นิทานเรื่อง “ฉันชอบเธออย่างที่เธอเป็นมากที่สุด” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งค้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่เขียนนิทานส่งให้นิตยสารขวัญเรือน แต่นิทานเรื่องนี่้เป็นนิทานที่ผมแต่งแล้วไม่ชอบมากนัก จึงแต่งนิทานเรื่องใหม่ส่งไปตีพิมพ์ ส่วนเรื่องนี่เก็บไว้ในฮาร์ดดีส วันก่อน ผมค้นหาเอกสารในฮาร์ดดีส ทำให้พบนิทานเรื่องนี้ ผมเห็นว่าเนื้อเรื่อง “เบา ๆ” ดี ความยาวราว ๆ 1 หน้า เป็นนิทานขนาดสั้นที่คุณพ่อคุณแม่อ่านให้ลูกฟังได้แบบไม่เหนื่อยมาก ผมจึงนำมาปรับรายละเอียด เพื่อให้เป็นนิทานก่อนนอนสั้น ๆ ที่น่าจะเรียกรอยยิ้มของเด็ก ๆ ได้บ้าง ขอให้มีความสุขกับนิทานเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง ฉันชอบเธออย่างที่เธอเป็นมากที่สุด
คุณแม่คนหนึ่ง มีลูกสาวฝาแฝดสี่คน ที่มีหน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนที่หนึ่งมีชื่อว่า “แอบเปิ้ล” ลูกสาวคนที่สองมีชื่อว่า “มะละกอ” ลูกสาวคนที่สามมีชื่อว่า “กล้วย” ลูกสาวคนที่สี่มีชื่อว่า “ส้ม” เวลาคุณแม่เรียกลูก ๆ คุณแม่มักร้องเป็นเพลงว่า
“แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล มะละกอ มะละกอ มะละกอ
กล้วย กล้วย กล้วย ส้ม ส้ม ส้ม
แอปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม”
แม้ลูกสาวทั้งสี่คนของคุณแม่จะมีหน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกันเลย แต่ลูกสาวทุกคนของคุณแม่เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ
แอปเปิ้ลเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ยิ่งถ้าวันไหนได้ปลูกผักในสวน แอปเปิ้ลจะอยู่ในสวนได้ทั้งวัน
ส่วนมะละกอเป็นเด็กที่มีนิสัยอ่อนหวาน ถ้าได้นั่งเย็บปักถักร้อย จัดดอกไม้ตกแต่งบ้าน มะละกอจะมีความสุขที่สุด
กล้วยเป็นเด็กที่ชอบศึกษาหาความรู้ ถ้าวันไหนกล้วยได้อยู่บ้านอ่านหนังสือหรือได้ไปห้องสมุด กล้วยจะมีความรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง
ส่วนส้มเป็นเด็กที่พูดน้อย หน้านิ่ง ๆ ชอบคิด ชอบทำ ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ถ้าส้มเห็นเศษวัสดุเหลือใช้ที่บ้าน ส้มจะรู้สึกเหมือนได้เห็นของเล่นอันมีค่าที่เธอจะสร้างให้มันเป็นอะไรก็ได้ที่ทุกคนคาดไม่ถึง
เมื่อถึงวันเกิดของลูก ๆ คุณแม่เห็นว่าลูก ๆ เป็นเด็กที่น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซน และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เสมอ คุณแม่จึงซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตามาฝากลูกสาวคนละหนึ่งตัว
แอปเปิ้ลได้ตุ๊กตาหมีแต่งชุดเป็นคนสวน ดูเท่น่าดู
มะละกอได้ตุ๊กตาหมีที่มีชุดเป็นลายดอกไม้แสนอ่อนหวาน
กล้วยได้ตุ๊กตาหมีใส่ชุดสุดเท่ แถมใส่แว่น ท่าทางเหมือนคนที่ชอบอ่านหนังสือหรือเด็กคงแก่เรียน
ส่วนส้มไม่ได้ตุ๊กตาหมีเหมือนพี่ ๆ แต่เธอได้ตุ๊กตาเด็กไม่ใส่เสื้อแถมมีหัวจุก ซึ่งพี่ ๆ พากันร้องเพลงว่า “จ่อกกวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก จ่อก จ่อก กวิก กูลิติแกว็ด” กันอย่างสนุกสนาน
ส้มไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเมื่อได้รับตุ๊กตาจากคุณแม่ รวมทั้งไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสียงเพลงของพี่ ๆ ส่วนแอปเปิ้ล มะละกอ และกล้วย ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่ได้หยอกน้องเล็กนิดหน่อย จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายไปเล่นกับตุ๊กตาของตัวเอง
ในเวลาต่อมา เมื่อคุณแม่ไม่อยู่ มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่คาดคิด
ตุ๊กตาหมีของแอปเปิ้ลแอบส่งยิ้มให้แอปเปิ้ล พอแอปเปิ้ลเห็น เธอก็ประหลาดใจ แต่ก็ยิ้มตอบ
ในขณะเดียวกัน ตุ๊กตาหมีของมะละกอก็ส่งยิ้มให้มะละกอ พอมะละกอเห็น เธอก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ แต่เธอก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ ที่จะได้มีเพื่อนเล่น
ฝ่ายตุ๊กตาหมีของกล้วยก็แอบส่งยิ้มให้กล้วย พอกล้วยเห็น เธอก็ยิ้มแล้วพาตุ๊กตาหมีมาอ่านหนังสือด้วย
ส่วนตุ๊กตาเด็กหัวจุกที่ดูคล้ายกุมารทองของส้มนั้น มันรู้สึกว่าตัวของมันไม่น่ารักเหมือนตุ๊กตาตัวอื่น ๆ แถมมันยังไม่มีเสื้อใส่เสียด้วย เมื่อสบโอกาส เจ้าตุ๊กตาก็พยายามส่งยิ้มให้ส้มอย่างเจียมตัว แต่เมื่อส้มมองมาที่มัน ส้มกลับมีสีหน้านิ่งเฉย!
