นิทานให้ข้อคิดดี ๆ เรื่อง ปิ่นโตเพื่อนรัก เป็นนิทานที่มีเนื้อเรื่องง่าย ๆ แต่ถูกใจผู้อ่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นิทานก่อนนอนเรื่องนี้ เป็นนิทานที่พูดถึงเรื่องน้ำใจเพื่อน ที่มุ่งส่งเสริมให้เด็กรู้จักแบ่งปัน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน หวังว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นนิทานอีกเรื่องที่อยู่ในใจของทุก ๆ คนนะครับ
นิทานเรื่อง ปิ่นโตเพื่อนรัก
กาลครั้งหนึ่ง ณ โรงเรียนกลางทุ่งดอกไม้ มีลูกสัตว์หลากหลายชนิดเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ลูกสัตว์ส่วนใหญ่มีฐานะไม่สู้ดีนัก ยกเว้นก็แต่ลูกยีราฟคอยาวที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองอื่นที่ทางบ้านมีฐานะดีกว่าใคร ๆ
นับตั้งแต่เปิดเทอม ลูกยีราฟจะถือปิ่นโตสูง 7 ชั้นใบใหญ่ไปโรงเรียน โดยปิ่นโตแต่ละชั้นของลูกยีราฟจะแบ่งอาหารเป็นหมวดหมู่ตามสารอาหาร และบางชั้นยังมีของหวานทั้งขนมและผสไม้จัดไว้อย่างครบครันอีกด้วย
ตอนพักเที่ยง…ลูกยีราฟมักหามุมสงบ ๆ ในท้องทุ่งเพื่อนั่งกินอาหารตามลำพังอยู่เสมอ แม้อาหารของลูกยีราฟจะอร่อยมาก แต่ลูกยีราฟกลับรู้สึกว่ามันยังขาดอะไรบางอย่างไป
ณ โรงเรียนแห่งเดียวกันนั้น มีลูกหนูตัวหนึ่งชอบเอาปิ่นโต 7 ชั้นใบจิ๋วติดตัวไปที่โรงเรียนคล้าย ๆ กับลูกยีราฟ แต่ในปิ่นโตของลูกหนู บางวันก็มีอาหาร บางวันก็ว่างเปล่า!
ตอนพักเที่ยง…ลูกหนูมักนั่งกินข้าวกับเพื่อน ๆ ที่โรงอาหารของโรงเรียนอยู่เสมอ กล่องข้าวของเพื่อนในห้องบางทีก็มีอาหาร บางทีก็ว่างเปล่าเหมือนกัน ถ้าลูกหนูเห็นใครไม่มีอาหาร มันก็จะแบ่งอาหารจากปิ่นโตใบจิ๋วให้เพื่อนด้วย ในทางกลับกัน หากวันใดที่ปิ่นโตของลูกหนูว่างเปล่า เพื่อน ๆ ก็จะแบ่งอาหารจากกล่องข้าวมาให้ลูกหนูคนละนิดละหน่อย แม้อาหารอาจมีน้อยกินกันไม่ค่อยอิ่ม แต่ลูกหนูและเพื่อน ๆ ก็อิ่มใจทุกครั้งที่ได้กินอาหารเที่ยงร่วมกัน
อยู่มาวันหนึ่ง ลูกยีราฟเริ่มสังเกตเห็นว่า เพื่อน ๆ ที่กินอาหารในโรงอาหารดูมีความสุขสนุกสนานมากกว่าการนั่งกินข้าวอยู่เพียงลำพัง
ในตอนแรก ลูกยีราฟคิดว่าอาหารของเพื่อน ๆ คงจะอร่อยเป็นพิเศษ แต่เมื่อมันเดินเข้าไปแอบดู มันกลับพบว่าเพื่อนบางตัวก็แทบไม่มีอาหารอยู่ในปิ่นโตหรือกล่องข้าวเลยแม้สักนิด แถมอาหารเหล่านั้นยังดูธรรมดาเอาเสียมาก ๆ
“ทำไมเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเจ้าลูกหนูถึงดูมีความสุขมากเหลือเกินนะ” ลูกยีราฟคิด
เมื่อลูกยีราฟสงสัย มันจึงตัดสินใจนำปิ่นโต 7 ชั้นใบใหญ่มาวางที่โต๊ะและขอนั่งกินอาหารกลางวันร่วมกับเพื่อน ๆ ด้วย
ลูกสัตว์บางตัวมองปิ่นโตของยีราฟแล้วน้ำลายไหล เพราะในกล่องข้าวของพวกมันมีแต่ความว่างเปล่าหรือมีข้าวแต่ไม่มีกับข้าวเลย เมื่อลูกหนูเห็นเช่นนั้น ลูกหนูจึงเปิดปิ่นโต 7 ชั้นของตัวเอง แล้วแบ่งเมล็ดทานตะวันให้เพื่อนที่ไม่มีกับข้าว 1 เมล็ด พร้อมกับปันข้าวเหนียวให้เพื่อนที่ไม่มีข้าวหนึ่งปั้นเล็ก ๆ
ทันทีที่เพื่อนได้รับน้ำใจจากเพื่อน ลูกสัตว์ที่ได้รับน้ำใจจากลูกหนูก็ยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนลูกหนูก็ยิ้มอย่างอิ่มใจแล้วเริ่มลงมือกินอาหารกลางวันพร้อมกับพูดคุยกันอย่างออกรส
เมื่อลูกยีราฟสังเกตเห็นความสุขที่เกิดขึ้นจากการเป็นผู้ให้และความสุขที่ได้จากการเป็นผู้รับ มันจึงตักอาหารในปิ่นโตของตัวเองแบ่งให้เพื่อนคนนั้นคนนี้ รวมทั้งตักแบ่งให้ลูกหนูด้วย
พอลูกหนูได้รับน้ำใจจากลูกยีราฟ มันก็ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้น มันก็ตักเมล็ดทานตะวันในปิ่นโตใบจิ๋วของมันแบ่งให้ลูกยีราฟบ้าง
ลูกยีราฟรู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก การกินอาหารร่วมกัน, พูดคุยกันและการแบ่งปันกันทำให้อาหารมีรสชาติมากขึ้นหลายเท่า
แม้อาหารอาจถูกแบ่งจากปิ่นโตให้เพื่อน ๆ จนลูกยีราฟอิ่มน้อยลงบ้าง แต่ความรู้สึกอิ่มใจกลับเข้ามาแทนที่ ซึ่งเป็นความอิ่มที่อยู่ทนทานนานคงทนมากกว่า ลูกยีราฟจึงขอมานั่งกินอาหารร่วมกับเพื่อน ๆ ทุกวัน และเก็บความสุขที่เกิดขึ้นในการกินอาหารมื้อกลางวันร่วมกับเพื่อน ๆ เป็นความทรงจำที่แสนดีตลอดไป
#นิทานนำบุญ
…………………
