นิทานก่อนนอนเรื่อง “เด็กน้อยจากโลกดึกดำบรรพ์” มีที่มาค่อนข้างแปลกอยู่สักหน่อย คือในช่วงที่ผมแต่งนิทานเรื่องนี้ ผมนึกถึงตัวละคร “ลูกน้อยหอยสังข์” จากวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง” ผมคิดว่าผู้แต่งมีจินตนาการที่น่ายกย่องมาก เพราะการคิดว่ามีเด็กคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในหอยสังข์ เป็นความคิดที่ข้ามออกจากกรอบแห่งโลกความจริงเข้าสู่โลกแห่งนิทานโดยสมบูรณ์แบบ แถมเรื่องราวต่อจากนั้น ก็น่าสนุก ชวนติดตาม จนผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะแต่งนิทานดี ๆ แบบนี้ได้แน่ ๆ แต่ความยากคือสิ่งท้าทาย ผมจึงอยากลองท้าทายตัวเองดูด้วยการแต่งนิทานเรื่องใหม่ ที่มีตัวละครหลักตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในหอย ซึ่งหลังจากการคิดแต่งนิทานอย่างยากลำบาก (ยากจริง ๆ ) ในที่สุดก็ได้นิทานเรื่องนี้ออกมา
นิทานเรื่อง เด็กน้อยจากโลกดึกดำบรรพ์
นานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาเรื่องซากดึกดำบรรพ์ต่าง ๆ เช่น ซากกระดูกไดโนเสาร์และซากสัตว์โบราณที่กลายเป็นหิน ชายหนุ่มผู้นี้รักงานของเขามาก วันทั้งวัน…เขาจึงเอาแต่ศึกษาค้นคว้าและลงพื้นที่ขุดหาซากดึกดำบรรพ์จนลืมแบ่งเวลามาดูแลตัวเองหรือเอาใจใส่แฟนสาวที่เขารัก
อยู่มาวันหนึ่ง ชายหนุ่มขุดพบซากหอยทะเลล้านปีที่เรียกว่าแอมโมไนต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ายางรถยนต์เกือบสองเท่า แถมยังมีสภาพสมบูรณ์อย่างเหลือเชื่อ ชายหนุ่มตื่นเต้นกับการค้นพบครั้งนี้มาก เขารีบนำซากหอยดึกดำบรรพ์กลับมายังห้องทดลองที่บ้าน แต่เขาไม่รู้เลยว่า ในซากหอยทะเลที่เขาพบนั้นมีเด็กน้อยจากโลกดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่ด้วย!
หลายคนอาจสงสัยว่า เด็กน้อยเข้าไปอยู่ในหอยดึกดำบรรพ์ได้อย่างไร จริง ๆ แล้ว เด็กคนนี้เกิดในช่วงที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือมีอุกกาบาตตกมายังพื้นโลกและมีภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พ่อแม่ของเด็กน้อยซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์จึงร่ายคาถาฝากลูกชายเอาไว้ในเปลือกหอย แล้วนำไปปล่อยลงกลางมหาสมุทร เพื่อให้ลูกน้อยรอดชีวิตจากภัยพิบัติ
ครั้นเมื่อชายหนุ่มนำซากหอยดึกดำบรรพ์กลับถึงบ้าน เด็กน้อยในเปลือกหอยก็ตื่นขึ้นมา เด็กน้อยสังเกตเห็นว่า ชายหนุ่มเอาแต่คร่ำเคร่งค้นคว้าตำรับตำราจนไม่สนใจดูแลตัวเองเลย เด็กน้อยอยากตอบแทนบุญคุณชายหนุ่มผู้ให้ชีวิตใหม่ เมื่อชายหนุ่มเผลอ เด็กน้อยจึงแอบออกมาจากเปลือกหอย แล้วช่วยทำความสะอาดบ้าน, ซักรีดเสื้อผ้า, ทำอาหารอร่อย ๆ รวมทั้งปลูกดอกไม้แสนสวยจนเต็มสวนไปหมด
แม้ชายหนุ่มจะแปลกใจที่บ้านช่องสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้, เสื้อผ้าซักรีดเรียบร้อย แถมยังมีอาหารอร่อย ๆ จัดอยู่ที่โต๊ะทุกมื้อ แต่เนื่องจากเขาจดจ่อกับการศึกษาค้นคว้ามาก เขาจึงไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
สามเดือนผ่านไป เด็กน้อยเห็นชายหนุ่มพยายามคาดเดาว่าตัวของหอยทะเลที่อยู่ในเปลือกหอยดึกดำบรรพ์มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ชายหนุ่มเอาแต่คิดและลองวาดรูปจนแทบไม่ได้พักผ่อน เด็กน้อยซึ่งแอบอยู่ในเปลือกหอยรู้สึกเป็นห่วง เมื่อชายหนุ่มฟุบหลับ เด็กน้อยจึงออกมาจากเปลือกหอย แล้ววาดภาพหอยทะเลที่เขาเคยเห็นในอดีตลงในกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ
ในตอนเช้า ชายหนุ่มตื่นเต้นมากเมื่อเห็นภาพวาดบนโต๊ะ เพราะภาพดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับภาพในตำราอ้างอิง แต่มีรายละเอียดที่สมจริงสมจังมากกว่า ชายหนุ่มเข้าใจว่าตนเองเป็นคนวาดภาพภาพนั้นก่อนที่จะหมดแรงหลับไป เขาจึงไม่ได้ติดใจสงสัยเลยแม้สักนิด
