นิทานก่อนนอนเรื่อง “เรื่องเล่าขานจากหมู่บ้านผลไม้” เป็นนิทานนำบุญเรื่องใหม่ล่าสุดที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้เด็ก ๆ ในช่วงปีใหม่ 2565 หวังว่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้จะทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและได้แนวคิดดี ๆ จากการอ่านนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง เรื่องเล่าขานจากหมู่บ้านผลไม้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องการปลูกผลไม้ ทุก ๆ ปี ชาวบ้านจะปลูกผลไม้ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากพวกเขาจะส่งผลไม้ไปขายยังเมืองต่าง ๆ แล้ว ชาวบ้านผู้มีน้ำใจยังมักจะนำผลไม้อร่อย ๆ ไปมอบให้แก่ผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงอยู่เสมอ
อยู่มาวันหนึ่ง เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้น ซึ่งโรคร้ายทำให้ไม้ผลสารพัดชนิดของหมู่บ้านแห่งนี้ล้มตายไปจนหมดสิ้น เหล่าชาวบ้านจึงจำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อขอเมล็ดของผลไม้มาปลูกทดแทนต้นไม้ทั้งหลายที่ตายไป
แต่อนิจจา… เมื่อชาวบ้านเอ่ยปากขอเมล็ดพันธุ์จากผู้คนในหมู่บ้านรอบข้าง แทนที่ผู้คนเหล่านั้นจะคิดถึงความเอื้อเฟื้อที่เหล่าชาวบ้านเคยนำผลไม้มามอบให้เป็นประจำ พวกเขากลับปฏิเสธและขับไล่ชาวบ้านผู้มีน้ำใจไปอย่างไม่แยแส มิหนำซ้ำ พวกเขายังคิดหาทางส่งผลไม้ไปขายแทนหมู่บ้านแห่งเก่าอีกด้วย
หลังจากที่เหล่าชาวบ้านถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาก็เริ่มหมดกำลังใจและไม่อยากทำความดีหรือช่วยเหลือใคร ๆ อีก!
เมื่อเด็ก ๆ ซึ่งเป็นลูกของชาวบ้านทั้งหลายเห็นพ่อแม่ของพวกเขาท้อแท้และหมดหวัง เด็กทั้งหมู่บ้านจึงแอบมาปรึกษากัน แล้วตัดสินใจที่จะเข้าป่าเพื่อหาผลไม้มาให้พ่อแม่ปลูกทดแทนผลไม้ที่เคยมีอยู่
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กทั้งหมู่บ้านพากันเดินทางเข้าป่าด้วยความมุ่งมั่น แม้หนทางจะยาก ลำบาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมท้อถอย จนในที่สุด เด็ก ๆ ก็เก็บผลไม้มาได้ถึงห้าชนิด คือ ส้ม มะม่วง ชมพู่ น้อยหน่าและมะละกอ แม้ว่าผลไม้ป่าที่เด็ก ๆ เก็บมาได้จะมีขนาดเล็กและไม่งามเหมือนผลไม้ที่เคยมีในหมู่บ้าน แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าผู้ใหญ่น่าจะปลูกและพัฒนาพันธุ์ให้ดีขึ้นได้ในอนาคต
