นิทานเรื่อง บทเรียนของลูกม้าลาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกม้าลายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่ากับพ่อแม่ของมัน ลูกม้าลายตัวนี้มีนิสัยซุกซน, ซุ่มซ่าม, เซ่อซ่า แถมยังพูดจาสื่อสารกับใคร ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่ม้าลายจึงต้องคอยเตือนให้ลูกชายมีสมาธิและรู้จักเรียบเรียงความคิดให้ดีก่อนที่จะพูดเสมอ ๆ
อยู่มาวันหนึ่ง พ่อกับแม่ม้าลายไปเยี่ยมญาติในป่าลึก ลูกม้าลายจอมซนที่อยู่เฝ้าบ้านจึงแอบออกไปว่ายน้ำเล่นที่ลำธารซึ่งแม่ม้าลายเคยห้ามเอาไว้ ลูกม้าลายถอดชุดหนังลายขาวดำที่ใส่อยู่…เหลือแต่ตัวเปล่า ๆ แล้วลงไปเล่นน้ำจนลืมเวลา ครั้นเมื่อลูกม้าลายหันมามองชุดที่กองทิ้งไว้ มันก็พบว่าชุดหนังของมันได้หายไปเสียแล้ว
ถ้าพ่อกับแม่กลับมาพบว่าลูกม้าลายทำชุดหนังประจำตัวหาย พ่อกับแม่ม้าลายก็คงจับได้ว่า ลูกชายหนีไปเล่นน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต หนำซ้ำยังซุ่มซ่ามเซ่อซ่าทำของสำคัญหายไปเสียอีก ลูกม้าลายไม่อยากถูกตีจนก้นลาย มันจึงไปหาเทพารักษ์ซึ่งเป็นเทวดาประจำป่าเพื่อขอให้ช่วยเสกชุดหนังตัวใหม่ให้
เมื่อเทพารักษ์ได้ฟังคำขอร้อง เทพารักษ์ผู้ใจดีซึ่งมีพลังวิเศษเสกอะไรก็ได้วันละ 3 ครั้ง จึงเอ่ยปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ลูกม้าลายดีใจมากจนลืมเรียบเรียงความคิดให้ถี่ถ้วน มันรีบเอ่ยปากขอพรครั้งแรกไปว่า “ผมขอชุดหนังชุดใหม่ด่วนเลยนะครับ”
ทันทีที่เทพารักษ์ได้ฟังคำร้องขอ เทพารักษ์จึงเสกชุดหนังตัวใหม่สวมให้เจ้าลูกสัตว์จอมซนอย่างไม่รอช้า อนิจจา! เทพารักษ์เข้าใจผิดคิดว่าลูกม้าลายที่เปลือยกายมา…เป็นลูกม้าธรรมดา ๆ เทพารักษ์จึงเสกชุดหนังสีขาวให้มัน…แทนที่จะเป็นชุดลายทางสีขาวดำอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อลูกม้าลายเห็นชุดที่เทพารักษ์เสกให้ มันก็ได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัด แล้วพูดกับเทพารักษ์อย่างอารมณ์เสียว่า “ผมไม่ใช่ม้านะครับท่าน ตัวของผมจะต้องมีทั้งสีขาวและสีดำ ไม่ใช่ขาวโพลนดูจืดสนิทแบบนี้ ช่วยเสกชุดใหม่ให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”
เมื่อลูกสัตว์ที่มาขอความช่วยเหลือบอกว่าตนเองไม่ใช่ม้า แถมเนื้อตัวยังมีทั้งสีขาวและสีดำ เทพารักษ์จึงเพ่งมองลูกสัตว์จอมซนอีกครั้ง พลางคิดว่า “ถ้าไม่ใช่ม้าและเนื้อตัวมีทั้งสีขาวและสีดำ บางที…มันอาจจะเป็นลูกวัวก็ได้นะ” ด้วยเหตุนี้ เทพารักษ์จึงร่ายคาถาครั้งที่สอง แล้วเสกชุดหนังลายวัวให้ตามที่เข้าใจ
