ในช่วงเทศกาลปีใหม่ สิ่งที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) พอจะทำให้เด็ก ๆ ได้ ก็คือการนำนิทานมาฝากให้ได้อ่านกันในช่วงเวลาแห่งความสุข แต่การนำนิทานมาฝากเพียงเรื่องเดียวอาจดูธรรมดาจนเกินไป ผมจึงคัดนิทานเกี่ยวกับของขวัญ 4 เรื่องมาฝาก ซึ่งผมหวังว่านิทานทั้ง 4 เรื่องนี้คงมีบางเรื่องที่ช่วยสร้างความสุขให้เด็ก ๆ ได้บ้าง
นิทานเรื่อง ของขวัญจากนางฟ้า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กน้อยคู่หนึ่งเป็นพี่น้องกัน ข่าเป็นพี่ชายใจดี ส่วนขิงเป็นน้องสาวผู้น่ารัก ไม่ว่าจะทำอะไร…ข่าจะคอยดูแลน้องสาวของเขาอยู่เสมอ ข่ารักน้องสาวของเขามาก แต่เขาไม่ค่อยแน่ใจว่า น้องสาวตัวน้อยจะรักเขาบ้างหรือเปล่า?
วันหนึ่ง ขิงกับข่าพบห่อของขวัญวางอยู่ที่หน้าบ้าน พวกเขาเคยได้ยินว่า เด็กดีจะได้รับของขวัญจากนางฟ้า สองพี่น้องดีใจและตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ขิงคิดว่าของในห่อคงเป็นชุดสวย ๆ
ส่วนข่าคิดว่ามันน่าจะเป็นของเล่นอะไรสักอย่าง แต่เมื่อขิงกับข่าเปิดห่อของขวัญออกดู พวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะแทนที่มันจะเป็นชุดสวยหรือของเล่นอย่างที่พวกเขาคิด มันกลับเป็นเมล็ดพืชขนาดยักษ์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ขิงมองของขวัญด้วยความผิดหวัง ข่าสงสารน้อง เขาจึงปลอบน้องสาวว่า “อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิจ๊ะ เราคงไม่โชคร้ายจนเกินไปหรอก”
ข่าส่งยิ้มให้ขิง แล้วชวนขิงเอาเมล็ดพืชยักษ์ไปปลูกที่สวนหลังบ้าน ข่าบอกขิงว่า “ถ้าเมล็ดงอกเป็นต้นเมื่อไหร่ เราอาจจะได้ชิมผลไม้ของนางฟ้าก็ได้นะ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมล็ดพืชยักษ์งอกจากพื้นดินกลายเป็นต้นไม้ที่สูงเทียมเมฆ สองพี่น้องมองต้นไม้ยักษ์ด้วยความตื่นเต้น แต่น่าเสียดาย มันเป็นต้นไม้ที่มีแต่ดอก…ไม่มีผล! มิหนำซ้ำ ดอกไม้ขนาดมหึมายังบานสูงเกินกว่าที่เด็ก ๆ จะเก็บถึงเสียอีก
ขิงมองต้นไม้ยักษ์อย่างหมดกำลังใจ ข่าสงสารน้อง เขาจึงปลอบน้องสาวว่า “อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิจ๊ะ ไม่มีใครโชคร้ายจนเกินไปหรอก”
ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีสายลมแรงพัดมาปะทะจนต้นไม้ยักษ์หักโค่นลงมาเกือบจะทับบ้านของเด็กทั้งสอง ขิงตกใจมาก เธอมองต้นไม้แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ข่าสงสารน้องเหลือเกิน เขาอยากจะปลอบน้อง แต่โชคร้ายที่ถาโถมมาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขาพูดไม่ออก อย่างไรก็ตาม ข่าก็ไม่อาจปล่อยให้น้องสาวของเขาต้องจมอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ได้ ดังนั้น ข่าจึงคิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่าง
ข่าคิด…คิด…แล้วก็คิด ในที่สุด ข่าก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นในใจ
ข่าชวนน้องสาวเดินออกจากบ้านตรงไปยังบริเวณที่ไม้ล้ม จากนั้น เขาก็ปลิดดอกไม้สีสวยขนาดใหญ่ยักษ์ออกมาดอกหนึ่ง แล้วจัดการดึงเกสรกลางดอกออกจนดอกไม้กลายเป็นรูโบ๋ เมื่อข่าพลิกดอกไม้ให้คว่ำลง ดอกไม้สีหวานก็กลายเป็นกระโปรงที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มากที่สุด
