นิทานก่อนนอนเรื่อง “วิชาสำคัญ” เป็นนิทานที่มีข้อคิดดี ๆ ซึ่งผมในฐานะผู้แต่ง เชื่อว่าวิชาสำคัญในเรื่องเป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับทุก ๆ คน นิทานก่อนนอนเรื่อง “วิชาสำคัญ” เป็นนิทานที่มีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน ระหว่างที่อ่าน ผู้แต่งอยากให้เด็กๆ เดาไปด้วยว่า วิชาสำคัญในเรื่องน่าจะเป็นวิชาอะไร สุดท้ายนี้ ขอให้มีความสุบกับนิทานก่อนนอนเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง วิชาสำคัญ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่งทรงเป็นพระราชาที่เก่งกล้าเด็ดขาด แถมเฉลียวฉลาดและเป็นที่รักของไพร่ฟ้าประชาชน
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาทรงอยากเตรียมพระโอรสให้พร้อมสำหรับการเป็นพระราชาในอนาคต พระองค์จึงประกาศรับสมัครครูมาสอนวิชาสำคัญในการเป็นพระราชาให้แก่เจ้าชายองค์น้อย
ครูคนแรกเสนอว่า วิชาสำคัญสำหรับการเป็นพระราชาคือวิชาการต่อสู้ เพราะเมื่อโตขึ้น เจ้าชายจะได้พร้อมสู้รบกับข้าศึกที่มารุกราน
ครูคนที่ 2 เสนอว่า วิชาที่สำคัญมากกว่าวิชาการต่อสู้ คือวิชาเวทมนตร์ เพราะความเชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์จะทำให้เจ้าชายจัดการกับข้าศึกได้โดยไม่ต้องเหนื่อย
ครูคนที่ 3เสนอว่า วิชาที่สำคัญกว่าวิชาเวทมนตร์ คือวิชาภาษานานาชาติ เพราะการที่เจ้าชายเชี่ยวชาญเรื่องภาษา จะทำให้เจ้าชายเจรจาหาพวกมาช่วยสู้รบได้ หรือเจรจาเพื่อขอสงบศึกก็ได้ นอกจากนี้ การพูดได้หลายภาษายังใช้เจรจาค้าขาย ซึ่งจะทำให้ประชาชนร่ำรวยกันโดยถ้วนหน้า
เมื่อครูคนแรกได้ฟังครูคนที่ 2 และครูคนที่ 3 โอ้อวดว่าวิชาเวทมนตร์กับวิชาภาษาเป็นวิชาที่สำคัญกว่าวิชาการต่อสู้ ครูคนแรกจึงโมโหถึงขั้นหยิบอาวุธเตรียมตัวจะเข้าจัดการกับคุณครูทั้งสอง
เมื่อครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์เห็นท่าไม่ดี เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับเตรียมร่ายคาถาเพื่อจัดการกับคู่ต่อสู้
เมื่อครูคนที่ 3 เห็นครูอีกสองคนทำท่าจะปะทะกัน เขาก็ตกใจลนลานจนร้องเสียงหลง จากนั้น ก็เป็นลมล้มพับไปโดยไม่ได้เอ่ยปากเจรจาเลยแม้แต่คำเดียว
ทันทีที่พระราชาเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นต่อหน้า พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นยืนพร้อมกับตวาดทุกคนให้หยุด เสียงของพระราชาเด็ดขาดจนครูทั้งสองถึงกับเข่าทรุด ครั้นเมื่อเหตุการณ์สงบลง พระราชาก็ทรงรู้ในทันทีว่า วิชาที่ครูทั้งสามคนพากันโอ้อวด ไม่ใช่วิชาสำคัญสำหรับพระราชาเลยสักนิด
ในขณะนั้นเอง พระราชินีผู้ฝักใฝ่ในทางธรรมทรงเอื้อมมือมาแตะมือของพระราชาเบา ๆ จากนั้น พระราชินีก็บอกกับพระราชาว่า “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะว่า วิชาสำคัญสำหรับพระราชาที่ควรสอนให้ลูกของเรารู้เป็นลำดับแรกคือวิชาอะไร”
พระราชาทรงแปลกใจต่อคำพูดของพระราชินี แต่พระองค์ก็เชื่อมั่นและรอฟังคำเฉลยจากพระราชินีด้วยใจจดจ่อ เมื่อพระราชินีเห็นว่าพระราชากำลังรอฟังคำตอบอยู่ พระองค์จึงพูดต่อไปว่า “วิชาที่สำคัญที่สุดสำหรับพระราชาก็คือวิชาที่สอนให้มีสติ เพราะเมื่อมีสติก็จะรู้ตัวว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ คนเรานั้น…แม้จะมีความรู้มากมาย แต่หากไม่มีสติ ก็อาจนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิดได้นะเพคะ”
พระราชาทรงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากพระราชินีผู้เป็นที่รัก และภาพเหตุการณ์ของเหล่าครูผู้เก่งกาจแต่ขาดสติจนถึงขั้นจะต่อยตีกันก็ยิ่งทำให้พระราชาเชื่อว่า วิชาที่สอนให้มีสติเป็นวิชาสำคัญที่ต้องสอนให้เจ้าชายเป็นลำดับแรก แต่เนื่องจากในอาณาจักรไม่มีใครเชี่ยวชาญเรื่องการเจริญสติมากไปกว่าพระราชินีเลย ด้วยเหตุนี้ พระราชาจึงขอพระราชินีทรงเป็นครูคนแรกของลูก
แน่นอนว่าพระราชินีไม่ปฏิเสธ แต่พระองค์มีข้อแม้เพียง 1 ข้อ นั่นคือพระราชาต้องร่วมเรียนวิชาสำคัญนี้ด้วย พระราชาทรงยิ้มอีกครั้งพร้อมกับตอบตกลงด้วยความเต็มใจยิ่ง ส่วนเจ้าชายองค์น้อยก็ปรบมือเสียงดังด้วยความดีใจ เพราะการได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่คือช่วงเวลาที่วิเศษสุดที่เด็กทุกคนปรารถนา
#นิทานนำบุญ
……………….
