นิทานก่อนนอนเรื่อง “ปริศนาแห่งความสุข” เป็นนิทานก่อนนอนแนวความรัก ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้เด็ก ๆ ในช่วงปีใหม่ 2565 หวังว่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้จะทำให้คุณผู้อ่านมีความสุขและได้ความรู้สึกดี ๆ จากการอ่านนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง ปริศนาแห่งความสุข
นานมาแล้ว มีเจ้าชายรูปงามพระองค์หนึ่งทรงเป็นเจ้าชายที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย พระองค์อยากมีความสุขเช่นเดียวกับผู้คนทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงเที่ยวถามไถ่บุคคลต่าง ๆ เพื่อค้นหาว่า แท้จริงแล้ว…ความสุขของพระองค์คือสิ่งใดกันแน่
เจ้าชายเริ่มต้นหาคำตอบโดยเดินทางไปพบเศรษฐีเพื่อถามถึงสิ่งที่พระองค์สงสัย ซึ่งเมื่อเศรษฐีได้ฟังคำถามของเจ้าชายแล้ว เขาจึงตอบเจ้าชายไปว่า “ความสุขของหม่อมฉันคือการมีเงินมาก ๆ ดังนั้น การมีเงินมาก ๆ ก็น่าจะทำให้พระองค์มีความสุขได้เช่นกัน”
เจ้าชายทรงผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ เพราะพระองค์มีเงินทองมากกว่าเศรษฐีหลายร้อยเท่า แต่พระองค์ก็ยังทรงไม่มีความสุข ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายจึงไปขอคำปรึกษาจากอัศวินผู้กล้าหาญ
ทันทีที่อัศวินได้ฟังคำถามของเจ้าชาย อัศวินจึงตอบเจ้าชายไปว่า “ความสุขของกระหม่อมคือการได้ออกไปสู้รบกับศัตรู ดังนั้น หากพระองค์ได้ออกไปต่อสู้กับข้าศึก พระองค์ก็น่าจะมีความสุขเช่นเดียวกับหม่อมฉัน”
เจ้าชายทรงผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ เพราะพระองค์เคยออกไปต่อสู้กับข้าศึกมาหลายครั้ง แต่พระองค์ก็ยังทรงไม่พบพานกับความสุข ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายจึงจำต้องไปขอคำปรึกษาจากนักปราชญ์ผู้รอบรู้
เมื่อนักปราชญ์ได้ฟังคำถามของเจ้าชาย นักปราชญ์จึงตอบเจ้าชายไปว่า “ความสุขของกระหม่อมคือการได้ศึกษาและอ่านตำราต่าง ๆ ดังนั้น หากพระองค์ได้อ่านตำรับตำราทั้งหลาย พระองค์ก็น่าจะมีความสุขได้เช่นเดียวกัน”
เจ้าชายทรงผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ เพราะเจ้าชายเคยอ่านหนังสือมามากต่อมาก แต่พระองค์ก็ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลยแม้สักครั้ง ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายจึงตัดสินใจขี่ม้าออกจากวัง เพื่อหาใครสักคนที่พอจะช่วยชี้ทางให้พระองค์ค้นพบว่า แท้จริงแล้วความสุขของพระองค์คือสิ่งใดกันแน่
ในขณะที่เจ้าชายเดินทางรอนแรมอยู่นั้น บังเอิญพระองค์ทรงขี่ม้าผ่านสวนผักแห่งหนึ่งซึ่งสาวน้อยเจ้าของสวนดูมีความสุขกับการปลูกผักอย่างน่าประหลาด เจ้าชายสะดุดใจจนไม่อาจผ่านเลยไปได้ พระองค์จึงหยุดม้าแล้วตรงเข้าไปหาหญิงสาวผู้สีหน้าเปี่ยมสุข
หญิงสาวแปลกใจมากเมื่อได้พบกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และเมื่อเจ้าชายถามถึงเหตุผลที่ทำให้เธอมีความสุขของเธอ หญิงสาวจึงตอบเจ้าชายว่า “ความสุขของหม่อมฉันคือการได้ปลูกผักและเห็นพวกมันเติบโต ดังนั้น หากพระองค์ได้ลองปลูกผักเช่นเดียวกับหม่อมฉัน พระองค์ก็อาจจะเข้าใจถึงความสุขที่หม่อมฉันได้พบ”