ลูกม้าลายโมโหจนตัวสั่นเมื่อเห็นชุดลายวัวนมสีขาวสลับดำที่เทพารักษ์เสกให้ มันพยายามระงับความโกรธพลางกัดฟันกรอดแล้วขอพรครั้งที่สามว่า “ผมไม่ใช่ม้า แล้วก็ไม่ใช่วัวนะครับ ตัวของผมมีลายสีดำ ๆ คาดอยู่ทั้งตัว อย่าเสกชุดมั่วซั่วแบบนี้สิครับ ยังไงช่วยเสกชุดหนังที่มีลายสีดำคาดอยู่ตามตัวให้ผมเดี๋ยวนี้ พ่อกับแม่ของผมคงใกล้จะมาถึงแล้วนะครับ”
เทพารักษ์แปลกใจมากที่ลูกสัตว์จอมซนตรงหน้าบอกว่ามันไม่ใช่ทั้งม้าและวัว เทพารักษ์พยายามมองลูกสัตว์จอมซนอีกครั้ง พลางคิดถึงสัตว์ที่มีลายดำ ๆ คาดอยู่ทั้งตัว “ถ้าไม่ใช่ม้าหรือวัว แต่มีลายสีดำคาดอยู่ทั้งตัว บางที..เจ้านี่อาจจะเป็นลูกเสือโคร่งที่หน้าตาไม่เหมือนเสือโคร่งก็ได้นะ” เมื่อคิดดังนั้น เทพารักษ์จึงเสกชุดใหม่เป็นชุดหนังลายเสือโคร่งให้ตามที่เข้าใจ
ลูกม้าลายตกใจมากที่เห็นเนื้อตัวของตนมีลายสีดำคาดบนขนสีเหลืองเหมือนเสือโคร่ง มันโกรธจนปากสั่น พลันพูดกับเทพารักษ์ว่า “นี่ท่านไม่รู้จักม้าลายหรือยังไงครับ ผมเป็นม้าลาย ไม่ใช่ม้า, วัวนมหรือเสือโคร่ง แค่เสกชุดหนังสีขาวลายดำให้ผม…มันยากตรงไหนนะ ช่วยเสกชุดหนังให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เมื่อเทพารักษ์เห็นลูกม้าลายโมโหโทโส เทพารักษ์ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ จากนั้น เทพารักษ์ก็พูดกับลูกม้าลายว่า “ถ้าเจ้าบอกให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าเจ้าเป็นลูกม้าลายและอยากได้ชุดลายขาวดำแบบม้าลาย ข้าก็คงเสกชุดม้าลายให้เจ้าใส่ไปตั้งนานแล้ว แต่นี่เจ้าไม่บอกให้ชัดเจน แล้วใครจะไปเข้าใจสิ่งที่เจ้าต้องการได้ล่ะ วันนี้…ข้าใช้พลังไปครบ 3 ครั้งแล้ว ถ้าเจ้ายังอยากให้ข้าช่วย เจ้าก็จงกลับมาหาข้าอีกครั้งในวันพรุ่งนี้และรักษามารยาทให้ดีกว่านี้ด้วยนะ”
ลูกม้าลายจอมซนเพิ่งได้สติว่า ตัวมันเองต่างหากที่เป็นคนผิด เพราะมันวิ่งตัวล่อนจ้อนมาขอความช่วยเหลือจากเทพารักษ์ ซึ่งเทพารักษ์ไม่มีทางรู้เลยว่ามันคือม้า, ลาหรือม้าลายกันแน่ หนำซ้ำ มันยังไม่รู้จักเรียบเรียงความคิดให้ดีก่อนที่จะพูด ไป ๆ มา ๆ การขอพรทั้ง 3 ครั้งของมันจึงกลายเป็นเรื่องไร้ค่าไร้ประโยชน์
เมื่อไม่มีทางเลือก ลูกม้าลายจึงจำใจต้องเดินคอตกกลับไปรอให้คุณแม่ตีก้นจนลายพร้อยตามระเบียบ ครั้นพอถึงวันรุ่งขึ้น ลูกม้าลายก็ไปขอโทษเทพารักษ์และขอความช่วยเหลือจากเทพารักษ์อีกครั้ง โดยในครั้งนี้…มันไม่ลืมที่จะเรียบเรียงความคิดและเอ่ยปากขอสิ่งที่ต้องการอย่างมีสติและรอบคอบมากขึ้น
ในที่สุด ลูกม้าลายก็ได้ชุดลายขาวดำมาปกคลุมร่างกายสมดังใจหวัง นอกจากนี้ มันยังได้บทเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารความคิดที่จะติดตรึงเตือนใจมันไปอีกนานแสนนานด้วย
#นิทานนำบุญ