ข่าดีใจที่เห็นน้องสาวมีความสุขเมื่อได้ลองใส่ชุดดอกไม้แสนสวย แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเขามองต้นไม้ยักษ์ที่หักโค่นลงมา เขาก็อดที่จะรู้สึกท้อใจไม่ได้
ขิงเห็นข่าทำหน้าเศร้า ๆ เธอจึงปลอบใจพี่ชายของเธอว่า “อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิจ๊ะ พี่คงไม่โชคร้ายจนเกินไปหรอก”
เมื่อเด็กน้อยพูดเสร็จ เธอก็จูงมือพี่ชายให้เดินตามเธอไป จริง ๆ แล้ว ขิงแอบห่วงพี่ชายของเธอมาโดยตลอด เธอรู้ว่าข่าอยากได้ของเล่นสักชิ้น ดังนั้น ในขณะที่เธอกำลังลองชุดที่พี่ชายทำให้ เธอจึงแอบคิดหาของขวัญแสนพิเศษให้แก่พี่ชายสุดที่รัก
ขิงพาข่าเดินตรงไปยังดอกไม้ดอกใหญ่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อถึงจุดหมาย…เธอก็ออกแรงปลิดดอกไม้ขนาดยักษ์ออกจากต้น จากนั้น เธอก็ส่งดอกไม้ให้พี่ชาย เพื่อให้เขาใช้มันแทนเรือในการเที่ยวเล่นไปตามสายน้ำ
ข่าชอบเรือดอกไม้ที่น้องสาวมอบให้เอาเสียมาก ๆ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เขารู้แล้วว่าขิงรักและห่วงใยเขามากเพียงไร
ข่านึกขอบคุณนางฟ้าที่ส่งเมล็ดพืชยักษ์มาทดสอบความรักที่น้องสาวมีต่อเขา ข่าเชื่อแล้วว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะโชคร้ายจนเกินไปหรอก
และแล้ว…พี่ชายคนดีก็พาน้องสาวไปล่องเรือเล่น ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ชวนให้พวกเขาจดจำโมงยามแห่งความสุขไปตราบชั่วนิรันดร์
#นิทานนำบุญ
…………………..
นิทานเรื่อง ของขวัญจากพระราชา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาผู้แสนดีพระองค์หนึ่ง ทรงดูแลประชาชนของพระองค์เป็นอย่างดี จนทำให้ประชาชนทุกคนมีจิตใจที่ดีงามและมีความสุขกันโดยถ้วนหน้า
ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของพระราชา ประชาชนทั้งหลายจึงพร้อมใจกันส่งของขวัญมาให้ ซึ่งทำให้พระราชาซาบซึ้งและอยากตอบแทนความรักของประชาชนด้วยของขวัญอะไรสักอย่าง
เมื่อเหล่าเสนาทราบความประสงค์ของพระราชา เหล่าเสนาจึงเสนอให้พระราชาสั่งทำของขวัญราคาแพงแล้วมอบให้แก่ประชาชนทุก ๆ คนเป็นที่ระลึก
แม้พระราชาจะต้องการมอบของที่มีค่าให้แก่ประชาชน แต่เนื่องจากเงินในท้องพระคลังมีไม่มากพอ ดังนั้น พระราชาจึงไม่สามารถมอบของขวัญราคาแพงตามคำแนะนำของเหล่าเสนาได้
เมื่อพ่อมดหลวงเห็นว่าพระราชาปฏิเสธความคิดของเหล่าเสนา พ่อมดหลวงจึงเสนอให้พระราชาสั่งทำเครื่องรางของขลัง แล้วมอบให้แก่ประชาชนทุก ๆ คนเพื่อใช้ป้องกันตัวจากภูตผีปิศาจ
แม้การทำเครื่องรางของขลังจะมีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก แต่พระราชาก็ไม่อยากมอบของที่อาจทำให้ประชาชนงมงายกับสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงตัดสินใจไม่ทำของขลังตามคำแนะนำของพ่อมดหลวง
เมื่อกลุ่มพ่อค้าเห็นว่าข้อเสนอของเหล่าเสนาและพ่อมดหลวงไม่เป็นที่ถูกใจของพระ- ราชา กลุ่มพ่อค้าจึงเสนอให้พระราชากำหนดของขวัญเป็นเงินสักก้อนหนึ่ง แล้วใช้วิธีจับฉลากมอบเงินให้แก่ผู้โชคดีเพียงคนเดียว
แม้วิธีของกลุ่มพ่อค้าจะไม่ทำให้สิ้นเปลืองเงินในท้องพระคลังมากจนเกินไปนัก แต่การจับฉลากมอบของขวัญให้ใครเพียงคนเดียว ดูจะไม่ตรงตามเจตนาของพระราชาสักเท่าไร มิหนำซ้ำ มันยังมีลักษณะคล้ายกับการออกหวยซึ่งเป็นอบายมุขอีกด้วย ดังนั้น พระราชาจึงเลือกที่จะไม่ทำตามคำแนะนำของกลุ่มพ่อค้า
