นิทานก่อนนอนไทยพื้นบ้าน เรื่อง “คู่หูนักล่าสมบัติ” เป็นนิทานไทยแนวผจญภัย ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ทดลองแต่ง โดยแต่งให้เป็นนิทานที่มีแง่คิดสอนใจเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน และการใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา หวังว่าเด็ก ๆ จะสนุกและได้แง่คิดที่ดีจากนิทานเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง คู่หูนักล่าสมบัติ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้ชายสองคนชื่ออินกับนา พวกเขาเกิดวันเดียวกัน, เดือนเดียวกันและปีเดียวกัน แถมยังอยู่บ้านใกล้ ๆ กัน พวกเขาจึงเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
ในวัยเด็ก อินกับนาฝันอยากเป็นนักล่าสมบัติผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงตั้งใจเรียนทั้งวิชาการ, การคิดแก้ปัญหา, คาถาอาคม, การอ่านแผนที่และศิลปะการต่อสู้สารพัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำฝันให้เป็นจริง
ครั้นเมื่อเด็กทั้งสองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อินกับนาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าป่าเพื่อค้นหาสมบัติตามที่ใฝ่ฝันเอาไว้ โดยเพื่อนรักทั้งสองสัญญากันว่า พวกเขาจะร่วมทุกข์ร่วมสุข, ไม่ทอดทิ้งกัน และจะรักษามิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อินกับนารอนแรมอยู่ในป่านานหลายเดือน ยิ่งนานวัน…อินกับนาก็ยิ่งเดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้การเดินทางจะมีภัยให้พวกเขาต้องพบเจอและต้องแก้ปัญหามากมาย แต่เพราะความรู้และความร่วมแรงร่วมใจกัน ในที่สุด เพื่อนรักทั้งสองก็ฝ่าฟันมาถึงน้ำตกแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านหลังของน้ำตกเป็นถ้ำที่น่าจะมีสมบัติโบราณซ่อนอยู่
ในขณะที่อินกับนาพยายามเดินลัดเลาะบนแก่งหินเพื่อเข้าไปในถ้ำ จู่ ๆ พวกเขาก็พบงูยักษ์ตัวสีแดงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วพ่นน้ำลายเหนียวหนืดที่มีพิษร้ายกาจมายังพวกเขาทั้งสอง
โชคดีที่อินกับนาฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาเป็นอย่างดี อินจึงใช้ดาบฟันน้ำลายของงูยักษ์จนมันกระจัดกระจายไม่ถูกตัวเขาและเพื่อนเลยสักนิด ส่วนนาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปยังก้อนหินที่อยู่สูงกว่าหัวของเจ้างูยักษ์ แล้วใช้แส้พาดเข้าที่หน้าของงูจนมันต้องรีบหนีลงไปซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำ
แม้ชายหนุ่มทั้งสองจะขับไล่งูยักษ์ผู้เฝ้าสมบัติได้สำเร็จ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครนำสมบัติออกจากถ้ำได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งนี้เพราะเมื่อนักล่าสมบัติผ่านเข้าไปในถ้ำและพบสมบัติอันล้ำค่า ทั้งแหวนเพชร, สร้อยทองคำ, กำไลมรกต, ต่างหูไข่มุก, ดาบจากเหล็กชั้นเลิศ, มงกุฎโบราณอันประเมินค่ามิได้ ฯลฯ สมบัติเหล่านี้งดงามมากจนทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความโลภและยากที่จะแบ่งสมบัติกันได้อย่างยุติธรรม ด้วยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่มีนักล่าสมบัติเข้าไปในถ้ำ พวกเขาก็จะต่อสู้แก่งแย่งสมบัติกันจนบาดเจ็บล้มตาย และเมื่อนักล่าสมบัติผู้รอดชีวิตเหลืออยู่เพียงลำพัง งูยักษ์ก็จะเลื้อยเข้าไปจัดการกับคน ๆ นั้นจนทำให้ไม่เคยมีใครนำสมบัติออกจากถ้ำได้เลยแม้สักชิ้น
งูยักษ์ดำน้ำเฝ้ารอเวลาอยู่นาน นานจนมันเชื่อว่าในขณะนี้ อินกับนาคงต่อสู้กันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำและอีกคนคงกำลังเลือกสมบัติที่ชอบอย่างเพลิดเพลินเป็นแน่ งูยักษ์จึงกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วโผล่ขึ้นจากน้ำพร้อมกับเลื้อยเข้าไปในถ้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจ
แต่อนิจจา เมื่องูยักษ์เลื้อยผ่านม่านน้ำตกเข้าไปในถ้ำ งูยักษ์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นอินกับนาแบ่งสมบัติเป็นสองกองโดยไม่มีท่าทีขุ่นข้องหมองใจกันเลยแม้แต่น้อย
ครั้นเมื่อเพื่อนรักทั้งสองเห็นงูยักษ์เลื้อยเข้ามา ทั้งคู่ก็ช่วยกันล้อมจับงูยักษ์แล้วมัดด้วยเชือกอาคมจนมันเลื้อยหนีไปไหนไม่ได้
งูยักษ์ยอมแพ้ต่อนักล่าสมบัติทั้งสองโดยสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังสงสัยว่าอินกับนามีวิธีแบ่งสมบัติอย่างไรจึงทำให้ทั้งคู่พึงพอใจและไม่เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
อินกับนาจึงตอบงูยักษ์ไปว่า พวกเขาใช้ปัญญาแก้ปัญหา ด้วยการให้อินแบ่งสมบัติเป็นสองกองตามความพอใจ แล้วให้นาซึ่งไม่ได้เป็นคนแบ่งสมบัติเลือกกองสมบัติก่อน ด้วยเหตุนี้ อินจึงต้องแบ่งสมบัติอย่างยุติธรรมที่สุดเพราะเขารู้ดีว่าจะได้เลือกสมบัติทีหลัง ส่วนนาที่ได้เลือกสมบัติก่อนย่อมพอใจกับกองสมบัติที่เลือกอยู่แล้ว ดังนั้น การทะเลาะเบาะแว้งกันจึงไม่เกิดขึ้น
เมื่องูยักษ์ได้ฟังมันก็ชื่นชมวิธีที่นักล่าสมบัติทั้งสองเลือกใช้ มันเห็นว่าสมควรแล้วที่อินกับนาจะได้เป็นเจ้าของสมบัติและคงถึงเวลาที่มันจะได้ปลดภาระในการเฝ้าสมบัติเหล่านี้เสียที ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ร่างของงูยักษ์จึงค่อย ๆ สลายกลายเป็นฝุ่นผง ส่วนอินกับนาก็ล่าสมบัติได้สำเร็จสมดังที่พวกเขาใฝ่ฝันเอาไว้
#นิทานนำบุญ
………………….
