นิทานก่อนนอนเรื่อง “เด็กชายนำโชค” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่ง ในช่วงที่แฮรี่ พอตเตอร์ เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ในช่วงนั้น ผมไม่ได้อ่านนิทานหรือดูภาพยนตร์เรื่องใด ๆ เลย เพราะไม่อยากได้รับอิทธิพลทางความคิดจากสิ่งที่ได้ดูได้ชม แต่เนื่องจากแฮรี่ พอตเตอร์เป็นหนังสือและภาพยนตร์ที่ดังมาก ผมจึงเห็นภาพตัวละครแฮรี่ พอตเตอร์ ตามสื่อต่าง ๆ บ้าง และอยากลองแต่งนิทานที่มีบรรยากาศอึมครึมเต็มไปด้วยเวทมนตร์แบบนั้นบ้าง นิทานเรื่อง “เด็กชายนำโชค” จึงเป็นเสมือนนิทานทดลองที่ผมอาจหาญท้าทายกับหนังสือชื่อดังระดับโลกอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ (ซึ่งถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่เคยอ่านหรือดูแฮรี่ พอตเตอร์เลย) หวังว่านิทานเรื่องนี้จะสนุกพอใช้และถูกใจผู้อ่านนะครับ ขอให้มีความสุขในการอ่านครับ
นิทานเรื่อง เด็กชายนำโชค
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในค่ำคืนที่คละคลุ้งไปด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์อันชั่วร้าย มีเด็กทารกคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับสายฟ้าที่ผ่าลงตรงกลางต้นไม้ใหญ่จนเกิดไฟลุกโชติช่วง
มารดาของเด็กน้อยตั้งชื่อลูกชายว่า ‘นำโชค’ ด้วยนางเชื่อว่าลูกชายคนนี้จะนำความสว่างไสวมาให้แก่ชีวิตของนางเฉกเช่นเดียวกับเปลวไฟในคืนเดือนมืด แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่มารดาของเด็กน้อยเข้าใจผิด เพราะแทนที่เด็กน้อยจะนำโชคดีมาให้ เจ้าหนูผู้น่าสงสารกลับเกิดมาโดยมีชะตากรรมที่จะเป็นผู้นำโชคร้ายไปสู่ทุก ๆ คนที่อยู่รอบข้าง
เพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่เด็กน้อยลืมตาดูโลก ทั้งพ่อและแม่ของเด็กน้อยก็เริ่มเจ็บออด ๆ แอด ๆ จนเพื่อนบ้านต้องช่วยกันส่งตัวไปให้หมอรักษา แต่ทันทีที่พ่อกับแม่ออกห่างจากลูกชายผู้เกิดมาพร้อมกับความโชคร้าย อาการป่วยไข้ของพวกเขาก็กลับทุเลาลงจนทุก ๆ คนรู้สึกผิดสังเกต เพื่อนบ้านคนหนึ่งแนะนำให้พ่อกับแม่นำวันเดือนปีเกิดของเด็กน้อยไปให้นักพรตช่วยตรวจดวงชะตา และแล้ว พ่อกับแม่ของเด็กน้อยจึงได้ล่วงรู้ถึงเคราะห์กรรมของลูกชายซึ่งเกิดมาในช่วงเวลาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหม่นและมนต์มืด
แม้พ่อกับแม่ของเด็กน้อยจะทราบถึงผลที่ตนจะได้รับหากยังคงอยู่ใกล้ชิดกับลูกของพวกเขา แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกชายของตนโดยไม่สนใจว่าจะมีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น
ทุก ๆ ปี ครอบครัวของเด็กน้อยจะต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่ในขวบปีแรกที่พืชผลซึ่งพ่อกับแม่ช่วยกันหว่านเอาไว้ต่างพากันล้มตายจนหมดสิ้น พอเด็กน้อยอายุย่างเข้าสามขวบ พวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอและสัตว์ร้ายอสรพิษก็พากันมาวนเวียนอยู่รอบ ๆ บ้านของเด็กน้อยราวกับว่าพวกมันได้กลิ่นแห่งความชั่วร้ายแบบเดียวกับที่พวกมันมีอยู่ พอนำโชคอายุได้แปดปี พลังแห่งความโชคร้ายของเขาก็ดึงดูดให้กองโจรจากต่างถิ่นบุกเข้ามาปล้นทรัพย์สินของผู้คนในหมู่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อเด็กน้อยอยากจะไถ่โทษให้แก่ตนเองด้วยการช่วยงานในไร่นาของชาวบ้าน ลมฝนที่เคยนิ่งสงบก็กลับกลายเป็นพายุที่โหมซัดจนน้ำท่วมไร่นาเรือกสวนทำให้ผู้คนเดือดร้อนกันไปทั่ว
