นิทานเรื่องนี้ แต่งขึ้นเมื่อวันที่ 31 เดือนตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เข้าวัดเพือฝึกการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางหลวงพ่อเทียน เมื่อปฏิบัติธรรมครบตามเวลาก็ถึงกำหนดส่งนิทานเรื่องนี้ เพื่อพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนฉบับวันพ่อ (5 ธันวาคม 2557) ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้นำข้อคิดจากการเข้าวัดมาแบ่งปันให้ผู้อ่านได้อ่านในรูปแบบของนิทาน นิทานเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น ผมหวังว่านิทานเรื่องนี้จะให้ข้อคิดและช่วยเตือนจิตสะกิดใจใครหลาย ๆ คน (รวมทั้งตัวผมเอง) ได้บ้าง
นิทานเรื่อง ธรรมของพ่อ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า “ไท” ไทเป็นเด็กที่มีนิสัยขี้โกรธ แค่มีใครหรืออะไรทำให้ไทไม่ถูกใจ ไทก็มักโมโหโทโสได้เสมอ ๆ เมื่อคุณพ่อของไทเห็นลูกชายมีนิสัยเช่นนี้ คุณพ่อจึงอยากแนะนำบางสิ่งที่สำคัญมากให้ลูกได้รู้
เช้าวันหนึ่ง คุณพ่อเรียกไทมาพบแล้วชวนลูกชายว่า “เราไปเดินเล่นในป่ากันดีไหม?” ไทดีใจมาก เพราะคุณพ่อไม่เคยชวนเขาเข้าป่าด้วยเลย เมื่อไทตอบตกลงและถามคุณพ่อว่า “ผมต้องเอาอะไรไปด้วยไหม” คุณพ่อยิ้มแล้วหยิบก้อนหินรูปหัวใจก้อนเล็ก ๆ ออกมา จากนั้น คุณพ่อก็บรรจงใส่ก้อนหินก้อนน้อยลงในกระเป๋าเสื้อของไท พร้อมกับบอกว่า “ไม่ต้องหรอก แค่ลูกดูแลหัวใจให้ดี ๆ ก็พอแล้ว”
เมื่อสองพ่อลูกพร้อม ทั้งคู่ก็ออกเดินทางเข้าป่าด้วยกัน ในตอนแรก ไทมีความสุขกับทุกสิ่งที่เขาได้เห็น เขาเดินตามพ่อและใช้มือข้างซ้ายแตะก้อนหินรูปหัวใจที่กระเป๋าเสื้อไม่ให้หล่นหาย
ครั้นเมื่อสองพ่อลูกเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้น ๆ ไทก็เริ่มเหนื่อยและรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ช่างไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย “ทำไมพื้นในป่าถึงได้เดินยากแบบนี้นะ ทำไมอากาศถึงร้อนแบบนี้นะ ทำไมลมไม่รู้จักพัดนะ ทำไมสัตว์น่ารัก ๆ ไม่โผล่ออกมาให้เราเห็นบ้างเลยนะ” ไทเดินไปบ่นไปด้วยความโมโห
เมื่อคุณพ่อได้ยิน คุณพ่อก็หันมายิ้มให้ไทพร้อมกับบอกว่า “อย่าลืมดูใจนะลูก อย่าลืมดูแลหัวใจให้ดี ๆ” ตอนนั้น ไทใจหายวาบ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมจับก้อนหินรูปหัวใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไทรีบใช้มือแตะที่กระเป๋าเสื้อ ซึ่งเขายังโชคดีที่ก้อนหินรูปหัวใจไม่ได้หายไปไหน
ไทเดินตามพ่อต่อมาอีกสักพัก ยิ่งเดินลึกเข้าไปในป่ามากเท่าไหร่ การเดินทางก็ยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเดินมาถึงภูเขากลางป่า ฝนก็ตกลงมา คุณพ่อรีบพาไทไปหลบฝนในถ้ำเล็ก ๆ ไทโมโหฝนมาก เขาจึงบ่นออกมาอีกครั้งว่า “ทำไมฝนต้องตกในวันนี้ด้วยนะ”
เมื่อคุณพ่อได้ยิน คุณพ่อก็เตือนลูกชายว่า “อย่าลืมดูใจนะลูก อย่าลืมดูแลหัวใจให้ดี ๆ” ไทใจหายวาบอีกครั้ง เขารีบใช้มือแตะก้อนหินที่กระเป๋าเสื้อ และเขาก็ยังโชคดีที่ก้อนหินรูปหัวใจยังอยู่ในนั้น
หลังฝนตก พ่อพาไทออกเดินทางต่อ อากาศหลังฝนตกไม่ร้อนเหมือนก่อนหน้า แม้พื้นจะเฉอะแฉะ แต่การเดินบนพื้นเปียก ๆ ก็ชวนให้สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ ฝนยังทำให้ป่าดูสดชื่นกว่าเดิม ที่สำคัญ ไทเห็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ ออกมาเล่นน้ำฝนที่ขังอยู่ตามพื้นเต็มไปหมดด้วย
ไทเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าเขาอาจเผลอลืมบางสิ่งบางอย่างไปอีกแล้ว ไทรีบเอามือแตะก้อนหินรูปหัวใจตรงกระเป๋าเสื้อ โชคดีที่ก้อนหินยังอยู่ แต่สิ่งที่ไม่ดีคือ เขาลืมดูแลหัวใจดวงนี้…ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
เสี้ยววินาทีที่ไทกลับมารู้สึกตัว ไทก็พิจารณาใจของตัวเองที่เคยโมโหพื้นดิน, อากาศ, ลมและฝน แต่แค่เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เขาก็กลับมารู้สึกดีกับฝนที่เปลี่ยนแปลงสายลม, อากาศ, พื้นดิน รวมทั้งทำให้สัตว์ออกมาจากที่หลบซ่อน “สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ฉันโมโหคืออะไรกันแน่?” ไทรำพึง
เมื่อคุณพ่อได้ยิน คุณพ่อก็หยุดเดินแล้วหันมามองดูลูกชายด้วยแววตาที่มีความหมายพร้อมกับพูดว่า “อย่าลืมดูใจนะลูก อย่าลืมดูแลหัวใจให้ดี ๆ”
ไทฟังถ้อยคำและมองแววตาของพ่ออย่างมีสติ ณ เวลานี้ เขารู้แล้วว่า สิ่งที่ทำให้เขาโมโหไม่ใช่ใครที่ไหน แต่มันเกิดจากใจของเขาทั้งนั้น แค่ไม่ถูกใจ ไม่ตรงใจ เขาก็พร้อมจะโมโหได้เสมอ!
การเดินป่ากับพ่อทำให้ไทได้ข้อคิดอันล้ำค่า เขารู้แล้วว่าการดูใจและดูแลหัวใจให้ดี ๆ ที่พ่อบอกหมายถึงอะไร
นับจากวันนั้น ทุกครั้งที่ไทโมโห เขาจะแตะก้อนหินรูปหัวใจในกระเป๋าเสื้อแล้วย้อนกลับมาดูหัวใจของตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้เขาพบว่าสาเหตุของความโกรธเป็นเรื่องที่น่าขำ เพราะมันเกิดจากใจของเขาทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะใครคนอื่นเลย
#นิทานนำบุญ

ถูกใจ และประทับใจกับนิทานเรื่องนี้จ้ะ
LikeLike