นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงสายลมกับเจ้าชายทั้งสาม” แต่งเสร็จในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องใหม่ ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ทดลองแต่ง โดยการเล่นกับ A.I. (ปัญญาประดิษฐ์)
ความสนุกในการใช้ A.I.ที่ผมพบ คือ A.I.มักมีจุดบกพร่องในการคิดเยอะ คือ เวลาเราพิมพ์อะไรให้ A.I.สังเคราะห์คำตอบ A.I.มักเกริ่นด้วยคำพูดเท่ ๆ ที่ดูน่าเชื่อถือ แต่เนื้อหาที่ตอบ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก (บางครั้ง มีการให้ข้อมูลเป็นชื่อและนามสกุลของคน ที่จริง ๆ แล้วไม่มีตัวตน! พอไล่ต้อน A.I.ก็จะแกล้งแฮงค์ แล้วปิดระบบหนีไป)
การเล่นหรือแกล้ง A.I. ครั้งนี้ั ผมเริ่มจากการค้นหนังสือนิทานเก่า ๆ (ซึ่งหมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว) จากเว็บ https://www.gutenberg.org/ แล้วเลือกนิทานอมตะ 1 เรื่องมาให้ A.I. ของ Bing สรุปเนื้อหาให้ ซึ่ง A.I. ก็พยามยามสรุปนิทานเป็นเรื่องย่อ แต่ด้วยความเพี้ยนของ A.I. เรื่องย่อจึงค่อนข้างแปลกอยู่สักหน่อย
ผมจึงนำเรื่องย่อมาขัดเกลา เพิ่มลดรายละเอียด ปรับให้เรื่องสมเหตุสมผลมากขึ้น (แบบพิมพ์ไว ๆ ) แล้วให้ A.I. เรียบเรียงเป็นนิทานที่เขียนแบบสมบูรณ์ขึ้น
แน่นอนว่า A.I.ยังคงทำงานเพี้ยนเหมือนเดิม ประโยคแรก ๆ อาจดูดี แต่พอสังเคราะห์ข้อความต่อ ทำให้เรื่องราวเริ่มออกทะเล
แต่การที่ A.I. ทำงานเพี้ยนในครั้งนี้ จู่ ๆ A.I.ก็สังเคราะห์ข้อความในช่วงท้ายของนิทานที่ทำให้ผมทึ่ง! เพราะเนื้อหาของนิทานที่ A.I. พิมพ์ออกมาในช่วงท้าย เป็นแง่มุมที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อนในนิทานสำหรับเด็ก
ในมุมมองของผม สิ่งที่ A.I.สังเคราะห์คำตอบออกมา เป็นสิ่งที่น่านำมาเขียนเป็นนิทานเรื่องใหม่ที่มีแง่มุมต่างไปจากนิทานที่ผมเคยแต่งได้ ผมจึงนำประเด็นนั้นมาเรียบเรียงใหม่ แล้วแต่งเป็นนิทานที่ชื่อว่า เจ้าหญิงสายลมกับเจ้าชายทั้งสาม
ก่อนไปอ่านนิทาน ผมอยากบอกว่า จริง ๆ แล้วนิทานเรื่องนี้สามารถเขียนให้เป็นนิทานที่มีตัวละครหรือเรื่องราวได้อีกหลายรูปแบบ ทั้งยังสามารถเพิ่มรายละเอียดให้สนุกสนานตื่นเต้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ผมตั้งใจแต่งนิทานเรื่องนี้ให้กระชับ และคงสิ่งที่ A.I. สังเคราะห์เอาไว้เท่าที่ควรจะมี เพื่อเป็นที่ระลึกว่า “A.I.เพี้ยน ๆ ก็ทำให้นักแต่งนิทานทึ่งได้เหมือนกันนะ”
นิทานเรื่อง เจ้าหญิงสายลมกับเจ้าชายทั้งสาม
กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งชื่อว่า “เจ้าหญิงสายลม”
