นิทานก่อนนอนเรื่อง เจ้าชายเซยุค เป็นนิทานเกี่ยวกับเจ้าชายที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งลงในนิตยสารขวัญเรือน และได้รับการพิมพ์เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็ก ในชุด “ตามรอยพระราชา” ซึ่งเป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กที่ประกอบด้วยหนังสือ 5 เล่ม และหนังสือในชุดนี้ได้รับรางวัลระดับประเทศหลายรางวัล
นิทานก่อนนอนเรื่อง เจ้าชายเซยุค อาจเป็นนิทานที่มีเนื้อเรื่องไม่สวิงสวาย แต่เป็นนิทานสอนใจคนที่น่าจะมีประโยชน์ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งผมหวังว่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้ จะให้ข้อคิดที่ดีแก่ทุก ๆ คนครับ
นิทานเรื่อง เจ้าชายเซยุค
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายองค์หนึ่งทรงพระนามว่าเจ้าชายเซยุค
เจ้าชายเซยุคเป็นโอรสเพียงองค์เดียวของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงเป็นเจ้าชายที่คำนึงถึงความสุขของผู้อื่นมากกว่าความสุขของพระองค์เสมอ ครั้นเมื่อพระราชาทรงมีอายุมากขึ้นและปรารถนาจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข พระองค์จึงแต่งตั้งให้เจ้าชายเซยุคเป็น “ว่าที่พระราชา” แล้วให้เจ้าชายลองปกครองอาณาจักรโดยมีเหล่าเสนาบดีคอยให้คำปรึกษา
เมื่อเจ้าชายเซยุคได้เริ่มต้นบริหารประเทศ พระองค์ทรงตั้งใจทำงานโดยคำนึงถึงความสุขของปวงชนมากกว่าความสุขของพระองค์เอง เช่นเมื่อครั้งที่เสนาบดีคิดจะจัดงานฉลองให้พระองค์ เจ้าชายก็ทรงขอร้องให้เหล่าเสนาฯ นำเงินที่จะใช้จัดงานไปซื้ออาหารและของจำเป็นต่าง ๆ แจกจ่ายให้แก่ประชาชนแทนการนำมาใช้เพื่อประโยชน์สุขของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงรักเจ้าชายเซยุคของพวกเขายิ่งนัก
ต่อมาไม่นาน เจ้าชายเซยุคทรงทราบข่าวว่าอาณาจักรข้างเคียงที่อยู่ทางทิศเหนือเกิดเหตุไฟไหม้จนพืชพรรณต่าง ๆ เสียหายไปจนเกือบหมดสิ้น ส่วนอาณาจักรทางทิศตะวันออกก็เกิดน้ำท่วมหนักจนสัตว์เลี้ยงล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และอาณาจักรทางทิศใต้ก็ประสบปัญหาขาดแคลนครูอาจารย์ที่จะช่วยถ่ายทอดความรู้ให้ประชาชนนำไปพัฒนาบ้านเมือง
เมื่อเจ้าชายทราบเรื่อง พระองค์จึงประสงค์จะส่งเมล็ดพืชสำคัญ ๆ , พ่อพันธุ์แม่พันธุ์สัตว์ รวมทั้งเหล่าครูอาจารย์ไปยังอาณาจักรเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เมื่อเจ้าชายนำเรื่องเข้าหารือกับเสนาบดี เหล่าเสนาฯทั้งหมดกลับคัดค้าน เพราะนอกจากมันจะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์แล้ว หากอาณาจักรเหล่านั้นตั้งหลักได้ พวกเขาก็อาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งทางการค้าต่อไปในอนาคต
แม้คำทัดทานของเหล่าเสนาฯจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่เจ้าชายคิดว่าการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เจ้าชายจึงตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร, เครื่องแต่งกายและข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ลง แล้วขอนำเงินส่วนต่างเป็นทุนช่วยเหลืออาณาจักรข้างเคียงโดยไม่คิดรบกวนเงินทองอื่นใดที่อาจทำให้อาณาจักรของพระองค์ต้องเดือดร้อน