ในขณะที่ทุก ๆ คนในท้องพระโรงพยายามครุ่นคิดหาของขวัญที่เหมาะสมกันอย่างเคร่งเครียด จู่ ๆ ตลกหลวงผู้เป็นคนสนิทของพระราชาก็ค่อย ๆ ย่องเข้าไปกระซิบความคิดของเขาให้พระราชาได้ทราบ
ทันทีที่พระราชาได้ฟังความคิดเห็นจากตลกหลวง พระองค์ก็ทรงยิ้มอย่างมีความสุข แล้วสั่งให้ทหารจัดการเตรียมของขวัญสำหรับประชาชนตามคำแนะนำของตลกหลวงโดยด่วน
ของขวัญที่ตลกหลวงเสนอให้พระราชามอบให้แก่ประชาชนทุก ๆ คนเป็นของขวัญที่มีราคาถูก มีประโยชน์ แถมยังมีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งสิ่งที่ตลกหลวงแนะนำให้พระราชามอบให้แก่ประชาชนที่แสนดีก็คือเกลือธรรมดา ๆ นั่นเอง!
ในตอนแรก ทั้งเหล่าเสนา พ่อมดหลวงและกลุ่มพ่อค้าต่างงุนงงกับตัดสินใจของพระราชาผู้เป็นที่รัก แต่เมื่อทุกคนเห็นข้อความที่ถุงเกลือซึ่งพระราชาเตรียมไว้เพื่อมอบให้แก่ประชาชน ทุก ๆ คนก็พากันยิ้มและยอมรับในความคิดอันลึกล้ำของพระราชาและตลกหลวง
ถ้อยคำที่ปรากฏอยู่บนถุงเกลือคือข้อความว่า “ขอให้ทุกคนรักษาความดีเหมือนเกลือรักษาความเค็ม” ซึ่งเมื่อประชาชนได้รับถุงเกลือจากพระราชาและได้อ่านข้อความดังกล่าว ประชาชนทุกคนก็พากันซาบซึ้ง เพราะข้อความนั้นเป็นได้ทั้งคำชมเชยและคำเตือนใจในเวลาเดียวกัน
“จงทำความดีและเป็นคนดีต่อไป ดั่งเกลือที่คงความเค็มได้อย่างไม่เคยแปรเปลี่ยน”
ประชาชนทุกคนมีความสุขมากที่ได้รับของขวัญอันมีค่ายิ่งจากพระราชาที่พวกเขารัก
และหลังจากนั้น ทุก ๆ คนก็ตั้งใจที่จะเป็นคนดีและทำความดีต่อไป เพื่อตอบแทนความกรุณาของพระราชาผู้เป็นที่รัก
#นิทานนำบุญ
…………………………
นิทานเรื่อง ของขวัญแด่คุณครู
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ โรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีคุณครูคนหนึ่งเป็นคุณครูที่สอนหนังสือได้อย่างวิเศษ คุณครูคนนี้มีชื่อว่า “คุณครูขวัญดาว” เธอชอบสอนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ชอบสอนเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องสนุก และชอบเล่าเรื่องสนุกแฝงคติธรรมเพื่อบ่มเพาะให้เด็ก ๆ เป็นคนดีในอนาคต เด็ก ๆ รักคุณครูของพวกเขามาก ส่วนคุณครูขวัญดาวเองก็รักเด็ก ๆ ราวกับเธอเป็นแม่คนที่สอง
อยู่มาวันหนึ่ง เด็ก ๆ นึกอยากให้ของขวัญแด่คุณครูขวัญดาว ดังนั้น เด็ก ๆ จึงหารือกัน แล้วตัดสินใจที่จะซื้อจักรยานสีชมพูให้คุณครูใช้ขี่และใช้ขนอุปกรณ์ต่าง ๆ แทนการหอบข้าวของพะรุงพะรังมาโรงเรียนอย่างที่เป็นอยู่
แม้ราคาจักรยานอาจจะแพงอยู่สักหน่อย แต่เด็ก ๆ ก็ไม่หวั่น เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน…ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น
เด็ก ๆ เริ่มต้นเก็บเงินด้วยการหางานทำหลังเลิกเรียน เด็กบางคนหาเงินด้วยการเก็บผักไปขายที่ตลาด เด็กบางคนอาสาตัดหญ้าและกวาดใบไม้ในสวนสวย ส่วนเด็กบางคนเลือกที่จะนวดหลังให้ผู้ใหญ่แล้วนำเงินที่ได้มาหยอดกระปุกรวมกันเอาไว้
เด็ก ๆ ตั้งใจทำงานโดยไม่เคยปริปากบ่น ไม่ช้าไม่นานนัก กระปุกหมูของเด็ก ๆ ก็หนักอึ้งและเต็มไปด้วยเศษสตางค์ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของเด็ก ๆ ทุกคน
