คำว่า “้เดี๋ยวก่อน ๆ” เป็นคำที่คุณพ่อคุณแม่มักได้ยินเด็ก ๆ พูด เวลาที่เรียกให้ทำสิ่งต่าง ๆ เช่น อาบน้ำได้แล้ว กินข้าวได้แล้ว ทำการบ้านได้แล้ว ฯลฯ จริง ๆ การพูดว่าเดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นช่วงที่เด็กหรือผู้ใหญ่กำลังทำหน้าที่ค้างคาอยู่ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ถ้าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ผัดวันประกันพรุ่ง รีรอ ไม่ยอมลงมือทำจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย แบบนี้ไม่ดีแน่ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงแต่งนิทานสอนใจ เป็นนิทานก่อนนอนพร้อมข้อคิด ที่พูดถึงคำว่า “เดี๋ยวก่อน” ในสองแง่มุม โดยเปรียบเทียบคนที่พูดว่าเดี๋ยวก่อนแบบผัดวันประกันพรุ่ง กับคนที่พูดว่าเดี๋ยวก่อนโดยขอทำหน้าที่ให้เสร็จก่อน ว่าผลที่ได้ต่างกันอย่างไร? หวังว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อ คุณแม่ คุณครู ในการนำไปใช้เตือนใจเด็ก ๆ นะครับ
นิทานเรื่อง เหมียวเหมียวกับโฮ่งโฮ่ง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกแมวตัวหนึ่งกับลูกหมาอีกตัวหนึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ลูกแมวมีชื่อว่าเหมียวเหมียว ส่วนลูกหมามีชื่อว่าโฮ่งโฮ่ง เหมียวเหมียวกับโฮ่งโฮ่งเรียนหนังสือโรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกัน แถมยังอยู่บ้านใกล้กัน ทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ
ช่วงปิดเทอม คุณครูฮิปโปให้การบ้านนักเรียนมาทำเป็นตั้ง ๆ เหมียวเหมียวขี้เกียจทำการบ้าน มันจึงเดินไปชวนโฮ่งโฮ่งให้ออกมาเล่นด้วย โฮ่งโฮ่งกำลังทำการบ้านอยู่ มันจึงบอกเหมียวเหมียวว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ ขอทำการบ้านต่ออีกหน่อยนะ”
ไม่นานนัก เหมียวเหมียวก็ได้เล่นสนุกกับโฮ่งโฮ่ง แต่เมื่อมันกลับถึงบ้าน คุณแม่ก็เตือนให้มันรีบทำการบ้านที่คั่งค้างอยู่ เหมียวเหมียววิ่งเล่นมาจนเหนื่อย มันจึงบ่ายเบี่ยงตอบคุณแม่ว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ เก็บไว้ทำทีหลังแล้วกันนะ”
วันต่อมา เหมียวเหมียวอยากชวนโฮ่งโฮ่งไปตกปลา โฮ่งโฮ่งกำลังทำการบ้านอยู่ มันจึงบอกเหมียวเหมียวว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ ขอทำการบ้านต่ออีกหน่อยนะ”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เหมียวเหมียวก็ได้ไปตกปลากับโฮ่งโฮ่งเพื่อนรัก แต่เมื่อมันกลับถึงบ้าน คุณแม่ก็เตือนให้มันรีบทำการบ้านที่คั่งค้างอยู่ เหมียวเหมียวยังไม่มีอารมณ์ทำการบ้านเลย มันจึงบ่ายเบี่ยงตอบคุณแม่ว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ เก็บไว้ทำตอนก่อนเปิดเทอมก็ยังทันนะ”
