในที่สุด…เสียงเพลงก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นปลา
มิเอคาส่งข้าวปลาอาหารกลับไปให้ชาวเกาะชัสตูล โดยที่เธอกับเพื่อนๆ ยังไม่อาจที่จะกลับไปยังเกาะชัสตูลได้ เพราะตอนนี้ ใครต่อใครต่างก็พากันเล่าลือถึงเสียงเพลงที่งดงามราวกับความฝันจนทำให้เธอและเพื่อนๆ ต้องออกเดินทางกันอีกครั้ง เพื่อขับกล่อมคนทั้งโลกด้วยบทเพลงของชาวเกาะชัสตูล…และด้วยเสียงร้องจากท้องทะเล
#นิทานนำบุญ
…………………..

2 thoughts on “นิทานทะเล : เสียงร้องจากท้องทะเล”