เจ้าหญิงสายลมเป็นเจ้าหญิงแสนสวย ที่มีนิสัยน่ารัก ทั้งยังมีจิตใจดีงาม จนทุกคนที่ได้พบมักหลงรักเจ้าหญิงตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งรวมไปถึง เจ้าชายสามพระองค์ที่หญิงสาวจากทั่วทุกสารทิศต่างหมายปอง
เจ้าชายองค์แรกมีชื่อว่า “เจ้าชายแสงจันทร์” พระองค์เป็นเจ้าชายรูปงาม ที่มีพลังแสงจันทร์ ซึ่งช่วยเปลี่ยนบรรยากาศที่เอะอะอื้ออึงให้กลายเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบได้
เจ้าชายองค์ที่สองมีชื่อว่า “เจ้าชายแสงอาทิตย์” พระองค์เป็นเจ้าชายรูปหล่อ ที่มีพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถสร้างได้ทั้งความอบอุ่นและพลังความร้อนเพื่อใช้ทำลายล้าง
เจ้าชายองค์ที่สามมีชื่อว่า “เจ้าชายแสงดาว” พระองค์เป็นเจ้าชายสายแบ๊ว ที่มีพลังแสงดาว ซึ่งสามารถสร้างแสงแห่งความหวัง ที่ให้สติและปลุกให้คนที่สิ้นหวัง เริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าชายทั้งสามพระองค์ต่างหลงรักเจ้าหญิงตั้งแต่แรกเห็น เจ้าชายทั้งสามจึงรอเวลาที่พระราชาจะจัดงานเลือกคู่แบบที่เคยฟังในนิทานเรื่องต่าง ๆ
แม้เจ้าหญิงจะรู้ว่าเจ้าชายทั้งสามและผู้คนอีกมากมายมาแอบชอบพระองค์อยู่ แต่เจ้าหญิงทรงรู้สึกว่าตนเองยังอายุน้อย จึงอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง มากกว่าการรีบมีคู่ครอง
วันหนึ่ง เกิดเหตุร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะมีแม่มดใจร้ายตนหนึ่ง อยากได้เจ้าหญิงแสนสวยไปแต่งงานกับพ่อมดซึ่งเป็นลูกชายของตน แม่มดจึงลักพาตัวเจ้าหญิงไปจากพระราชวัง โดยตั้งใจจะบังคับให้เจ้าหญิงมาเป็นลูกสะใภ้ของตนให้จงได้
แต่เมื่อเจ้าหญิงไปถึงหอคอยของแม่มด เจ้าหญิงทรงขัดขืนไม่ยอมแต่งงานกับลูกชายแม่มด แม่มดโมโหมากจึงจับเจ้าหญิงไปขังไว้ที่ยอดหอคอยเพื่อรอเวลาให้เจ้าหญิงเปลี่ยนใจ
เมื่อพระราชาทราบว่าเจ้าหญิงถูกแม่มดลักพาตัวไป พระราชาจึงประกาศขอความช่วยเหลือจากผู้คนทั้งหลายอย่างไม่รอช้า
ครั้นเมื่อเจ้าชายทั้งสามได้ฟังประกาศของพระราชา เจ้าชายทั้งสามจึงพากันเดินทางไปช่วยเจ้าหญิง โดยที่เจ้าชายแต่ละพระองค์ต่างหวังว่า หากพวกเขาช่วยเจ้าหญิงได้สำเร็จ เจ้าหญิงอาจเลือกแต่งงานกับใครสักคนที่ฝ่าอันตรายเข้าไปช่วยพระองค์ออกมา
เมื่อเจ้าชายทั้งสามไปถึงหอคอยของแม่มด เจ้าชายแสงจันทร์ใช้พลังสร้างความเงียบสงบ ทำให้ทุกคนเข้าไปในหอคอยได้ โดยที่แม่มดและลูกชายไม่ได้ยินเสียงผู้บุกรุกเลยแม้สักนิด