หลายวันต่อมา แฟนสาวแวะมาหาชายหนุ่มที่บ้านเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของเธอ หญิงสาวคาดหวังว่าชายหนุ่มคงเตรียมของขวัญเอาไว้ให้เธอสักชิ้น แต่เมื่อเธอทวงถาม ชายหนุ่มที่ทุ่มเทเวลาให้กับงานจนเกินพอดีกลับลืมเสียสนิท เด็กน้อยกลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกัน เด็กน้อยจึงรีบวิ่งออกมาจากเปลือกหอยผ่านหน้าชายหนุ่มและหญิงสาว แล้วตรงไปเก็บดอกไม้ในสวนเพื่อให้ชายหนุ่มมีของขวัญสำหรับหญิงคนรัก
แม้เด็กน้อยจะมีเจตนาดี แต่การที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าชายหนุ่มและหญิงสาวทำให้คนทั้งคู่ตกใจมาก เมื่อเด็กน้อยส่งดอกไม้ให้ชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงได้แต่ทำหน้าหวั่น ๆ พร้อมกับถามเด็กน้อยด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “หนูเป็นใคร แล้วออกมาจากเปลือกหอยได้อย่างไร?”
สีหน้าของชายหนุ่มทำให้เด็กน้อยรู้ในทันทีว่าเขาได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรเข้าให้เสียแล้ว เด็กน้อยรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้มีพระคุณเสียขวัญ เขาจึงก้มหน้าแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟัง พลางคิดว่าชายหนุ่มคงไล่เขาออกจากบ้านเป็นแน่
เมื่อหญิงสาวได้ฟังเรื่องของเด็กน้อยที่พลัดพรากจากพ่อแม่ข้ามกาลเวลามา เธอก็รู้สึกสงสารและไม่อยากให้เด็กน้อยต้องอยู่ในโลกยุคนี้ตามลำพังหรือต้องแอบหลบอยู่ในเปลือกหอยอย่างที่เป็นอยู่ หญิงสาวจึงแกล้งโมโหชายหนุ่ม แล้วยื่นคำขาดให้ชายหนุ่มดูแลเด็กน้อยแทนการปล่อยให้เด็กต้องมาดูแลผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักแบ่งเวลาอย่างเขา
ชายหนุ่มกลัวว่าหญิงสาวจะทิ้งเขาไปและอายที่ตัวเองปล่อยให้เด็กน้อยคอยดูแลโดยที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงสัญญาว่าเขาจะดูแลเด็กน้อยให้ดีและจะพยายามปรับปรุงตัวเองเสียใหม่
นับจากวันนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มทำตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เด็กน้อยต้องทำความสะอาดบ้าน, ซักรีดเสื้อผ้าหรือทำกับข้าวคนเดียวอีก แต่เขาแบ่งเวลาจากการ ศึกษาค้นคว้ามาทำงานบ้านเองโดยมีเด็กน้อยเป็นลูกมือคอยช่วยเหลือ ซึ่งไม่นานนัก ชายหนุ่มกับเด็กน้อยก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลายสัปดาห์ต่อมา เมื่อหญิงสาวกลับมาเยี่ยมชายหนุ่มและเห็นว่าคนรักของเธอทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ หญิงสาวจึงยอมให้อภัยและกลับมาคืนดีกับเขาอีกครั้ง
ในเวลานี้ ชายหนุ่มเพิ่งเข้าใจว่า การคร่ำเคร่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเกินพอดี ไม่ใช่วิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องนัก แต่การจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมต่างหากที่จะทำให้เขามีความสุขทั้งในการทำงานและในชีวิตส่วนตัว
เมื่อชายหนุ่มปรับปรุงตัวเองได้สำเร็จ ในที่สุด เขาก็ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เขารัก แต่สิ่งที่น่ายินดีมากกว่านั้นก็คือ ชายหนุ่มกับหญิงสาวตกลงกันที่จะรับเด็กน้อยมาเป็นลูกของพวกเขา
เด็กน้อยดีใจมากที่เขาได้มีพ่อแม่และครอบครัวที่แสนอบอุ่น นับจากนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ชายหนุ่มก็มักจะพาครอบครัวของเขาไปขุดหาซากซากดึกดำบรรพ์ร่วมกัน โดยมีภรรยาเป็นคนทำอาหารและมีลูกชายที่รักคอยเล่าเรื่องราวของโลกในยุคเก่าให้เขาได้ฟังอยู่เสมอ ๆ
#นิทานนำบุญ
