นิทานเรื่อง ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงชราผู้หนึ่งมีลูกชาย 3 คน เมื่อลูกชายทั้งสามถึงวัยที่ต้องออกไปหางานทำ หญิงชราจึงอวยพรให้ลูก ๆ โชคดีและสอนให้ทุกคนยึดถือความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง
หลังจากที่สามพี่น้องล่ำลาแม่แล้ว พวกเขาก็พากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองใหญ่ซึ่งน่าจะมีงานดี ๆ รอพวกเขาอยู่ ครั้นเมื่อสามพี่น้องมาถึงหน้าร้านอาหารหรูหราและเห็นป้ายประกาศรับสมัครพ่อครัว พี่น้องทั้งสามซึ่งพอทำอาหารเป็นอยู่บ้างจึงตัดสินใจเข้าไปสมัครงานอย่างไม่รอช้า
ในการสัมภาษณ์งาน เจ้าของร้านถามหนุ่มน้อยผู้เป็นน้องคนเล็กว่า “เจ้าทำอาหารแบบชาววังได้ไหม” หนุ่มน้อยเป็นคนซื่อสัตย์ เขาจึงตอบตามจริงว่า “ผมทำไม่ได้”
ฝ่ายพี่ชายคนรองนั้น แม้เขาจะอยากได้งาน แต่เขาก็ยังละอายต่อการพูดปด ชายหนุ่มจึงตอบตามความเป็นจริงว่า “ผมเองก็ทำไม่ได้ ”
ครั้นพี่ชายคนโตที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าน้อง เห็นว่าน้อง ๆ พูดความจริงแล้วไม่ได้งาน เขาจึงโกหกว่าเขาทำอาหารแบบชาววังได้สบายมาก ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ใหญ่จึงได้ทำงานเป็นพ่อครัวสมดังหวัง
เมื่อพี่ชายคนโตได้งานไปแล้ว สองพี่น้องที่เหลือจึงพากันเดินทางต่อ ไม่นานนัก พวกเขาก็พบประกาศรับสมัครคนเลี้ยงม้าติดอยู่ที่หน้าบ้านของเศรษฐี สองพี่น้องเคยเลี้ยงม้ามาบ้าง ทั้งคู่จึงรีบเข้าไปสมัครงานทันที
ในการสัมภาษณ์งาน เศรษฐีเจ้าของบ้านสอบถามน้องคนเล็กว่า “เจ้าขี่ม้าแข่งเป็นไหม” ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์จึงตอบตามจริงว่า “ผมขี่ม้าแข่งไม่เป็น…เคยแต่ขี่เล่น ๆ เท่านั้น”
ฝ่ายพี่ชายคนรองที่เห็นพี่ชายคนโตโกหกแล้วได้งานทำจึงพูดแทรกไปว่า “แต่ผมขี่ม้าแข่งได้สบายมาก” ด้วยเหตุนี้ พี่ชายคนรองจึงได้งานเป็นคนขี่ม้าแข่งในบ้านเศรษฐี
เมื่อพี่ทั้งสองคนต่างได้งานกันไปหมดแล้ว น้องชายคนเล็กจึงเริ่มลังเลใจว่า เขาควรพูดความจริงตามที่แม่สอนหรือโกหกพกลมตามแบบที่พี่ชายทั้งสองทำ
น้องชายคนเล็กหางานต่อไปอีกหลายแห่ง โดยเขายังคงพูดแต่ความจริงเท่านั้น ซึ่งผลสุดท้าย…เขาก็ไม่ได้งานเลยแม้แต่ที่เดียว
ในขณะที่ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์กำลังสับสน เขาก็บังเอิญพบประกาศรับสมัครยามเฝ้าประตูแปะอยู่ที่หน้าพระราชวังของพระราชา ชายหนุ่มเห็นว่าการเป็นยามคงไม่ยาก และหากเขาโกหกสักหน่อย เขาก็คงได้งานเหมือนกับพี่ชายทั้งสอง ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปสมัครงานทันที
ในท้องพระโรงของพระราชา มีผู้คนมากหน้าหลายตามารอสมัครงานเป็นแถวยาวเหยียด เมื่อเสนาบดีสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละคนว่า “เจ้าอดทนไม่หลับไม่นอนอยู่ยามได้นานแค่ไหน” ผู้สมัครแต่ละคนต่างก็คุยฟุ้งว่าตนเองอดนอนได้นานกว่าคนก่อนหน้า แถมบางคนยังคุยโวว่าตัวเขาอดนอนได้นานถึง 365 วันเลยทีเดียว
ครั้นเมื่อถึงคราวของชายหนุ่ม เมื่อเสนาบดีถามเขาว่าเขาอดนอนได้นานแค่ไหน แม้ในตอนแรกเขาคิดจะโกหกตามแบบที่พี่ชายทั้งสองได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เสียงของแม่ที่ย้ำเตือนให้เขายึดถือความซื่อสัตย์ก็ดังแว่วขึ้นในใจ ดังนั้น แทนที่เขาจะโกหกว่าตนเองอดนอนได้ยาวนานกว่าคนอื่น เขากลับพูดความจริงว่า “ผมอดนอนได้ไม่น่าเกิน 2 คืน แต่ถ้าได้ทำงานเป็นยาม ผมก็จะอดทนอยู่ยามให้ดีที่สุด จะไม่ยอมละเลยหน้าที่โดยเด็ดขาด”
หลังจากตอบคำถามไปแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงไม่ได้งานอีกเช่นเคย แต่ผิดถนัด…เสนาบดีกลับยิ้มแล้วประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ชายหนุ่มผู้ซื่อตรงคนนี้เหมาะสมที่จะได้เป็นยามเฝ้าประตูห้องบรรทมของพระราชามากที่สุด เพราะความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานสำคัญของทหารยามที่พระราชาต้องการ
ชายหนุ่มดีใจมากที่เขาได้ทำงานรับใช้พระราชาในวังหลวง การเชื่อฟังคำสอนของแม่ส่งผลให้เขาได้ทำงานที่มีเกียรติอย่างไม่คาดฝัน ส่วนพี่ชายทั้งสองคนของเขานั้น หลังจากที่พวกเขาทำงานได้ไม่นาน นายจ้างก็รู้ว่าพวกเขาโกหกและต้องถูกไล่ออกจากงาน เพราะไม่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ดังคำที่แม่พร่ำสอน
#นิทานนำบุญ
—————
