นิทานก่อนนอนเรื่อง “ตำนานรักหนึ่งบวกหนึ่ง” เป็นนิทานที่ผมแต่งในช่วงปีท้าย ๆ ของการเขียนนิทานให้นิตยสารขวัญเรือน (แต่เดิม นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า หนึ่งบวกหนึ่ง เมื่อนำมาลงในเว็บไซต์ ผมคิดว่าควรปรับชื่อให้บ่งบอกเนื้อหาของนิทานเพิ่มขึ้นอีกสักนิด จึงเปลี่ยนชื่อเป็น ตำนานรักหนึ่งบวกหนึ่ง) เนื้อเรื่องของนิทานเรื่องนี้ อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องที่เราคิดว่าใช่ เช่น การบวกลบที่เราคุ้นเคย หากเราคิดนอกกรอบ บางครั้งอาจมีคำตอบที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ปกของนิทานเรื่องนี้ที่ลงไว้ในเว็บไซต์นิทานนำบุญ ผมขอเลือกภาพครอบครัวของนักร้องที่ผมชื่นชมเป็นพิเศษ มาลงเป็นปกของนิทานเรื่องนี้ เพราะเมื่อวาน มีข่าวว่าทั้งคู่ได้โพสต์ คำว่า 1+1=3 เอาไว้ในสื่อออนไลน์ ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวคุณตูนคุณก้อยด้วยนิทานเรื่องนี้นะครับ 🙂
นิทานเรื่อง ตำนานรักหนึ่งบวกหนึ่ง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนที่รักปลาหางนกยูงมาตั้งแต่ยังเด็ก การเลี้ยงปลาหางนกยูงทำให้เขามีจิตใจอ่อนโยนและมีความสุขมาก ครั้นเมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายปลาหางนกยูงและคอยดูแลปลาหางนกยูงด้วยความเอาใจใส่
วันหนึ่ง มีทหารป่าวประกาศว่าพระราชาปรารถนาจะหาของขวัญวันเกิดที่แสนพิเศษให้แก่เจ้าหญิงผู้เป็นลูกสาวสุดที่รัก พระองค์จึงอยากให้ชาวเมืองนำของขวัญไปให้เจ้าหญิงเลือก ซึ่งถ้าเจ้าหญิงชอบของขวัญของใคร พระราชาก็จะมอบรางวัลให้ตามแต่ผู้นั้นจะร้องขอ
เมื่อชายหนุ่มทราบข่าว ชายหนุ่มผู้แอบหลงรักเจ้าหญิงมานาน จึงเลือกปลาหางนกยูงคู่หนึ่งซึ่งเขารักมากที่สุดเป็นของขวัญแทนใจ โดยเขาอธิษฐานว่าหากเขาและเจ้าหญิงมีดวงชะตาเป็นเนื้อคู่กัน ขอให้เจ้าหญิงเลือกปลาของเขาเป็นของขวัญ และเมื่อพระราชาให้ขอรางวัล ชายหนุ่มก็ตั้งใจจะขอแต่งงานกับเจ้าหญิงที่เขาแอบหลงรัก
ในวันคล้ายวันเกิดของเจ้าหญิง เหล่าทหารนำของขวัญต่าง ๆ จัดเรียงไว้บนโต๊ะที่ตั้งเป็นแถวยาวเพื่อให้เจ้าหญิงเลือก โดยเจ้าของของขวัญจะยืนอยู่ที่ด้านหลังของโต๊ะเพื่อรับเสด็จและคอยตอบคำถามหากเจ้าหญิงมีข้อสงสัย
เมื่อถึงเวลา เจ้าหญิงกับพระราชาทรงเดินดูของขวัญทีละชิ้น ๆ เจ้าหญิงทรงเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงโต๊ะตัวสุดท้ายซึ่งมีโหลปลาหางนกยูงตั้งอยู่
ครั้นเมื่อเจ้าหญิงก้มดูปลาหางนกยูงในโหล พระองค์ก็สังเกตเห็นว่าโหลใบนั้นมีการจัดแต่งอย่างเอาใจใส่เป็นที่สุด ส่วนปลาหางนกยูงสองตัวในโหล (ซึ่งรู้ว่าชายหนุ่มแอบชอบเจ้าหญิงอยู่) ก็พยายามว่ายน้ำคล้ายการเริงระบำเพื่อให้เจ้าหญิงประทับใจในท่วงท่าลีลาและหางแสนสวยของพวกมันให้ได้มากที่สุด
เจ้าหญิงมองปลาหางนกยูงตาไม่กะพริบ พระองค์ทรงเอ่ยปากถามชายหนุ่มทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ละสายตาจากโหลแก้วว่า “ปลาตัวเมียคือตัวที่มีหางสวย ๆ คล้ายกระโปรงใช่ไหมจ๊ะ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วตอบเจ้าหญิงอย่างสุภาพว่า “ปลาหางนกยูงตัวผู้จะมีหางสวยกว่าปลาหางนกยูงตัวเมียขอรับ”
