นิทานก่อนนอนเรื่อง “พ่อมดน้อยจอมขี้เกียจ” เป็นนิทานแนวพ่อมดแม่มดที่มีรูปแบบพิเศษอยู่สักหน่อย คือมีลักษณะเป็น “นิทานวงกลม” คล้ายกับนิทานไทยเรื่อง “ตากับยาย” ที่ตากับยายปลูกถั่วปลูกงาแล้วให้หลานเฝ้า แต่หลานขี้เกียจ อีกาจึงมาขโมยถั่วงา ทำให้หลานต้องหาสัตว์ต่าง ๆ มาช่วย แต่ปัญหากลับขมวดไปมาจนวุ่นไปหมด หรือนิทานเรื่อง “เจ้าหนูตัวจ้อย” ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เคยแต่งเอาไว้ แม้นิทานเรื่องพ่อมดน้อยจอมขี้เกียจ จะเป็นนิทานวงกลม แต่เนื้อหาของนิทานก็มีข้อคิดสอนใจที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ๆ แถมเนื้อเรื่องก็น่าจะจัดเป็นนิทานตลก ๆ ก่อนนอนที่สนุกเรื่องหนึ่ง ขอให้มีความสุขในการอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง พ่อมดน้อยจอมขี้เกียจ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อมดน้อยตนหนึ่งเป็นพ่อมดที่มีนิสัยมักง่ายและขี้เกียจจนตัวเป็นขน
ทุกวัน พ่อมดน้อยจะตื่นขึ้นมาตอนสาย ๆ แล้วกินอาหารมื้อแรกของวัน ก่อนที่จะทิ้งเศษอาหารเอาไว้ในจาน โดยไม่เคยคิดจะเก็บล้างให้เรียบร้อย ส่วนข้าวของที่พ่อมดน้อยหยิบออกมาใช้ก็เช่นกัน เมื่อใช้เสร็จ พ่อมดน้อยก็จะวางทุกอย่างเอาไว้แบบนั้น จนไป ๆ มา ๆ บ้านของพ่อมดน้อยจึงรกรุงรังไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจายและเศษอาหารมากมายเต็มไปหมด
และแล้วคืนหนึ่ง พ่อมดน้อยก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เพราะในขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องครัวกลางดึก เขาก็พบว่า ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยหนูสกปรกที่พากันมาจัดงานเลี้ยงท่ามกลางเศษอาหารคาจานและข้าวของที่รกรุงรังซึ่งถูกใจพวกหนูเป็นที่สุด
ภาพที่พ่อมดน้อยเห็นทำให้เขาตั้งใจที่จะไล่พวกหนูออกไปจากบ้านให้จงได้ เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อมดน้อยจอมขี้เกียจจึงเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ซึ่งไม่ใช่การเก็บกวาดบ้านให้สะอาด แต่เป็นการจับฝูงแมวมาปล่อยเพื่อให้พวกแมวช่วยไล่หนู
เมื่อแมวมา หนูก็ไป
พ่อมดน้อยดีใจที่เขาไล่หนูได้โดยแทบไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด แต่พ่อมดน้อยดีใจได้ไม่นาน เพราะเมื่อฝูงแมวเห็นว่าบ้านที่แสนสกปรกของพ่อมดน้อยน่าจะยั่วยวนให้หนูย้อนกลับมาได้เสมอ ฝูงแมวจึงพร้อมใจกันปักหลักอยู่ที่บ้านของพ่อมดน้อยจนบ้านทั้งหลังมีแต่แมว, แมว แล้วก็แมวเต็มไปหมด พ่อมดน้อยอยากไล่พวกแมวออกไปจากบ้าน วันรุ่งขึ้น พ่อมดน้อยจึงเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ซึ่งไม่ใช่การเก็บกวาดบ้านให้สะอาด แต่เป็นการล่อฝูงหมาเข้ามาในบ้านเพื่อให้หมาช่วยไล่แมว
เมื่อหมามา แมวก็ไป
พ่อมดน้อยดีใจที่เขาไล่แมวได้สำเร็จ แต่พ่อมดน้อยดีใจได้ไม่นาน เพราะเมื่อพวกหมาเห็นว่าบ้านที่แสนสกปรกของพ่อมดน้อยน่าจะดึงดูดพวกหนูให้ย้อนกลับมาและทำให้พวกแมวตามมาจับหนูด้วย พวกหมาจึงพร้อมใจกันอยู่ที่บ้านของพ่อมดเพื่อดักรอแมว ด้วยเหตุนี้ บ้านทั้งหลังจึงมีแต่หมา, หมา แล้วก็หมาเต็มไปหมด พ่อมดน้อยอยากไล่หมาออกจากบ้าน วันรุ่งขึ้น พ่อมดน้อยจึงเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ซึ่งไม่ใช่การเก็บกวาดบ้านให้สะอาด แต่เป็นการล่อช้างเข้ามาในบ้านเพื่อจัดการไล่พวกหมา
เมื่อช้างมา หมาก็ไป
แต่อนิจจา! ช้างเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่มาก แถมอึของมันก็มีขนาดใหญ่มากด้วย เมื่อช้างมาที่บ้านของพ่อมดน้อย พวกมันก็อึทิ้งไว้ที่สนาม จนทั่วทั้งสนามเต็มไปด้วยอึช้างที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งชวนให้เป็นลม
พวกช้างไม่ชอบกลิ่นอึของตัวเองสักเท่าไหร่ พวกมันจึงพากันจากไปโดยทิ้งอึไว้ให้พ่อมดน้อยดมเป็นที่ระลึก
แม้พ่อมดน้อยจะมีนิสัยแสนขี้เกียจ แต่กลิ่นของอึช้างก็เหม็นเกินกว่าที่พ่อมดน้อยจะทานทนไหว พ่อมดน้อยจึงจำใจต้องลงมือทำความสะอาดบ้านขนานใหญ่ โดยเก็บกวาดอึช้างใส่ถุงไปทิ้ง พร้อมกับจัดการข้าวของและเศษอาหารต่าง ๆ ในบ้านจนสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้
พ่อมดน้อยเหนื่อยมาก แต่ก็ได้บทเรียนที่สำคัญมาก เพราะความมักง่ายไม่รู้จักเก็บข้าวของให้เรียบร้อย กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อมดน้อยต้องเหนื่อยจนลิ้นห้อยอย่างที่เป็นอยู่
พ่อมดน้อยบอกกับตัวเองว่า เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
นับจากนั้นเป็นต้นมา พ่อมดน้อยจึงยอมเก็บข้าวของเข้าที่และล้างจานชามทุกครั้งหลังกินอาหารเสร็จ ซึ่งแม้มันจะขัดแย้งกับนิสัยแสนขี้เกียจที่พ่อมดน้อยมีอยู่ แต่พ่อมดน้อยก็รู้ดีว่า การยอมเหนื่อยเก็บของนิดหน่อยดีกว่าการเหนื่อยจนลิ้นห้อยเพราะต้องเก็บอึช้างและขยะที่รกบ้านเป็นไหน ๆ
และแล้ว พ่อมดน้อยก็ปรับปรุงนิสัยจนความมักง่ายมลายหายไป แถมยังขับไล่ให้ความขี้เกียจลดน้อยถอยลงได้…ในที่สุด
#นิทานนำบุญ
………………