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เหมียวเหมียวชวนโฮ่งโฮ่งให้ออกไปเที่ยวเล่นทุก ๆ วัน ซึ่งมันก็ต้องนั่งรอโฮ่งโฮ่งทำการบ้านก่อนเสมอ จนพรุ่งนี้จะถึงวันเปิดเทอมแล้ว แต่เหมียวเหมียวก็ยังไม่ได้ลงมือทำการบ้านเลยแม้สักนิด เมื่อคุณแม่เตือนเหมียวเหมียวเป็นครั้งสุดท้าย เหมียวเหมียวก็ไม่วายบ่ายเบี่ยงตอบคุณแม่ว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ เก็บไว้ทำคืนนี้ก็ยังทันนะ” หลังจากนั้น เหมียวเหมียวก็แอบไปชวนโฮ่งโฮ่งให้ออกไปหาของอร่อย ๆ กินด้วยกันอีก
วันนั้น โฮ่งโฮ่งทำการบ้านวิชาสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันจึงออกไปหาของอร่อย ๆ กินกับเหมียวเหมียวได้โดยไม่ต้องพูดว่าเดี๋ยว ๆ อีก
เหมียวเหมียวกับโฮ่งโฮ่งกินขนมจนพุงกาง เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน พอทั้งคู่กลับถึงบ้าน พวกมันก็ง่วง..ง้วง..ง่วง แล้วก็เผลอหลับปุ๋ยไปจนถึงรุ่งเช้า
ในวันเปิดเทอม เหมียวเหมียวตาลีตาเหลือกตื่นมาทำการบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ แต่การบ้านมีมากเกินกว่าจะทำเสร็จได้ในวันเดียว ในที่สุด…เหมียวเหมียวจอมขี้เกียจก็ถูกคุณครูตีก้นไปตามระเบียบ
เหมียวเหมียวสำนึกผิดที่มันชอบพูดเดี๋ยว ๆ โดยไม่สนใจคำเตือนของคุณแม่ เจ้าแมวน้อยสัญญากับตัวเองว่า มันจะเลิกนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่งที่ทำให้ต้องเจ็บก้นแบบนี้เสียที ซึ่งในการปิดเทอมครั้งต่อมา เหมียวเหมียวก็ปรับปรุงนิสัยของตัวเองได้สำเร็จ.
#นิทานนำบุญ
…………………..

ได้คำศัพท์ใหม่1คำสอนลูกค่ะ ผลัดวันประกันพรุ่ง ตอนอ่านจบลูกบอกว่าต้มแทนผัดได้มั้ย(นึกว่าลูกเล่นมุข) เลยต้องอธิบายความหมายให้ฟัง^^
LikeLike
ดีใจจังครับที่คุณแม่กับลูกมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกัน ตอนที่พี่นำบุญเรียนมัธยมปลาย จำได้ว่า ข้อสอบวิชาภาษาไทย มีการนำสำนวน “ผัดวันประกันพรุ่ง” กับ “ผลัดวันประกันพรุ่ง” มาเป็นข้อสอบเกี่ยวกับการสะกดคำ (ว่าคำใดถูก คำใดผิด) พี่นำบุญตอบว่า “ผลัดวัน” ซึ่งผิด ตอนนั้นงงมาก เพราะตัวเองใช้ผลัดมาตลอด แต่พอมาอ่านตำรา จึงได้รู้ว่า คำที่สะกดถูกต้องคือ “ผัดวันประกันพรุ่ง” เดี๋ยวพี่นำบุญก๊อปคำอธิบายจากราชบัณฑิตให้อ่านนะครับ ขอบคุณคุณแม่มาก ๆ เลือกอ่านนิทานในเเว็บไซต์นี้ให้ลูกฟังนะครับ ดีใจจริง ๆ ครับ
LikeLiked by 1 person
ผัด-ผลัด : คำว่า ผัด เขียน ผ ผึ้ง ไม้หันอากาศ ด เด็ก แปลว่า ขอเลื่อนเวลาออกไป เช่น ผัดวันประกันพรุ่ง. ขอผัดหนี้ไปก่อน. คนที่นัดจะมาพบวันนี้เขาขอผัดไปเป็นวันอาทิตย์หน้า.
สำนวน ผัดวันประกันพรุ่ง แปลว่า ขอเลื่อนเวลาจากที่กำหนดนัดไว้ออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าต้องการใช้ในความหมายว่า ขอเลื่อนเวลาออกไป ต้องใช้คำว่า ผัด ไม่มี ล ลิง ควบ ถ้าต้องการใช้ในความหมายว่า เปลี่ยน ต้องใช้ ผลัด มี ล ลิง ควบ
LikeLike