เมื่อเด็ก ๆ มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรยาน เด็กทุกคนจึงนัดแนะกันหอบกระปุกหมูเดินทางไปยังร้านขายจักรยานที่อยู่ในเมือง
เด็ก ๆ มีความสุขและตื่นเต้นมากที่จะได้มอบจักรยานให้คุณครูที่พวกเขารัก แต่ในระหว่างการเดินทาง เด็ก ๆ บังเอิญพบหญิงชรากับลูก ๆ กำลังนั่งร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ กับซากของบ้านซึ่งถูกไฟไหม้จนวอดวายไปทั้งหลัง
หญิงชราผู้โชคร้ายสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยพระเพลิงที่ไร้ความปราณี เธอกับลูก ๆ ไม่มีบ้านคุ้มหัว ไม่มีผ้าห่มกันหนาว ไม่มีเงินซื้อข้าว ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย….นอกจากชีวิต
เด็ก ๆ ต่างสงสารหญิงชรากับลูก ๆ จนไม่อาจนิ่งเฉยได้ ด้วยเหตุนี้ เด็กทุกคนจึงตัดสินใจยกกระปุกหมูของพวกเขาให้แก่หญิงชราผู้อาภัพ
เมื่อเด็ก ๆ มอบกระปุกหมูให้แก่หญิงชรา พวกเขาจึงไม่มีเงินซื้อจักรยานสีชมพูให้คุณครูดังที่ตั้งใจเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ ก็เชื่อว่าพวกเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อถึงวันสุดท้ายปลายเทอม เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บดอกไม้จากข้างทางนำมาจัดเป็นช่อ แล้วมอบให้คุณครูขวัญดาวพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คุณครูฟัง
เด็ก ๆ กล่าวขอโทษที่พวกเขาไม่สามารถมอบของขวัญที่มีค่ามีราคาอย่างจักรยานให้แก่คุณครูได้ แต่หลังจากที่เด็ก ๆ พูดจบ คุณครูขวัญดาวกลับร้องไห้ ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ตกใจกันไปหมด
ตอนแรก เด็ก ๆ คิดว่าคุณครูคงโกรธที่ได้ดอกไม้ไร้ราคาเป็นของขวัญ แต่จริง ๆ แล้วคุณครูขวัญดาวร้องไห้เพราะเธอปลื้มปีติที่เด็ก ๆ รักครูและมีจิตใจดีงามดังที่เธอเฝ้าอบรมบ่มนิสัยการที่เด็ก ๆ เป็นคนดีสมกับที่ครูสอนเฝ้าสั่งสอนทำให้คนเป็นครูหายเหนื่อยและรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
คุณครูขวัญดาวขอบใจเด็ก ๆ ทุกคนที่มอบของขวัญอันแสนวิเศษให้กับครูอย่างเธอ ส่วนเด็ก ๆ เองก็ภูมิใจมากที่พวกเขาสามารถทำให้คุณครูที่พวกเขารักมีความสุขได้อย่างเหนือความคาดหมาย
#นิทานนำบุญ
…………………………
นิทานเรื่อง ของขวัญของพ่อ
นานมาแล้ว ยังมีลูกกระต่ายที่แสนน่ารักตัวหนึ่ง นึกอยากจะมอบของขวัญแด่คุณพ่อในวันคล้ายวันเกิด ลูกกระต่ายรู้ดีว่า พ่อกระต่ายหลงใหลในความงามแห่งแสงจันทร์ ดังนั้น ลูกกระต่ายจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไปนำพระจันทร์มาให้เป็นของขวัญแด่คุณพ่อสุดที่รัก
กระต่ายน้อยหยิบกระปุกออมสินของตัวเอง แล้วกระโดดดึ๋ง..ดึ๋ง…ออกจากบ้านโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ยอดเขาซึ่งสูงเสียดฟ้า แม้สตางค์ในกระปุกรูปกระต่ายของเจ้ากระต่ายน้อย จะมีอยู่เพียงกระจ้อยร่อยกระจิริด แต่เจ้ากระต่ายน้อยก็ตั้งใจที่จะยกเงินออมทั้งกระปุก เพื่อแลกพระจันทร์กลับมาเป็นของขวัญแด่พ่อให้จงได้
เมื่อกระต่ายน้อยกระโดดไปถึงยอดเขา ตอนนั้น..พระจันทร์ดวงโตก็โผล่พ้นจากขอบฟ้าขึ้นมาพอดี
“จันทร์เจ้าขา ราคาเท่าไหร่?” กระต่ายถาม
พระจันทร์มองตาเจ้ากระต่ายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู ดวงตาใสแจ๋วที่แสนไร้เดียงสาของลูกกระต่ายทำให้พระจันทร์นึกสงสัยใคร่รู้
“หนูจะซื้อชั้นไปไหน…ให้ใครนะ?”