ครั้นเมื่อไปถึงยอดหอคอย เจ้าชายแสงอาทิตย์ใช้พลังแสงอาทิตย์หลอมกุญแจประตูเหล็กที่ขังเจ้าหญิงอยู่ จากนั้น เจ้าชายทั้งหมดก็พาเจ้าหญิงหนีออกมาได้สำเร็จ
เมื่อเจ้าหญิงปลอดภัย เจ้าชายต่างคาดหวังว่าเจ้าหญิงอาจเลือกแต่งงานกับเจ้าชายสักพระองค์ เพื่อให้เรื่องราวของนิทานจบลงอย่างมีความสุข
แต่ความสุขของเจ้าหญิงไม่ใช่การรีบมีคู่ครองแบบในนิทานเรื่องต่าง ๆ เจ้าหญิงยังคงเป็นเจ้าหญิงที่รักอิสระ และอยากใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เจ้าหญิงจึงบอกกับเจ้าชายทั้งสามพระองค์ตรง ๆ ว่า พระองค์ยังไม่อยากแต่งงานกับใครเลยในตอนนี้ แต่พระองค์ขอบคุณและยินดีจะเป็นเพื่อนกับเจ้าชายทั้งสามที่เสี่ยงอันตรายไปช่วยพระองค์ด้วยใจบริสุทธิ์
เจ้าชายแสงจันทร์ เจ้าชายแสงอาทิตย์ และเจ้าชายแสงดาว ต่างรู้สึกผิดหวัง เพราะเจ้าชายทุกพระองค์คาดหวังว่าตนเองอาจได้แต่งงานกับเจ้าหญิง
แต่เจ้าชายแสงดาวเป็นเจ้าชายผู้มีสติและปัญญาดีกว่าเจ้าชายองค์อื่น ๆ พระองค์จึงตั้งสติแล้วใช้ปัญญาใคร่ครวญ จนเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหญิงได้ก่อนใคร เมื่อพระองค์เข้าใจเจ้าหญิงแล้ว เจ้าชายแสงดาวจึงใช้พลังแสงดาวที่มีอยู่ สาดแสงเข้าไปในใจของเจ้าชายทุกพระองค์ (รวมถึงตนเองด้วย) เพื่อสร้างความหวังและกำลังใจให้เกิดขึ้น
เมื่อเจ้าชายทุกพระองค์ได้รับพลังแสงดาว เจ้าชายผู้ผิดหวังก็ตระหนักได้ว่า จริงๆ แล้ว มิตรภาพระหว่างเพื่อนที่เจ้าหญิงมอบให้ มีคุณค่าไม่แพ้การได้แต่งงานกับเจ้าหญิงที่ตนหลงรัก เพราะความเป็นเพื่อน คือการที่บุคคลมีความปรารถนาดีต่อกัน การสนับสนุนซึ่งกันและกัน การคอยตักเตือนกัน และการให้เพื่อนมีอิสระในการใช้ชีวิต
ความรักที่แท้จริงจึงไม่ใช่การผูกมัดเป็นเจ้าของ แต่ความรักคือการให้อิสระและความปรารถนาดีต่อกัน
แม้ในวันนี้เจ้าหญิงจะยังไม่เลือกแต่งงานกับใคร แต่เมื่อวันหนึ่งที่เจ้าหญิงเติบโตเพียงพอและพร้อมที่จะมีครอบครัว เจ้าหญิงก็อาจเลือกแต่งงานกับใครสักคน เพื่อให้พระองค์มีเพื่อนคู่คิดในวันที่พระองค์มีความพร้อมจริง ๆ มิใช่การรีบมีคู่ครองแบบตอนจบของนิทานเรื่องต่าง ๆ
เมื่อพลังแสงดาวช่วยทำให้เจ้าชายทุกพระองค์ได้สติและเกิดความเข้าใจ เจ้าชายทั้งสามจึงยินดีเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิง โดยพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน พัฒนาตนเองไปด้วยกัน และใช้ความรู้ความสามารถในการช่วยเหลือผู้คนที่ลำบากเดือดร้อนไปด้วยกัน
เจ้าหญิงดีใจที่พระองค์ได้เพื่อนที่ดีเพิ่มขึ้นถึงสามคน และแล้ว มิตรภาพที่งดงามก็เริ่มต้น…นับจากนั้น
#นิทานนำบุญ