“เปรี้ยง” เจ้าตุ๊กตาหัวจุกรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังอยู่ในใจ มันคิดว่าส้มคงไม่ชอบมันแน่ ๆ มันกังวลและอึดอัดมากจนหน้าบูดเบี้ยวเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้
ในวินาทีนั้น ส้มเพิ่งได้สติเพราะมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ส้มเพิ่งสังเกตเห็นว่าตุ๊กตาของเธอมีชีวิต และมีสีหน้าแปลก ๆ ด้วยเหตุนี้ ส้มจึงพูดกับตุ๊กตาว่า “เธอเป็นอะไรไปเหรอ ปวดห้องน้ำรึเปล่าจ๊ะ?”
ตุ๊กตาหัวจุกทั้งแปลกใจและดีใจที่ส้มพูดกับมัน มันจึงบอกกับส้มว่า “ฉันไม่ได้ปวดห้องน้ำหรอก ที่ฉันมีสีหน้าแบบที่เห็น เป็นเพราะฉันคิดว่าเธอไม่ชอบตุ๊กตาที่ไม่น่ารักอย่างฉัน จริง ๆ แล้ว ฉันก็อยากน่ารักตะมุตะมิ ครุครุคริคริ เหมือนตุ๊กตาตัวอื่น ๆ เหมือนกันนะ ”
ส้มมองเจ้าตุ๊กตาหัวจุกของเธอด้วยความเอ็นดู จากนั้น ส้มก็บอกกับเจ้าตุ๊กตาหัวจุกว่า
“ขอโทษนะที่ฉันอาจจะหน้านิ่ง ๆ เพราะฉันมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่ จริง ๆ แล้ว เธอน่ารักในแบบของเธอนะ และฉันก็ชอบเธออย่างที่เธอเป็นมากที่สุด การที่เธอไม่มีเสื้อ ทำให้ฉันมีโอกาสหาเศษวัสดุมาทำเสื้อให้เธอ การที่เธอมีผมแบบนี้ ทำให้ฉันมีโอกาสคิดทำหมวกหรือหาอะไรมาทำผมเท่ ๆ ให้เธอ การที่เธอเป็นแบบที่เธอเป็น ทำให้ฉันมีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนของเธอยังไงล่ะ”
เจ้าตุ๊กตาหัวจุกเขินจนหน้าแดงไปหมด เพราะตลอดเวลา มันไม่เคยรู้สึกว่ามันมีค่าสำหรับใครเลย แต่ในวันนี้ มันรู้สึกว่า ตัวมันมีค่าจริง ๆ เมื่อได้อยู่กับเพื่อนใหม่ที่เห็นคุณค่าของมัน
ส้มส่งยิ้มให้ตุ๊กตาหัวจุกนิดนึง จากนั้น เธอก็นำตุ๊กตามากอดไว้ด้วยความรัก
ครั้นเมื่อคุณแม่กลับมา เด็กทุกคนก็ไม่ลืมที่จะไปหอมแก้มคุณแม่ เพราะนอกจากคุณแม่จะมอบของขวัญแสนพิเศษให้กับลูก ๆ ทุกคนแล้ว คุณแม่ยังรู้ใจลูก ๆ ทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง
ในที่สุด นิทานเรื่องนี้ก็จบลง แต่เดี๋ยวก่อน ในขณะที่ลูก ๆ ทั้งสี่ในนิทานเรื่องนี้ ผลัดกันหอมแก้มคุณแม่จนคุณแม่แก้มเปียกไปหมด เด็ก ๆ ที่ฟังคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานเรื่องนี้อยู่ มีใครคิดจะจัดการหอมแก้มคนเล่านิทานบ้างไหม?
ถ้าใครจะหอม ขอฝากหอมด้วยสักสองสามฟอด จากนั้น ก็ขอให้ทุกคนเข้านอนอย่างมีความสุขนะจ๊ะ
#นิทานนำบุญ
อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลายสนุกมากเลยค่ะ😀
LikeLike
ดีใจจังเลยครับ ขอบคุณนะครับ
LikeLike
สุดยอดมากค่ะ
LikeLike
ดีใจจัง 🙂
LikeLike
สนุกมากเลย ตอนจบแฟนจหอมแก้มด้วยค่ะ
LikeLike
น่ารักจังเลยครับ
LikeLike