กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่แทบทุกคนเล่นมือถือ
การไม่รู้กฎหมายลิขสิทธิ์ อาจทำให้หลาย ๆ คน “ละเมิดลิขสิทธิ์” จนส่งผลให้เสียเงินค่าปรับจำนวนมาก หรืออาจติดคุกได้ การรู้จักกฎหมายลิขสิทธิ์ จึงเป็นเรื่องที่ “ทุกคน” ต้องรู้

คุณผู้อ่านที่ได้อ่านหน้าแรกของเว็บไซต์นิทานนำบุญ น่าจะเห็นข้อความในภาพด้านบนนี้ แต่บางคนอาจมองผ่าน ๆ
แต่สิ่งที่ผมพบจากเคสที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์นิทานนำบุญก็คือ หลายคนรู้ว่าผิด แต่ไม่รู้ว่าผลตามกฎหมายรุนแรงขนาดได้ ผมจึงได้นำข้อกฎหมายจาก เว็บไซต์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา มาให้อ่านกัน โดยจะอธิบายด้วยคำง่าย ๆ ให้เข้าใจมากขึ้น

ถ้ามีคนถามว่า “ลิขสิทธิ์คืออะไร” ผมขอตอบง่าย ๆ ว่า มันคือสิทธิ์ในผลงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งกฎหมายให้ความคุ้มครองเจ้าของผลงานหรือผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้น ๆ
งานที่จัดว่าเป็นผลงานอันมีลิขสิทธิ์ แบ่งได้ 9 ประเภท (อ่านได้ในรูป) นิทานนำบุญ จะอยู่ในประเภท งานวรรณกรรม
ผลงานทั้ง 9 ประเภทนี้ ถ้าท่านไม่ได้เป็นเจ้าของผลงาน ท่านไม่มีสิทธิ์นำไปเผยแพร่สู่สาธารณะ

ผลงานบางประเภทไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ (อ่านได้ในรูป) ซึ่งหมายความว่า เราสามารถนำไปเผยแพร่ได้
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ จะเกิดขึ้นทันทีที่สร้างผลงานเสร็จ แต่ต้องเก็บหลักฐานในการสร้างสรรค์ผลงานให้ดี เช่น กรณีนิทานนำบุญ ผมพิมพ์ต้นฉบับลงในคอมพิวเตอร์ ซึ่งในไฟล์จะมีการระบุวันเดือนปีที่พิมพ์ไว้ชัดเจน นอกจากนี้ เมื่อมีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ผมก็เก็บผลงานที่ตีพิมพ์เอาไว้ด้วย และเมื่อนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์นิทานนำบุญ ในเว็บก็จะแสดงวันที่โพสต์ให้เห็นอย่างเด่นชัด สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานที่ผมสามารถใช้ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้จริง ๆ
สรุปคือ ต้องหาวิธีการบันทึกสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้มีหลักฐานในการสร้างสรรค์ ยิ่งหลักฐานระบุตัวตนและเวลาได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ เวลาเกิดการละเมิด ก็จะใช้เป็นหลักฐานได้ดีมากเท่านั้น


การคุ้มครองลิขสิทธิ์ ระบุว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวฯ ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้สร้างผลงาน ก็ห้ามนำมันไปเผยแพร่สู่สาธารณะเด็ดขาด (ไม่ว่าจะเผยแพร่ในรูปแบบใด) เพราะอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ได้
การละเมิดลิขสิทธิ์ จะเกิดขึ้นเมื่อ เราเอางานที่เราไม่มีสิทธิ์ไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเผยแพร่ในรูปแบบใดก็ตาม ไม่ว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดจะเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น (เพราะเราไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์)
การเผยแพร่สิ่งต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ จึงเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่ายมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นการเผยแพร่ต่อ “สาธารณะ” (คำว่า ใช้เป็นการส่วนตัว คือ การใช้ในบ้าน ในครอบครัว เช่น โหลดเพลงไปเปิดฟังในบ้าน อ่านนิทานกันในครอบครัว ทำคลิปเปิดฟังกันในครอบครับ แบบนี้ไม่ใช่การเผยแพร่สู่สาธารณะ)
แต่ในเรื่องลิขสิทธิ์ กฎหมายมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ซึ่งการใช้ในแง่การศึกษา ถือว่า ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ (แต่หากมีการเผยแพร่สู่สาธารณะ เจ้าของลิขสิทธิ์ก็มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความเอาผิดได้ เพราะข้อยกเว้นข้อที่ 1 และ 2 คุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่ ดังนั้น การนำผลงานไปใช้ แม้จะเป็นการนำไปติชม วิจารณ์ หรือ แนะนำ แบบระบุชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องได้ – ซึ่งศาลจะเป็นผู้ตัดสิน)


ในเรื่องของอัตราโทษ การละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา (อธิบายอย่างง่าย ๆ คือ ทางแพ่งคือการปรับเงิน ทางอาญาคือการติดคุก)
แต่ค่าใช้จ่ายเมื่อถูกแจ้งความ ผู้ละเมิดจะเสียเงินเดินทางไปยังสถานีตำรวจ (เช่น ผมแจ้งความที่นครพนม ผู้ถูกแจ้งก็ต้องมาให้ปากคำที่นครพนม ซึ่งเสียเงิน เสียเวลา) หากมีการฟ้องร้องจนต้องขึ้นศาล ผู้ละเมิดอาจต้องจ้างทนาย ต้องเดินทางมาศาลหลายครั้ง และเมื่อศาลตัดสินว่าผิดจริง ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ก็อาจต้องเสียค่าปรับ ถูกลงโทษ และอาจต้องจ่ายเงินค่าทนายให้เจ้าของลิขสิทธิ์อีก
การละเมิดลิขสิทธิ์จึงไม่ใช่เรื่องเล็กเลย

ข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์
- ต้องระวังไม่นำผลงานของผู้อื่น มาใช้และเผยแพร่แบบสาธารณะ ไม่ว่าจะดัดแปลงในรูปแบบใดก็ตาม
- เมื่อพลาดละเมิดลิขสิทธิ์จนเจ้าของทักให้เจรจา จงรีบเจรจา ยอมรับผิดอย่างจริงใจ ยอมชดใช้ค่าเสียหาย พยายามอย่าทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่พอใจ หรือเพิกเฉยเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเรื่องเล็ก ๆ อาจลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้
- ในกรณีที่เรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย (ถูกแจ้งความ) หากมีโอกาส ต้องรีบหาวิธีของโทษและขอเจรจา เพราะถ้าเรื่องขึ้นสู่ศาล จะมีการจ้างทนาย ค่าจ้างทนายและค่าใช้จ่ายในการขึ้นศาลมีมูลค่ามาก ยิ่งปล่อยให้เรื่องเลยเถิด ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ละเมิดแพ้คดี ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผู้ละเมิดจะต้องถูกบังคับให้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
- กฎหมายลิขสิทธิ์ คุ้มครอง เจ้าของผลงานหรือเจ้าของสิทธิ์ เป็นสำคัญ การไม่ละเมิดลิขสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่หากพลาดพลั้ง การแสดงความรับผิดชอบ จะทำให้เรื่องจบได้โดยที่มีความเสียหายน้อยที่สุด
#นิทานนำบุญ