แม้ชาวบ้านจะสงสารเด็กน้อยสักเพียงใด แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องขอร้องให้พ่อกับแม่ของเด็กน้อยช่วยย้ายออกไปจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นำโชคเสียใจที่ตนเองเป็นต้นเหตุแห่งความโชคร้ายทั้งหมด แต่เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ต้องลำบากไปกับเขาด้วย เด็กน้อยจึงตัดสินใจออกเดินทางจากหมู่บ้านตามลำพังเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากพระราชินีผู้เมตตาและพระราชาผู้ชาญฉลาด
เมื่อพระราชินีได้ฟังเรื่องราวของเด็กชายนำโชค พระองค์ก็ทรงเวทนาเด็กน้อยจากก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ พระราชินีจึงขอร้องให้พระราชาคิดหาหนทางช่วยเหลือเด็กน้อยให้พ้นจากเคราะห์กรรมที่เขามิได้เป็นคนก่อขึ้น
หลังจากที่พระราชาได้หารือกับโหรหลวงแล้ว พระองค์ก็ทรงทราบว่าวิธีแก้ไขชะตากรรมของเด็กน้อยมีเพียงหนทางเดียวนั่นก็คือ…เด็กน้อยจะต้องทำวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้ผู้คนพร้อมใจกันแซ่ซ้องสรรเสริญ
การทำให้เด็กน้อยที่นำมาแต่ความโชคร้ายสามารถทำสิ่งดี ๆ อันยิ่งใหญ่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่ความตั้งใจดีที่เด็กน้อยต้องการจะช่วยเหลือผู้อื่น ก็กลับถูกโชคชะตาเล่นตลกจนกลายเป็นความหายนะได้โดยตลอด
พระราชาทรงครุ่นคิดหาวิธีอยู่นานถึงสามวันสามคืน และแล้ว พระองค์ก็ทรงค้นพบวิธีช่วยเหลือเด็กน้อยที่วิเศษเป็นที่สุด
วิธีการของพระราชาผู้ชาญฉลาดก็คือการแต่งตั้งให้เด็กน้อยเป็นทูตคนสำคัญเพื่อไปเจริญสันถวไมตรีกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทั้งหลาย และเมื่อเด็กน้อยเดินทางไปถึงเมืองเหล่านั้น โชคร้ายต่าง ๆ ก็ติดตามเขาไปจนทำให้บ้านเมืองที่เป็นคู่แข่งต่างวุ่นวายโดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ
พระราชา, พระราชินีและเหล่าประชาชนต่างช่วยกันปกปิดเรื่องราวทั้งหมดเป็นความลับ ในขณะเดียวกัน เมื่อเมืองคู่แข่งอ่อนแอลง พระราชาก็จัดการพัฒนาเมืองของพระองค์ทั้งในด้านการศึกษา, เศรษฐกิจ, การทหาร, การเกษตร ฯลฯ จนบ้านเมืองก้าวล้ำหน้าเมืองคู่แข่งต่าง ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเด็กน้อยปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจนครบถ้วนและพระราชาได้เรียกตัวกลับมายังบ้านเมืองของเขา ชาวเมืองก็พากันสรรเสริญเด็กน้อยที่ทำให้บ้านเมืองคู่แข่งอ่อนแอลงได้สำเร็จ ซึ่งเมื่อผู้คนพร้อมใจกันชื่นชมเด็กน้อยเช่นนี้แล้ว พลังแห่งความโชคร้ายที่ติดตัวเด็กน้อยมาตั้งแต่เกิดก็พลันสลายไปจนหมดสิ้น
ในที่สุด เด็กน้อยก็รอดพ้นจากโชคชะตาอันเลวร้าย เมื่อเคราะห์กรรมผ่านพ้นไป นำโชคจึงก้มกราบพระราชาและพระราชินีด้วยความสำนึกในพระเมตตา หลังจากนั้น เด็กน้อยก็อำลาพระราชาและพระราชินีผู้มีพระคุณ แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้านของเขา
ทั้งนี้เพื่อทำความดีลบล้างความผิดพลั้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเขา และเพื่อดูแลพ่อกับแม่ของเขาที่รักตัวเขามากกว่าผู้ใดในโลก
#นิทานนำบุญ
………………….