ระหว่างทางที่เด็ก ๆ ช่วยกันหอบผลไม้กลับไปยังหมู่บ้าน จู่ ๆ พวกเขาก็พบลูกยักษ์ตนหนึ่งนอนหมดแรงอยู่ที่ริมแม่น้ำใหญ่ เมื่อเจ้าลูกยักษ์เห็นเด็ก ๆ เดินทางผ่านมา เจ้าลูกยักษ์จึงขอผลไม้จากเด็ก ๆ มากินเพื่อประทังชีวิต
ทันทีที่เด็ก ๆ ได้ฟังคำขอร้องของลูกยักษ์ที่น่าสงสาร เด็ก ๆ ผู้มีจิตใจเอื้ออารีจึงมอบผลไม้ทั้งหมดให้แก่เจ้าลูกยักษ์ เจ้าลูกยักษ์รีบขอบคุณเด็ก ๆ ผู้มีน้ำใจ แล้วมันก็จัดการหม่ำผลไม้ที่เด็ก ๆ ให้จนไม่เหลือแม้แต่เมล็ด
หลังจากที่เด็ก ๆ เห็นว่าเจ้าลูกยักษ์กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว เด็กทั้งหมดจึงตั้งท่าจะเดินทางเข้าป่าเพื่อหาผลไม้ไปปลูกอีกครั้ง แต่เนื่องจากเจ้าลูกยักษ์อยากตอบแทนน้ำใจของเด็ก ๆ มันจึงเชิญเด็กทุกคนให้ไปกินอาหารเย็นที่บ้านของมันเสียก่อน
ณ บ้านของเจ้าลูกยักษ์ แม่ยักษ์บรรจงทำอาหารเลี้ยงเด็ก ๆ ที่ช่วยเหลือลูกของนางอย่างสุดฝีมือ และเมื่อทุกคนกินอาหารจนอิ่ม แม่ยักษ์ก็นำเอาส้ม มะม่วง ชมพู่ น้อยหน่าและมะละกอซึ่งมีขนาดมหึมา (เพราะเป็นผลไม้ของยักษ์) ออกมาให้เด็ก ๆ กินเป็นการปิดท้าย
ผลไม้ของยักษ์มีรสชาติอร่อยอย่างวิเศษ เมื่อเด็ก ๆ ได้ชิมแล้ว พวกเขาจึงขออนุญาตนำเมล็ดของผลไม้เหล่านั้นกลับไปปลูกที่หมู่บ้าน
แม่ยักษ์ลังเลอยู่สักพัก แต่เมื่อลูกยักษ์ช่วยขอร้อง แม่ยักษ์จึงยอมให้เด็ก ๆ นำเมล็ดของผลไม้เหล่านั้นกลับไปปลูกได้
เมื่อเด็ก ๆ ช่วยกันแบกเมล็ดของผลไม้กลับไปถึงหมู่บ้าน พวกเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อแม่ของเด็ก ๆ ต่างรู้สึกละอายใจที่พวกเขาคิดจะเลิกทำดีต่อผู้อื่น เพราะจริง ๆ แล้ว พวกเขาก็คือคนที่คอยพร่ำสอนให้ลูก ๆ เป็นคนดีมีน้ำใจมาโดยตลอดนั่นเอง
พ่อแม่ทุกคนพากันขอบใจลูกที่ทำให้พวกเขาหูตาสว่างขึ้น เพราะท้ายที่สุด คนที่ทำดีก็ย่อมได้สิ่งที่ดีตอบแทนเสมอ เมื่อพ่อแม่ของเด็ก ๆ คิดได้เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจึงตั้งใจที่จะเป็นคนดีต่อไปอย่างไม่ลังเลอีก
หลังจากวันนั้น ชาวบ้านทุกคนก็ช่วยกันเพาะเมล็ดของผลไม้ที่เด็ก ๆ นำกลับมา จนเมล็ดของผลไม้ทั้งห้าชนิดค่อย ๆ งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่และออกผลชวนให้คนที่เห็นถึงกับน้ำลายไหล
แน่นอนว่า…ชาวบ้านผู้มีน้ำใจจัดการส่งผลไม้เหล่านั้นไปขายจนเกิดรายได้มากมาย-มหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันผลไม้บางส่วนเพื่อมอบให้แก่ผู้คนที่ขาดแคลน รวมทั้งส่งไปตอบแทนลูกยักษ์กับแม่ยักษ์ที่ให้เมล็ดพันธุ์อันแสนวิเศษนี้มาด้วย
ในที่สุด เรื่องเล่าขานจากหมู่บ้านผลไม้ก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ
………………………………………