เมื่อเจ้าชายยอมสละความสะดวกสบายส่วนตัวลง เหล่าเสนาบดีจึงไม่อาจขัดขวางความประสงค์ของเจ้าชายได้ แต่ในขณะเดียวกัน การตัดสินใจในครั้งนี้กลับทำให้เหล่าเสบาบดีเกิดความไม่พอใจเจ้าชายเป็นอย่างยิ่ง
นับจากวันนั้น เสนาบดีทั้งหลายก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เจ้าชายไปต่าง ๆ นานา จนชาวเมืองบางส่วนเริ่มเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าชายเห็นอาณาจักรอื่นสำคัญกว่าพวกเขา และเกิดเป็นกระแสต่อต้าน
ไม่อยากให้เจ้าชายขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา เจ้าชายทรงเสียใจมากที่ประชาชนเข้าใจพระองค์ผิด แต่พระองค์ก็ทรงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่พระองค์กระทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว
หลายปีต่อมา อาณาจักรของเจ้าชายเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งโรคระบาดครั้งนี้ทำให้ชาวเมืองล้มป่วยลงพร้อม ๆ กัน มิหนำซ้ำ สัตว์ต่าง ๆ ก็ตายกันเป็นเบือ แถมพืชสวนพืชไร่ก็ติดโรคจนถึงขั้นต้องเผาทำลายไปทั้งหมด เพียงไม่กี่วัน…อาณาจักรที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็กลับกลายเป็นอาณาจักรที่มีทีท่าว่าจะล่มสลาย!
ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด น้ำใจที่เจ้าชายเซยุคเคยมอบให้แก่อาณาจักรข้างเคียงก็แสดงพลังให้เสนาบดีและประชาชนทั้งหลายได้ประจักษ์ เพราะทันทีที่อาณาจักรเพื่อนบ้านทราบข่าวที่เกิดขึ้น อาณาจักรเหล่านั้นก็ส่งความช่วยเหลือมาให้อย่างเต็มที่
อาณาจักรทางทิศใต้ซึ่งเคยได้ครูไปช่วยสอนวิชาการต่าง ๆ รีบส่งหน่วยแพทย์มาช่วยรักษาผู้ป่วย อาณาจักรทางทิศตะวันออกก็นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สัตว์มาให้เจ้าชายทั้ง ๆ ที่พระองค์มิได้ทรงร้องขอ ส่วนอาณาจักรทางเหนือก็มอบข้าวปลาอาหาร รวมทั้งเมล็ดพันธุ์พืชสารพัดชนิดมาให้ชาว เมืองของเจ้าชายได้ใช้ในการฟื้นฟูบ้านเมือง
เพียงไม่กี่วันหลังเกิดโรคร้าย อาณาจักรที่ดูเหมือนจะล่มสลายก็พลิกฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้ราวกับปาฏิหาริย์
เหล่าเสนาบดีและประชาชนต่างตกตะลึงต่อพลังแห่งความดีที่เจ้าชายได้กระทำเอาไว้ พวกเขารู้สึกผิดที่คิดต่อต้านเจ้าชายไม่ให้เป็นพระราชา ชาวเมืองทุกคนเพิ่งรู้ว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือ เกินที่ได้เกิดในแผ่นดินของเจ้าชายผู้มีจิตใจงดงามเช่นนี้
เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดคลี่คลายลง พระราชาซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์มาโดยตลอดจึงตัดสินใจสละราชสมบัติ แล้วให้เจ้าชายเซยุคขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาองค์ใหม่ เหล่าเสนาบดีและประชาชนต่างยินดีที่เจ้าชายเซยุคได้ปกครองบ้านเมืองสืบต่อจากพระบิดา และพวกเขาก็สัญญาว่าจะยึดคติ “การคิดถึงความสุขของผู้อื่นก่อนคิดถึงความสุขของตนเอง” เป็นหลักธรรมในการดำรงชีวิต
#นิทานนำบุญ
……………………………………..