น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้เจ้าหญิงเงยหน้ามองเจ้าของของขวัญชิ้นพิเศษ และเมื่อเจ้าหญิงได้สบตากับชายหนุ่ม พระองค์ก็ทรงรู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้นเมื่อถึงเวลาที่เจ้าหญิงต้องตัดสินใจเลือกของขวัญ เจ้าหญิงก็ทรงเลือกปลาหางนกยูงที่ชายหนุ่มนำมาถวาย ชายหนุ่มดีใจมาก และเมื่อพระราชาถามว่าชายหนุ่มต้องการสิ่งใดตอบแทน ชายหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะขอรางวัลเป็นเจ้าหญิงที่เขาแอบหลงรัก
พระราชาทรงโมโหที่ชายหนุ่มบังอาจขอเจ้าหญิงแทนที่จะขอแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ แต่เมื่อพระราชาทรงลั่นวาจาไว้แล้ว พระองค์จึงผิดคำพูดไม่ได้ พระราชาใช้เวลาคิดนิดหนึ่ง จากนั้น พระองค์จึงเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยเสียงอันดังว่า “ข้ายินดีจะมอบลูกสาวให้แก่เจ้า แต่มีเงื่อนไขอยู่เพียงข้อเดียวคือ ข้าจะยกลูกสาวให้เจ้าในวันที่ 1+1 ไม่เท่ากับ 2 เท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ”
แม้คำพูดของพระราชาจะทำให้พระองค์ยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับใคร ๆ ไม่ได้อีก (เพราะถือว่าได้มอบให้แก่ชายหนุ่มไปแล้วตามคำสัญญา) แต่พระองค์ก็ไม่มีวันต้องเสียเจ้าหญิงให้แก่ชายหนุ่มหรือใครที่ไหน เพราะถึงอย่างไร 1+1 ก็ต้องเท่ากับ 2 ไม่มีทางได้ผลลัพธ์เป็นอื่นไปได้
ชายหนุ่มเสียใจมากที่พระราชายื่นเงื่อนไขเช่นนั้น ส่วนเจ้าหญิงซึ่งเพิ่งรู้ตัวว่าพระองค์หลงรักชายหนุ่มก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน
แต่ราวกับโชคชะตาได้กำหนดเอาไว้ เพราะเมื่อทหารนำโหลปลาหางนกยูงมามอบให้แก่เจ้าหญิง เจ้าหญิงก็ทรงยิ้ม แล้วเอ่ยถามทหารที่นำโหลปลามาให้ว่า “ทหาร…ท่านช่วยดูในบัญชีของขวัญสักหน่อยว่าชายหนุ่มผู้นี้นำปลามามอบให้เรากี่ตัวกันนะ”
“สองตัวน่ะสิลูก” พระราชาชิงตอบ “เมื่อครู่นี้เราก็เห็นปลาในโหลมีอยู่แค่สองตัวยังไงล่ะ”
เจ้าหญิงทรงยิ้มหวานให้พระราชา แล้วค่อย ๆ ยกโหลไปให้พระบิดาพร้อมกับพูดว่า “เห็นทีลูกจะต้องไปอยู่กับชายหนุ่มผู้นี้เสียแล้ว เพราะในโหลปลาที่เคยมีปลาเพียง 2 ตัว บัดนี้ ปลา 1 ตัวบวกกับปลาอีก 1 ตัว มันได้ลูกปลาออกมาอีกถึง 8 ตัวเชียวเพคะ”
พระราชา, เหล่าทหาร, ชาวเมือง รวมทั้งชายหนุ่มต่างประหลาดใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ตามปกติ 1+ 1 จะต้องเท่ากับ 2 แต่ในบางกรณี มันก็อาจเกิดเหตุการณ์อันแสนวิเศษที่เกินกว่าใคร ๆ จะคาดคิด
พระราชาทรงยอมรับต่อโชคชะตา บางทีมันอาจเป็นพรหมลิขิตที่ต้องการให้ชายหนุ่มได้แต่งงานกับเจ้าหญิงก็เป็นได้
ในที่สุด พระราชาจึงตัดสินใจยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับชายหนุ่ม แล้วทั้งคู่ก็ได้ครองรักกัน โดยชายหนุ่มกับเจ้าหญิงเริ่มต้นเพาะเลี้ยงปลาหางนกยูงร่วมกันนับจากนั้น ซึ่งในเวลาต่อมา…ปลาหางนกยูงของทั้งสองก็กลายเป็นปลาหางนกยูงที่สวยที่สุดในโลกและสร้างรายได้ให้แก่เมืองของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
#นิทานนำบุญ
………………………..
