นิทานเรื่อง “เจ้าหนูซิ่งสายฟ้า” หรือแต่เดิมมีชื่อว่า “เจ้าหนูนักซิ่ง” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งขึ้น โดยตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่า ถ้าเราจะแต่งนิทานเกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซต์ ให้เป็นนิทานที่เหมาะสำหรับเด็ก มันมีทางเป็นไปได้หรือไม่ และถ้าเป็นไปได้ เรื่องราวของนิทานควรเป็นอย่างไร?
โจทย์ในการแต่งนิทานเกี่ยวกับมอเตอร์ไซต์ เกิดขึ้นเพราะผมเห็นว่า เด็กวัยรุ่นในเมืองไทยจำนวนมาก นิยมขี่มอเตอร์ไซต์ ซึ่งหลายคนอาจลืมคำนึงถึงความปลอดภัยและชอบขี่แข่งกันบนท้องถนน การห้ามเด็กวัยรุ่นไม่ให้ขี่ในวัยที่เขากำลังคึกคะนองคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่การใช้นิทานในการปลูกจิตสำนึก และสร้างทัศนคติหรือมุมมองอื่น ๆ ในการขับขี่มอเตอร์ไซต์ อาจทำให้เด็กที่เติบโตขึ้น เลือกขี่มอเตอร์ไซต์ในวิถีทางที่เหมาะสมได้มากขึ้น และนี่คือความตั้งใจที่ทำให้ผมแต่งนิทานเกี่ยวกับมอเตอร์ไซต์เรื่องนี้
นิทานเรื่อง เจ้าหนูซิ่งสายฟ้า
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งชื่อว่า “ซิ่ง” ปู่ของซิ่งเป็นนักขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถังคนแรกของหมู่บ้าน พ่อของซิ่งเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ประจำจังหวัดที่ทุก ๆ ต่างรู้จัก พี่ชายของซิ่งเป็นนักกีฬามอเตอร์ไซค์วิบากที่กำลังจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งในระดับประเทศ ส่วนซิ่งเป็นเด็กน้อยที่หวังว่าสักวัน เขาจะได้รับการยอมรับจากทุก ๆ คนในฐานะ “เด็กแว้น” นักขี่มอเตอร์ไซค์บนท้องถนนที่โด่งดังที่สุดในโลก
เมื่อแม่ทราบถึงความใฝ่ฝันของลูกชายคนเล็ก ในตอนแรก คุณแม่รู้สึกค่อนข้างเป็นห่วง แต่เมื่อคุณแม่ทราบว่า ซิ่งต้องการเป็นเด็กแว้นเพราะอยากให้คนทั่วไปยอมรับเหมือนที่คุณปู่, คุณพ่อและพี่ชายได้รับการยอมรับ คุณแม่จึงสนับสนุน โดยคุณแม่แนะนำให้ซิ่งหัดขี่จักรยานสองล้อดูก่อน และให้ลูกชายไปถามเคล็ดลับในการขับขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อให้ได้รับการยอมรับ จากคุณปู่, คุณพ่อและพี่ชายด้วย
ซิ่งดีใจที่คุณแม่ไม่ขัดขวางสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน ด้วยเหตุนี้ ซิ่งจึงตั้งใจทำตามคำแนะนำ โดยเริ่มจากการไปสอบถามเคล็ดลับจากคุณปู่, คุณพ่อและพี่ชาย เพื่อนำเคล็ดลับมาใช้ในการหัดขับขี่จักรยานด้วยตัวเอง
เมื่อซิ่งไปสอบถามพี่ชาย พี่ชายตอบเขาว่า “การแข่งมอเตอร์ไซค์วิบากต้องใช้ความอดทนมาก บางที..ความอดทนอาจเป็นเคล็ดลับที่ทำให้นักขับขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพี่ได้รับการยอมรับจากทุก ๆ คนนะ”
เมื่อซิ่งไปสอบถามคุณพ่อ คุณพ่อตอบเขาว่า “เคล็ดลับที่ทำให้นักแข่งมอเตอร์ไซค์อย่างพ่อได้รับการยอมรับจากทุก ๆ คนอาจเป็นเพราะพ่อหมั่นฝึกซ้อมจนขี่มอเตอร์ไซค์ได้รวดเร็วแต่ปลอดภัย ซึ่งต่างจากหลาย ๆ คนที่ขี่ได้ไวกว่าพ่อ แต่มักเกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอ ๆ”
ครั้นเมื่อซิ่งไปขอเคล็ดลับจากคุณปู่ คุณปู่ยิ้มแล้วตอบเขาว่า “การที่คนยอมรับปู่คงเป็นเพราะปู่ขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อทำให้คนดูมีความสุข ไม่ใช่ขี่เพื่อความสุขของตัวเองนะ”
