นิทานเรื่องนี้ เป็นนิทานก่อนนอนอีกเรื่อง ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่ง แต่ลืมเนื้อเรื่องไปนานแล้ว เมื่อมีโอกาสได้กลับมาอ่านใหม่ ทำให้รู้สึกว่า นิทานเรื่องนี้มีลักษณะคล้ายกับนิทานอีสปอยู่พอสมควร แต่เรื่องราวยังคงอบอุ่นอ่อนโยนตามแบบของนิทานนำบุญ ก่อนอ่าน..ผมอยากสารภาพว่า ตัวเองลืมตอนจบของนิทานเรื่องนี้ และเผลอเดาตอนจบไปอีกแบบ ดังนั้น ระหว่างที่อ่าน ลองเดาตอนจบไปด้วยนะครับ แล้วดูว่าจะเดากันถูกไหม ขอให้มีความสุขในการอ่านนะครับ
นิทานเรื่อง ความปรารถนาของหมาจิ้งจอก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งนึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ใครต่อใครมักจะกล่าวหาว่าสุนัขจิ้งจอกทุก ๆ ตัวเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์เหมือน ๆ กันไปหมด เจ้าจิ้งจอกน้อยรู้สึกขมขื่นที่ผู้คนลืมคิดไปว่า คนมีดีมีเลวฉันใด สุนัขจิ้งจอกก็มีดีมีเลวฉันนั้น และด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจของเจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงหมั่นทำความดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จนนางฟ้าเห็นใจและมอบพรวิเศษให้กับมันเพื่อเป็นของขวัญแห่งการทำความดี
เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยได้รับพรวิเศษจากนางฟ้า แทนที่มันจะใช้พรวิเศษเพื่อตัวของมันเอง มันกลับเก็บพรวิเศษเอาไว้ และตั้งใจที่จะมอบพรวิเศษให้แก่ใครสักคนที่เชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกบางตัวไม่ได้เป็นสัตว์เจ้าเล่ห์อย่างที่หลาย ๆ คนคิด
เจ้าจิ้งจอกน้อยออกเดินทาง โดยมันเดินทางไปเข้าเฝ้าระราชาผู้ยิ่งใหญ่เป็นคนแรก เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยพบกับพระราชา มันก็กราบทูลพระราชาด้วยความนอบน้อมว่า “ข้าแต่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ หากพระองค์ทรงเชื่อใจและมอบอาหารให้แก่หม่อมฉัน หม่อมฉันจะมอบพรวิเศษให้แก่พระองค์เป็นการตอบแทน”
พระราชาทรงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าจิ้งจอก พระองค์ทรงมองเจ้าจิ้งจอกตั้งแต่หัวจรดหาง จากนั้น พระราชาก็ทรงกล่าวกับเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเย้ยหยันว่า “ใครจะไปเชื่อถือสุนัขจิ้งจอกอย่างเจ้าได้ หากเจ้ามีพรวิเศษจริง เจ้าก็จงเนรมิตอาหารให้แก่ตัวเองเถิด ข้าไม่หลงกลของเจ้าง่าย ๆ หรอก”
จิ้งจอกน้อยเสียใจมากที่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับมันเช่นนั้น มันพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นมันก็เดินทางตรงไปยังบ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่งเป็นลำดับต่อไป
เมื่อสุนัขจิ้งจอกได้พบกับเศรษฐี มันก็เอ่ยปากกับเศรษฐีว่า “ข้าแต่ท่านเศรษฐีผู้มั่งคั่ง หากท่านเชื่อใจและมอบอาหารให้แก่ฉัน ฉันจะมอบพรวิเศษให้แก่ท่านเป็นการตอบแทน”
เศรษฐีมองสุนัขจิ้งจอกอย่างเหยียดหยาม จากนั้น เขาก็พูดกับเจ้าจิ้งจอกน้อยว่า “ใครจะไปเชื่อถือสุนัขจิ้งจอกอย่างเจ้าได้ หากเจ้ามีพรวิเศษจริง เจ้าก็จงเนรมิตอาหารให้แก่ตัวเองเถิด ข้าไม่หลงกลของเจ้าง่าย ๆ หรอก”
จิ้งจอกน้อยเสียใจมากที่เศรษฐีผู้มั่งคั่งกล่าวกับมันเช่นนั้น มันพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นมันก็เดินทางตรงไปยังบ้านของนักปราชญ์ผู้ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาดกว่าใคร ๆ ในแผ่นดินนี้
เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยได้พบกับนักปราชญ์ มันก็พูดกับนักปราชญ์ว่า “ข้าแต่ท่านนักปราชญ์ผู้ชาญฉลาด หากท่านเชื่อใจและมอบอาหารให้แก่ข้า ข้าจะมอบพรวิเศษให้แก่ท่านเป็นการตอบแทน”
