นิทานเรื่อง ลูกหมูสามตัวกับลูกหมาป่าหนึ่งตัว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกหมูสามตัวอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ของพวกมัน
ก่อนนอนทุกคืน พ่อหมูกับแม่หมูมักเล่านิทานเก่าแก่เกี่ยวกับลูกหมูสามพี่น้อง ที่แยกย้ายกันไปสร้างบ้าน โดยลูกหมูตัวหนึ่งเลือกสร้างบ้านด้วยฟางเพราะสร้างง่าย ส่วนลูกหมูอีกตัวหนึ่งเลือกสร้างบ้านด้วยไม้เพราะสร้างไม่ยากนัก มีเพียงลูกหมูตัวที่เหลือที่สร้างบ้านด้วยอิฐซึ่งสร้างยากแต่แข็งแรงทนทาน ครั้นเมื่อมีหมาป่าใจร้ายเดินทางผ่านมา หมาป่าเป่าบ้านฟางและบ้านไม้พังราบในชั่วพริบตา ลูกหมูทั้งสองจึงวิ่งหนีหมาป่ามาขอหลบอยู่ในบ้านที่สร้างด้วยอิฐ บ้านที่สร้างด้วยอิฐแข็งแรงเกินกว่าที่หมาป่าจะเป่าให้พังได้ ในที่สุด ลูกหมูทั้งสามจึงปลอดภัยเพราะความทุ่มเทของลูกหมูที่อดทนสร้างบ้านด้วยอิฐนั่นเอง
พ่อหมูกับแม่หมูตั้งใจเล่านิทานเพื่อสอนใจให้ลูก ๆ ทุ่มเททำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกียจคร้าน แต่ลูกหมูพี่ใหญ่และลูกหมูพี่รองมักหลับไปก่อนที่นิทานจะจบเสมอ เหลือเพียงลูกหมูตัวสุดท้องที่ได้ฟังคำสอนของคุณพ่อคุณแม่และตั้งใจที่จะทำตาม
วันหนึ่ง เมื่อลูกหมูสามพี่น้องโตพอสมควร ลูกหมูทั้งสามได้ออกเดินทางไปสร้างบ้านของตัวเองลูกหมูพี่ใหญ่เลือกสร้างบ้านด้วยฟาง ลูกหมูพี่รองเลือกสร้างบ้านด้วยไม้ ส่วนลูกหมูตัวสุดท้องน้องสุดท้าย แม้มันจะขี้เกียจไม่แพ้พี่ ๆ แต่เพราะมันตั้งใจฟังนิทานและซึมซับคำสอนของคุณพ่อคุณแม่มาอย่างเต็มที่ มันจึงเลือกสร้างบ้านด้วยอิฐที่สร้างยากที่สุดแต่แข็งแรงที่สุด
หลังจากลูกหมูทั้งสามสร้างบ้านเสร็จได้ไม่กี่วันและกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้านของตัวเอง จู่ ๆ ก็มีลูกหมาป่าขี้เหงาตัวหนึ่งเดินทางผ่านมา ลูกหมาป่าเห็นลูกหมูพี่ใหญ่นั่งเล่นอยู่ในบ้านซึ่งทำจากฟางเหมือนในนิทานโบราณไม่ผิดเพี้ยน ลูกหมาป่าอยากเป็นเพื่อนกับลูกหมู แต่เมื่อลูกหมูเงยหน้าเห็นลูกหมาป่า ลูกหมูก็ตกใจส่งเสียงร้องแล้ววิ่งวนลนลานไปทั่ว ลูกหมาป่าพยายามจะบอกลูกหมูว่ามันมาดี ไม่ได้คิดร้าย แต่บังเอิญมีเกสรดอกไม้ปลิวมาเข้าจมูกของมัน มันจึงจาม “ฮัดเช่ย” เสียงดังลั่นและทำให้บ้านที่ทำจากฟางพังกระจุยกระจายไปโดยที่มันไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อบ้านพัง