เจ้าชายทรงฉงนกับคำตอบของหญิงสาว แต่เพราะพระองค์ไม่เคยปลูกผักมาก่อนในชีวิต เจ้าชายจึงตัดสินใจที่จะทดลองปักหลักปลูกผักอยู่ที่นั่น
วันรุ่งขึ้น สาวน้อยปลุกเจ้าชายให้ตื่นตั้งแต่เช้า แล้วชวนให้เจ้าชายทดลองหว่านเมล็ดผักลงในสวน แม้เจ้าชายจะตื่นเต้นกับกิจกรรมใหม่ที่ได้เรียนรู้ แต่พระองค์ก็ทรงไม่รู้สึกว่ามัน จะทำให้พระองค์มีความสุขเพิ่มขึ้นที่ตรงไหน อย่างไรก็ตาม เจ้าชายก็ตัดสินใจที่จะอยู่รอดูผักเติบโตขึ้นในสวนแห่งนั้น โดยพระองค์ยังมีความหวังว่า การเห็นผักงอกงามขึ้นจากพื้นดินอาจทำให้พระองค์ค้นพบกับความสุขก็เป็นได้
เจ้าชายและหญิงสาวช่วยกันดูแลรดน้ำและเฝ้ารอการเติบโตของต้นผักด้วยใจจดจ่อ แม้การรอคอยอาจกินเวลาอยู่สักหน่อย แต่เจ้าชายกลับไม่รู้สึกเบื่อเลย เนื่องจากหญิงสาวมีเรื่องราวเกี่ยวกับผักมาเล่าให้พระองค์ฟังได้อย่างไม่รู้เบื่อ
หญิงสาวเล่าถึงผักที่เธอเคยปลูกด้วยแววตาที่สดใส ส่วนเจ้าชายก็นั่งฟังน้ำเสียงที่แสนอ่อนหวานของหญิงสาวอย่างเพลิดเพลินแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่ง ต้นอ่อนของผักที่เจ้าชายหว่านเมล็ดลงไปในสวนก็งอกโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
หญิงสาวดีใจมากที่เห็นต้นผักน้อย ๆ งอกขึ้นมาจากพื้น แต่เจ้าชายกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก แม้กระนั้น…เจ้าชายก็ตัดสินใจที่จะอยู่ดูผักเติบโตต่อไปโดยหวังว่ามันอาจจะช่วยทำให้พระองค์ค้นพบกับความสุขได้บ้าง
แต่น่าเสียดายเหลือเกิน เพราะเมื่อผักต้นน้อยเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนพร้อมที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เจ้าชายก็ยังคงไม่รู้สึกถึงความสุขในการปลูกผักดังเช่นที่หญิงสาวเคยบอกเล่า
หญิงสาวเสียใจที่ตนเองไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าชายได้ ส่วนเจ้าชายเองก็เกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาดเมื่อจะต้องจากสวนผักแห่งนั้น
ในวันสุดท้ายก่อนที่เจ้าชายจะออกเดินทางต่อ หญิงสาวขอนำผักที่เจ้าชายปลูกมาปรุง เป็นอาหารเพื่อขอโทษที่ตนเองทำให้เจ้าชายต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งในระหว่างที่เจ้าชายกำลังรอสำรับมื้อสุดท้ายจากหญิงสาว เจ้าชายก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจของพระองค์
แม้เจ้าชายจะไม่มีความสุขกับการปลูกผัก แต่เจ้าชายก็มั่นใจว่าพระองค์คงยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นไปอีก หากต้องจากสวนผักแห่งนี้ไป เจ้าชายไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองสักเท่าไรนัก จนเมื่อหญิงสาวยกชามน้ำแกงออกมาจากครัว เจ้าชายจึงได้ตระหนักว่า พระองค์มิได้กังวลที่จะต้องจากสวนแห่งนั้น แต่พระองค์ไม่อยากอยู่ห่างจากหญิงสาวผู้รักการปลูกผักผู้นี้ต่างหาก
และแล้ว เจ้าชายก็ทรงค้นพบว่า ความสุขของพระองค์คือการได้ฟังทุกเรื่องที่หญิงสาวเล่า ได้เฝ้ามองยามที่เธอดีใจ และได้ใกล้ชิดเธอไปตลอดชั่วชีวิต
ในที่สุด เจ้าชายก็ค้นพบความสุขของพระองค์
#นิทานนำบุญ
……………………
