นิทานก่อนนอนเรื่อง “เด็กน้อยแห่งท้องทะเล” เป็นนิทานนำบุญเรื่องใหม่ล่าสุดที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้เด็ก ๆ ในช่วงปีใหม่ 2565 หวังว่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้จะทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและได้แนวคิดดี ๆ จากการอ่านนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง เด็กน้อยแห่งท้องทะเล
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตากับยายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีสะพานไม้ยื่นออกไปในทะเล สองตายายรักกันมานานแสนนาน แต่ด้วยเหตุที่ท่านทั้งสองไม่มีลูกหลาน คุณตากับคุณยายจึงจำต้องใช้ชีวิตบั้นปลายของท่านตามลำพังอย่างเหงา ๆ
เช้าวันหนึ่ง…หลังคืนฟ้าคะนองฝน ตากับยายมองเห็นแสงระยิบระยับสะท้อนออกมาจากโขดหินที่ริมหาด เมื่อตากับยายเดินไปดู ทั้งคู่ก็พบเด็กทารกคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในแอ่งน้ำตื้น ๆ โดยมีฝูงปลาสีแปลกว่ายวนอยู่โดยรอบ พายุคงทำให้เด็กน้อยคนนี้ต้องพลัดพรากจากพ่อและแม่ สองตายายนึกสงสารหนูน้อยจับใจ ด้วยเหตุนี้ ท่านทั้งสองจึงช่วยกันอุ้มร่างเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบกลับบ้าน แล้วคอยดูแลให้ความอบอุ่นจนเด็กน้อยเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเด็กน้อยปลอดภัย ตากับยายก็ได้พบความจริงที่น่าสะเทือนใจอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ นอกจากเด็กน้อยจะกำพร้าพ่อและแม่แล้ว เธอยังเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้ขาของเธอเดินไปไหนมาไหนได้เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ สองตายายนึกเวทนาหนูน้อยมากยิ่งขึ้นไปอีก ในที่สุด ท่านทั้งสองจึงตัดสินใจรับเด็กน้อยเอาไว้ในอุปการะ
หลายปีต่อมา ทารกผู้น่าสงสารก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มีรอยยิ้มอิ่มสุข คุณตากับคุณยายรักหลานสาวของท่านปานดวงใจ ในขณะเดียวกัน เด็กน้อยก็รักคุณตาคุณยายของเธอทุกลมหายใจเข้าออก
แม้ชีวิตของคุณตาคุณยายและหลานสาวจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ตากับยายต่างรู้ดีว่า ท่านทั้งสองไม่อาจอยู่ดูแลหลานสาวไปได้ตลอดชั่วชีวิต ดั้งนั้น ทุก ๆ วันหลังจากที่ตากับยายเสร็จสิ้นจากการงาน สองตายายจึงมักจะพาหลานสาวไปฝึกว่ายน้ำเพื่อให้เด็กน้อยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เช่นเดียวเด็กคนอื่น ๆ หลานสาวตั้งใจฝึกว่ายน้ำตามคำแนะนำของคุณตาคุณยาย และหลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็สามารถว่ายน้ำได้ราวกับเธอเป็นปลาตัวน้อย ๆ เลยทีเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป สองตายายเริ่มแก่ตัวลงจนไม่อาจที่จะออกทะเลหาปลาได้สะดวกอย่างที่เคยเป็นมา หลานสาวนึกอยากตอบความเมตตาของคุณตาคุณยายทั้งสอง เด็กน้อยจึงอาสาหาเลี้ยงคุณตาคุณยายด้วยการดำน้ำงมไข่มุกที่ซุกซ่อนอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่
เด็กน้อยชอบว่ายน้ำแข่งกับฝูงปลาหลากสีที่คอยว่ายเวียนมาห้อมล้อมตัวเธอราวกับมีความผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ทุก ๆ วัน เด็กน้อยจะกลับบ้านพร้อมกับไข่มุกเม็ดงามที่เธอหาได้ ซึ่งมันก็ทำให้เธอสามารถดูแลคุณตาคุณยายให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายได้ดังใจหวัง
เด็กน้อยเฝ้าดูแลคุณตาคุณยายต่อมาอีกหลายปี และแล้ว…วันหนึ่ง คุณตากับคุณยายก็จากเธอไปสู่สรวงสวรรค์ บัดนี้ เด็กน้อยที่เคยใช้ชีวิตอยู่อย่างอบอุ่นกับคุณตาคุณยาย ก็กลับกลายมาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพังไร้ที่พึ่ง
ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมามักจะเห็นเด็กน้อยนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่บนสะพานไม้ซึ่งทอดตัวยื่นออกไปเหนือผืนน้ำ เด็กน้อยจะคอยเฝ้ามองปุยเมฆที่ลอยผ่านบ้านของเธอทุก ๆ วัน เพราะเธอหวังว่าคุณตาคุณยายบนสรวงสวรรค์ อาจจะนั่งเมฆมาเยี่ยมเธอบ้าง…หากท่านยังคงรักเธออยู่
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่เด็กน้อยกำลังนั่งมองปุยเมฆอยู่อย่างเคย ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของชายหญิงคู่หนึ่ง ดังแว่วมาจากท้องทะเลที่อยู่ไกลแสนไกลจากชายฝั่ง เสียงปริศนาเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่เสียงของตากับยาย แต่มันเป็นเสียงของใครบางคนที่ร้องเรียกเธออยู่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ !
เด็กน้อยรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ จนตัวสั่น แต่แล้ว…เธอก็ตัดสินใจกระโดดลงไปในผืนน้ำสีครามที่อยู่เบื้องหน้า เด็กน้อยว่ายน้ำห่างฝั่งออกไปเรื่อย ๆ ฝูงปลาหลากสีพากันว่ายน้ำตามเธอไปจนดูคล้ายกับเป็นภาพพิศวง เด็กน้อยมุ่งหน้าตรงไปยังเจ้าของเสียงปริศนาด้วยหัวใจที่เต้นระทึก จนในที่สุด เด็กน้อยก็ว่ายน้ำมาพบเจ้าของเสียงปริศนาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
เบื้องหน้าของเด็กน้อยคือเงือกสาวแสนสวยและเทพสมุทรรูปงามที่นั่งอยู่บนหลังของม้าน้ำตัวใหญ่เพื่อรอการมาถึงของเด็กน้อยด้วยสีหน้าที่อิ่มเอมไปด้วยความปลื้มปีติ เงือกสาวตรงเข้ากอดเด็กน้อยทันทีที่ได้เห็น จากนั้น เธอก็เล่าให้เด็กน้อยฟังว่า แท้จริงแล้ว เด็กน้อยก็คือลูกของเธอกับเทพสมุทร ซึ่งพลัดพรากจากกันในคืนวันที่เกิดพายุใหญ่ แต่หลังจากที่เธอกับเทพสมุทรทราบข่าวจากฝูงปลาว่า มีตากับยายคู่หนึ่งได้ช่วยชีวิตลูกสาวของเธอเอาไว้ มิหนำซ้ำ ท่านทั้งสองยังให้การดูแลลูกสาวของเธอเป็นอย่างดี ตัวเธอกับเทพสมุทรจึงตัดสินใจที่จะแอบเฝ้ามองความเป็นไปอยู่ห่างๆ เพราะทั้งคู่ไม่อยากทำร้ายจิตใจของผู้เฒ่าทั้งสอง แต่เมื่อตากับยายได้กลายเป็นเทพและขึ้นไปอยู่บนสรวงสวรรค์เช่นนี้แล้ว พวกตนจึงอยากจะมารับลูกสาวสุดที่รักให้กลับไปอยู่ด้วยกัน
เด็กน้อยได้แต่นิ่งอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือความฝัน! แต่เมื่อเธอมองผ่านผืนน้ำที่ใสราวกระจกลงไป เธอก็ได้พบว่าขาทั้งสองที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอได้กลายสภาพเป็นครีบหางที่งามสง่าและทำให้เธอทรงตัวอยู่ในน้ำได้โดยที่แทบจะไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย เด็กหญิงร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติ เธอดีใจมากที่ได้พบพ่อกับแม่ของเธอ…แม้ว่ามันดูเกือบจะเป็นเรื่องที่เกินความฝัน
และแล้ว…พ่อแม่ลูกชาวทะเลทั้งสามก็พากันว่ายน้ำตรงออกไปยังดินแดนลึกลับที่ตั้งอยู่กลางห้วงสมุทร ที่ซึ่งชาวทะเลทั้งหลายอาศัยอยู่ร่วมกัน…ที่ซึ่งเหล่าเทพใช้เป็นดินแดนแห่งการนัดพบ….และที่ซึ่งเงือกน้อยจะได้เจอกับคุณตาคุณยายผู้แสนดีของเธออีกครั้ง.
#นิทานนำบุญ
…………………………….