ลูกกระต่ายเล่าที่มาและความตั้งใจทั้งหมดให้พระจันทร์รู้ แม้พระจันทร์จะเชื่อในสิ่งที่เจ้ากระต่ายน้อยเล่าให้ฟัง แต่พระจันทร์ก็อยากทดสอบว่าลูกกระต่ายที่ดูขี้อายตัวนี้จะรักพ่อสักเพียงไหน….
“ถ้าอยากได้ชั้นกลับบ้าน หนูต้องทำทุกอย่างตามที่ชั้นบอก”
ลูกกระต่ายนิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงเงยหน้ามองพระจันทร์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
เมื่อพระจันทร์แกล้งบอกให้ลูกกระต่ายร้องเพลงจนกว่าพระจันทร์จะเบื่อ ลูกกระต่ายก็ร้องเพลงที่แสนน่ารักให้พระจันทร์ฟังเป็นร้อย ๆ เที่ยวจนพระจันทร์ใจอ่อนยอมให้ลูกกระต่ายหยุดร้อง
เมื่อพระจันทร์บอกให้ลูกกระต่ายเต้นระบำ ลูกกระต่ายก็รวบรวมความกล้า แล้วเต้นระบำ หกคะเมน ตีลังกา จนพระจันทร์อดหวาดเสียวแทนไม่ได้ และขอให้ลูกกระต่ายหยุดเต้นหลังจากที่ลูกกระต่ายเพิ่งเต้นไปได้เพียงไม่กี่รอบ
และสุดท้าย เมื่อพระจันทร์บอกให้ลูกกระต่ายเล่านิทานแสนสนุก ลูกกระต่ายก็นึกถึงนิทานที่พ่อกระต่ายมักจะเล่าให้ฟังตอนก่อนนอน จากนั้น มันก็เริ่มเล่านิทานให้พระจันทร์ฟังด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อนึกถึงพ่อ
นิทานที่ลูกกระต่ายเล่า ทำให้พระจันทร์เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ลูกกระต่ายกับพ่อกระต่ายรักกันมากเพียงใด นิทานของพ่อกระต่ายเป็นนิทานที่แสนอ่อนโยน ซึ่งลูกกระต่ายก็ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดออกมาได้อย่างครบถ้วน ในที่สุด พระจันทร์ก็ใจอ่อน และยอมทำตามสัญญาที่ให้เอาไว้
คืนนั้น กระต่ายน้อยพาพระจันทร์กลับบ้าน เพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญในวันคล้ายวันเกิดของพ่อ แน่นอน…พระจันทร์อยู่เป็นของขวัญให้พ่อกระต่ายได้เพียงคืนเดียว แต่ในคืนวันนั้น ของขวัญที่ลูกกระต่ายนำมาให้ ก็ทำให้พ่อกระต่ายชื่นใจอย่างยากที่จะลืมเลือนได้
พ่อกระต่ายมีความสุขที่ได้ชื่นชมแสงจันทร์ใกล้ ๆ อย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่เหนือสิ่งอื่นใด พ่อกระต่ายมีความสุขที่ได้ล่วงรู้ถึงหัวใจของลูกสุดที่รัก ว่าลูกกระต่ายรักพ่อสักเพียงไหน
และแล้ว…นิทานเรื่องนี้ก็จบลงด้วยภาพของพ่อกระต่ายที่กำลังนั่งเล่านิทานเคล้าแสงจันทร์ โดยมีลูกกระต่ายนอนหนุนตักฟังอย่างมีความสุข ในคืนที่พระจันทร์แลดูสวยเป็นพิเศษ
#นิทานนำบุญ
…………………………….