ลูกหมูพี่ใหญ่ก็รีบวิ่งหนีไปขอหลบภัยที่บ้านของพี่รอง เจ้าหมาป่ารู้สึกผิดที่มันทำให้บ้านของลูกหมูพัง มันจึงวิ่งตามไปเพื่อขอโทษ แต่อนิจจา! เมื่อลูกหมาป่าไปยืนที่หน้าบ้าน บังเอิญมีเกสรดอกไม้ปลิวเข้าจมูกของมันอีก มันจึงจาม “ฮัดเช่ย ๆ ” เสียงดังลั่นและทำให้บ้านที่ทำจากไม้พังกระจุยกระจายไปอีกหลัง
พอบ้านพัง ลูกหมูพี่ใหญ่กับลูกหมูพี่รองก็วิ่งหนีไปขอหลบภัยที่บ้านของน้องเล็ก เจ้าหมาป่ารู้สึกผิดมากขึ้น มันร้องไห้แล้ววิ่งตามไปเพื่อจะขอโทษ แต่เมื่อลูกหมาป่าไปยืนที่หน้าบ้าน บังเอิญมีเกสรดอกไม้ปลิวเข้าจมูกของมันอีก มันจึงจาม “ฮัดเช่ย ๆ ๆ ” เสียงดังลั่น แต่บ้านที่ทำจากอิฐแข็งแรงมาก มันจึงไม่พังเหมือนบ้านหลังอื่น ๆ
ลูกหมูในบ้านกลัวลูกหมาป่าจะปีนบันไดเข้ามาทางปล่องไฟ ลูกหมูจึงรีบตั้งเตาต้มน้ำดักรอไว้ พอลูกหมาป่าเห็นพวกลูกหมูตั้งเตาต้มน้ำ มันจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ
ลูกหมาป่ารีบวิ่งเข้าป่า พวกลูกหมูเดาว่าหมาป่าคงไปหาบันได แต่เมื่อลูกหมาป่ากลับมา ลูกหมูต่างก็พากันแปลกใจ เพราะแทนที่ลูกหมาป่าจะไปเอาบันไดมาปีนขึ้นปล่องไฟ มันกลับหอบเอาฟักทอง, กล้วยน้ำว้า, กะทิ, น้ำตาล และเครื่องปรุงอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับทำขนมติดไม้ติดมือกลับมาเต็มไปหมด
เมื่อลูกหมาป่ามายืนที่หน้าประตูบ้านของลูกหมู ลูกหมาป่าเอ่ยปากขอโทษแล้วเล่าว่ามันเป็นลูกหมาป่าเร่ร่อนที่ไม่มีเพื่อนเลย มันเหงามาก แต่หากพวกลูกหมูไม่ยินดีจะเป็นเพื่อนกับมัน มันก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่พวกลูกหมูให้อภัยมันและเมื่อมันจากไปแล้ว ก็อยากให้พวกลูกหมูเอาของที่มันนำมาขอโทษไปใช้ประโยชน์ เพียงเท่านี้…มันก็จะดีใจมาก ๆ
ลูกหมูทั้งสามมองลูกหมาป่าผ่านทางหน้าต่าง ลูกหมาป่าดูน่าสงสาร ลูกหมูจึงปรึกษากันสักพัก แล้วตัดสินใจเปิดประตูรับลูกหมาป่ามาเป็นเพื่อนใหม่ ลูกหมาป่าดีใจมากที่พวกลูกหมูเปิดใจยอมรับมันเป็นเพื่อน ส่วนลูกหมูทั้งสามตัวก็ขอโทษที่เข้าใจลูกหมาป่าผิดไป
ในที่สุด ลูกหมูสามตัวกับลูกหมาป่าหนึ่งตัวก็ได้เป็นเพื่อนกัน (ซึ่งแตกต่างจากนิทานโบราณอย่างสิ้นเชิง) และพวกมันก็คบหากันต่อมาตราบนานเท่านาน
#นิทานนำบุญ