นักปราชญ์คิดทบทวนคำพูดของเจ้าจิ้งจอกอยู่พักใหญ่ จากนั้น เขาก็พูดกับเจ้าจิ้งจอกน้อยว่า “ใครจะไปเชื่อถือสุนัขจิ้งจอกอย่างเจ้าได้ หากเจ้ามีพรวิเศษจริง เจ้าก็จงเนรมิตอาหารให้แก่ตัวเองเถิด ข้าไม่หลงกลของเจ้าง่าย ๆ หรอก”
จิ้งจอกน้อยเสียใจมากที่ไม่มีใครเชื่อใจมันเลย ในเมื่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระราชา คนร่ำรวยอย่างเศรษฐี และคนที่เฉลียวฉลาดอย่างนักปราชญ์ ยังมีความเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกทุก ๆ ตัว เป็นสัตว์เจ้าเล่ห์เหมือน ๆ กันไปหมด แล้วอย่างนี้ ใครเล่าที่จะเห็นความจริงว่า สุนัขจิ้งจอกที่ดีก็ยังมีอยู่อีกมากต่อมาก
ในขณะที่เจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังท้อใจและเกือบจะหมดหวังอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีตายายคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาหามันด้วยแววตาที่เป็นมิตร เมื่อจิ้งจอกน้อยมองเห็นผู้เฒ่าทั้งสองเดินตรงเข้ามาหามัน เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงค่อย ๆ นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม จากนั้น มันก็พูดกับคุณตาคุณยายอย่างอ่อนน้อมว่า “ตาจ๋ายายจ๋าหากคุณตากับคุณยายเชื่อใจและมอบอาหารให้แก่ฉัน ฉันก็จะขอมอบพรวิเศษให้แก่คุณตาคุณยายเพื่อเป็นการตอบแทน”
ตากับยายมองหน้าเจ้าจิ้งจอกน้อยด้วยความเอ็นดู แม้ทั้งคู่จะไมใช่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระราชา ไม่ได้รวยล้นฟ้าอย่างมหาเศรษฐี และไม่ได้เฉลียวฉลาดอย่างนักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญในการท่องหนังสือ แต่ด้วยความเป็นคนสามัญธรรมดาที่ผ่านโลกมามาก ทั้งคู่จึงเข้าใจความจริงของโลกอย่างถ่องแท้
คุณตากับคุณยายไม่คิดว่าเจ้าจิ้งจอกจะหลอกลวงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และในขณะเดียวกัน ทั้งคู่ก็ไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับพรวิเศษใด ๆ จากสุนัขจิ้งจอกเป็นการตอบแทน สิ่งเดียวที่คุณตากับคุณยายคิดและอยากจะทำมากที่สุดก็คือ ทั้งคู่เพียงอยากจะช่วยให้เจ้าจิ้งจอกน้อยหายหิวเท่านั้น
จิ้งจอกน้อยดีใจที่ในที่สุดก็มีคนเชื่อใจมันจนได้ เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยกินอาหารเสร็จ มันจึงบอกให้คุณตากับคุณยายอธิษฐานขอพรจากนางฟ้า ตากับยายซึ่งช่วยเหลือสุนัขจิ้งจอกโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนมองหน้ากันครูหนึ่ง จากนั้น ทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันแล้วเอ่ยปากอธิษฐานว่า “ตากับยายคงมีความสุขมาก หากคนทั้งโลกเลิกคิดว่าสุนัขจิ้งจอกทุกตัวเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ ดังนั้น ตากับยายจึงอยากอธิษฐานให้ทุก ๆ คนเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพื่อที่สุนัขจิ้งจอกดี ๆ จะได้มีชีวิตที่เป็นสุขกับเขาบ้าง”
หลังจากสิ้นถ้อยคำอธิษฐาน อำนาจวิเศษก็ดลบันดาลให้สิ่งที่คุณตาคุณยายคาดหวังเป็นจริงขึ้นมา เจ้าจิ้งจอกน้อยซาบซึ้งใจที่คุณตากับคุณยายหวังดีต่อมันด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ จิ้งจอกน้อยจึงขออยู่ปรนนิบัติคุณตากับคุณยายเหมือนเป็นลูกในบ้านหลานในไส้สืบมา
และแล้ว..นิทานเรื่องนี้ก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ
…………………..

มีช่วงนึกที่เขียนแล้วงงนะครับ คำพูดของราชา เศรษฐี นัก ปราชญ์ ไม่ควรเหมือนกันเป๊ะแบบนี้
LikeLike
ขอบคุณนะครับ ตอนแต่ง ผมพยายามเล่นคำซ้ำ (คือใช้ประโยคเหมือนกัน) แต่อาจทำให้คนอ่านสับสนได้จริง ๆ ต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ 🙂
LikeLike