เคล็ดลับจากคุณปู่, คุณพ่อและพี่ชาย ทำให้ซิ่งคิดหนัก เพราะการเป็นเด็กแว้นเท่าที่เขารู้จัก คือการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกลุ่มตามท้องถนนพร้อมกับเร่งเครื่องให้ส่งเสียงดังแว้น ๆ ในยามค่ำคืน ซึ่งแม้ว่าคนขับจะต้องฝึกซ้อมขี่มอเตอร์ไซค์ให้พุ่งทะยานไปได้ไวราวกับจรวด แต่ส่วนใหญ่มักเกิดอุบัติเหตุและสร้างความรำคาญให้ผู้คนมากกว่าจะเป็นการสร้างความสุข ดังนั้น ถ้าเขายังรักจะขี่มอเตอร์ไซค์บนท้องถนนให้ผู้คนยอมรับ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างที่แตกต่างจากเด็กแว้นทั่ว ๆ ไป
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ระหว่างที่ซิ่งฝึกขี่จักรยาน เขาก็เฝ้าครุ่นคิดหาวิธีเป็นเด็กแว้นแนวใหม่ ที่ยึดความสุขของผู้คนทั้งหลายเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ขี่เพื่อความสุขของตนเองเท่านั้น และเมื่อซิ่งมีอายุถึงเกณฑ์ที่จะฝึกขี่มอเตอร์ไซค์ เขาก็เริ่มสังเกตเห็นลู่ทางที่เขาน่าจะใช้การขี่มอเตอร์ไซค์สร้างความสุขให้แก่ผู้คนในหมู่บ้านได้
ในช่วงเวลานั้น ซิ่งสังเกตเห็นว่า หมู่บ้านของเขามีคนเฒ่าคนแก่ที่ต้องอยู่บ้านตามลำพังเป็นจำนวนมาก ซิ่งรู้สึกว่าคนเฒ่าคนแก่เกือบทุกคนเดินไปไหนต่อไหนได้อย่างยากลำบาก ถ้าหากมีใครช่วยทำให้คนเฒ่าคนแก่ลำบากน้อยลงอีกสักนิดก็คงเป็นสิ่งที่วิเศษไม่น้อย และในเสี้ยววินาทีที่ซิ่งรู้สึกเช่นนั้น ความคิดบางอย่างก็สว่างวาบขึ้นในใจของเขา
ในเวลาต่อมา เมื่อซิ่งขี่มอเตอร์ไซค์ได้คล่องแคล่วและได้รับใบขับขี่ถูกต้อง เขาก็ลงมือทำตามความคิด โดยการเริ่มต้นเป็นเด็กแว้น แต่เป็นเด็กแว้นแนวใหม่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนไปตามท้องถนน รวมถึงตรอกซอกซอยทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แม้ซิ่งจะขี่มอเตอร์ไซค์อย่างปราดเปรียวว่องไว แต่เขาไม่ลืมที่จะยึดเอาความปลอดภัยเป็นหลัก และที่สำคัญ ซิ่งจะขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อช่วยซื้ออาหารหรือหยูกยา รวมทั้งการไปตามหมอมาให้คนเฒ่าคนแก่เท่านั้น ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์เล่นตามอำเภอใจโดยเด็ดขาด
หลังจากที่ซิ่งใช้ความเป็นเด็กแว้นเข้ามาช่วยเหลือคนเฒ่าคนแก่ได้สักพัก คนเฒ่าคนแก่ก็เริ่มมีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อชาวบ้านทราบเรื่อง ชาวบ้านจึงพากันชื่นชมซิ่ง เช่นเดียวกับที่เคยชื่นชมคุณปู่, คุณพ่อและพี่ชายของซิ่งมาก่อน หลังจากนั้น ข่าวคราวของซิ่งก็แพร่กระจายไปในโลกออนไลน์ จนเขาโด่งดังและได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วทั้งโลกในชั่วเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น
แต่เรื่องของซิ่งไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อคนที่รักการขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้เห็นสิ่งที่ซิ่งทำ พวกเขาก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มแล้วหันมาขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อช่วยเหลือคนเฒ่าคนแก่บ้าง จนในที่สุด กลุ่มนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนในสังคม แต่ไม่มีใครยอมเรียกพวกเขาว่าเด็กแว้นเลย เพราะเวลานี้ ผู้คนทั่วทั้งโลกช่วยกันตั้งชื่อใหม่ให้พวกเขา โดยเรียกพวกเขาว่า “เด็กว้อน” ซึ่งมาจากคำว่า WANT ที่หมายถึง “กลุ่มของนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องการ”
#นิทานนำบุญ
…………………..
