“ตุ๊กตาหมีกระต่าย” เป็นนิทานก่อนนอนที่เกิดขึ้น ตอนที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เล่นตุ๊กตากับหลานสาว เนื้อเรื่องของนิทานเรื่องนี้ ไม่ได้สวิงสวายมากนัก แต่เป็นนิทานที่มีแง่คิดสอนใจ และใช้เป็นนิทานในการสอนเรื่อง “ความคิดสร้างสรรค์” หรือ “การใช้ความคิดในการแก้ปัญหา” ได้ดี หวังว่านิทานเรื่องนี้จะถูกใจทุก ๆ คนนะครับ
นิทานเรื่อง ตุ๊กตาหมีกระต่าย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ของพวกเขา
ฝาแฝดคนพี่ชื่อว่า “ซือซือ” เป็นเด็กผู้ชาย ส่วนฝาแฝดคนน้องชื่อว่า “อิงอิง” เป็นเด็กผู้หญิง แม้สองพี่น้องจะมีเรื่องทะเลาะกันทุกวี่วัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างรัก, ห่วงใยและใส่ใจกันมาก
อยู่มาวันหนึ่ง คุณพ่อกับคุณแม่ซื้อตุ๊กตาขนปุยมาให้ซือซือกับอิงอิงเป็นของขวัญ แต่เนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่กลัวลูก ๆ จะทะเลาะกัน ทั้งคู่จึงซื้อตุ๊กตาหมีหน้าตาเหมือนกันให้ลูกทั้งสอง
ซือซือชอบหมีอยู่แล้วจึงดีใจที่ได้ตุ๊กตาหมีจากคุณพ่อคุณแม่ ส่วนอิงอิงชอบกระต่ายมากกว่าหมี พอเห็นตุ๊กตาหมี…อิงอิงจึงได้แต่น้อยใจคิดว่าคุณพ่อคุณแม่รักพี่ชายมากกว่า
วันต่อมา เมื่อคุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน ซือซือสังเกตเห็นน้องสาวทำหน้าบูด ๆ เหมือนคนท้องผูกมาหลายวัน พอซือซือเอาตุ๊กตาหมีของเขาออกมาเล่น เขาก็เห็นน้องสาวมองค้อน ๆ แถมทำหน้าบึ้งมากขึ้นไปอีก
ด้วยความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่เกิด แค่ซือซือมองตาของอิงอิง ซือซือก็รู้แล้วว่าน้องสาวต้องไม่พอใจอะไรบางอย่างแน่ ๆ
ซือซือมองรูปภาพบนโต๊ะของอิงอิง รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เขาเห็นแต่รูปกระต่าย…กระต่าย แล้วก็กระต่าย มีเพียงตุ๊กตาขนปุยตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นหมี เพียงเท่านี้…ซือซือก็พอจะเดาได้แล้วว่าน้องสาวงอนอะไรอยู่
ถึงซือซือกับอิงอิงจะทะเลาะกันบ่อย แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ อิงอิงก็คงทำหน้าบูดทั้งวันซึ่งเสียทั้งเวลาและอารมณ์ไปเปล่า ๆ ซือซือคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยให้น้องสาวอารมณ์ดีขึ้นและเพื่อให้พวกเขาสองพี่น้องได้เล่นตุ๊กตาด้วยกันอย่างมีความสุข
ซือซือมองตุ๊กตาหมีของตัวเองแล้วใช้ความคิดนิดหน่อย เมื่อสมองเริ่มทำงาน ความคิดดี ๆ ก็ผลิบานขึ้นในใจ
ซือซือส่งยิ้มให้ตุ๊กตาหมีของเขา แล้ววิ่งไปหยิบกระดุมสีสวย, กาวและเศษไหมพรม จากนั้น เด็กน้อยก็จับตุ๊กตาหมีเอาขาชี้ฟ้า วางตุ๊กตาหมีบนพื้นใกล้ ๆ กับที่อิงอิงนั่ง แล้วเอากระดุม สามเม็ดมาทากาวติดที่ “พุง” ของตุ๊กตาหมีเป็นตาและจมูก ปิดท้ายด้วยการตัดเศษไหมพรมสีชมพูทากาวติดเป็นปาก ครั้นเมื่อซือซืออุ้มตุ๊กตาหมีแบบกลับหัวกลับหางให้อิงอิงดู ตุ๊กตาหมีของเขาก็กลายเป็นตุ๊กตากระต่ายได้อย่างน่าอัศจรรย์


อิงอิงยิ้มออกมาทันทีที่ได้เห็น “ตุ๊กตาหมีกระต่าย”
จริง ๆ แล้ว การโมโหโทโสไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แต่การใช้ความคิดต่างหาก ที่ช่วยแก้ความขุ่นมัวในใจและทำให้เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นมาได้
อิงอิงส่งยิ้มให้ซือซือแล้วหยิบตุ๊กตาหมีของเธอมาแปลงร่างเป็นตุ๊กตากระต่ายบ้าง ในขณะเดียวกัน ซือซือก็ลงมือทำอะไรบางอย่างเตรียมไว้ให้น้องสาว
ครั้นเมื่ออิงอิงทำตุ๊กตากระต่ายของเธอเสร็จ ซือซือก็ยื่นโบว์น้อยน่ารักให้อิงอิงติดที่หูของเจ้าตุ๊กตากระต่ายหลังจากนั้น สองพี่น้องฝาแฝดที่ทะเลาะกันได้ทุกวี่วัน (แต่รักกันไม่แพ้พี่น้องคู่ไหน ๆ ) ก็เล่นตุ๊กตาด้วยกันจนกระทั่งคุณพ่อคุณแม่กลับมาถึงบ้าน
คุณพ่อกับคุณแม่แปลกใจที่เห็นตุ๊กตาของลูก ๆ แปลงร่างเป็นได้ทั้งกระต่ายและหมี เมื่อคุณพ่อกับคุณแม่ทราบเรื่องราวทั้งหมด คุณพ่อกับคุณแม่ก็ขอโทษอิงอิงที่ลืมคิดว่าลูกสาวชอบกระต่ายมากกว่าหมี
แต่อิงอิงขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เลือกตุ๊กตาหมีมาให้ เพราะนอกจากเธอจะได้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้สติปัญญาแก้ปัญหาแล้ว เธอยังได้รู้อีกว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอใส่ใจและห่วงใยเธอมากขนาดไหน
และแล้ว…เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ
…………………………………………………
