Posted in การสร้างบ้าน, ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิต, ไอเดียบ้านและที่อยู่อาศัย

การสร้าง “บ้าน” ที่ไม่ทำให้ “บ้า” และไม่ “บาน” : บทเรียนชีวิตจริง

แนวทางและข้อคิดสำหรับผู้ที่อยากสร้างบ้าน

การสร้างบ้านไม่ใช่แค่การสร้างที่อยู่อาศัย แต่คือการสร้าง “พื้นที่แห่งความสุข” ที่สอดคล้องกับตัวตน ความฝัน และวิถีชีวิตของเราอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับคนในวัยกลางคนหรือวัยเกษียณ ที่การตัดสินใจแต่ละครั้งต้องคิดให้รอบคอบ ตามความพร้อม ประสบการณ์ และความเข้าใจชีวิตอย่างลึกซึ้ง

ความฝันที่ซ่อนตัวอยู่นาน

หลายคนฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ผมเองก็เช่นกัน ผมฝันอยากมีบ้านมานานแล้ว แต่ด้วยความกลัวเกี่ยวกับงบสร้างบ้านที่เป็นเงินก้อนใหญ่ การไม่มีความรู้จริงด้านการออกแบบหรือก่อสร้าง และความกลัวเรื่องผิดพลาด (เช่น สร้างบ้านแล้วจะออกมาเละเทะ) ทำให้ฝันนั้นถูกเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อชีวิตเดินมาถึงวัยใกล้ห้าสิบ ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะใช้ชีวิตบั้นปลายที่ไหน? อย่างไร?” และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คิดสร้างบ้านอย่างจริงจัง

วางแผนอย่างมีเป้าหมายและใช้ผู้ช่วยที่รู้จริง

แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านการออกแบบหรือก่อสร้าง แต่การเริ่มต้นด้วยการหาที่ดินที่ถูกใจ หาข้อมูลเกี่ยวกับแบบบ้านอย่างรอบคอบ และ การเลือกสถาปนิกที่มีความสามารถ และตั้งใจฟังความต้องการของเราจริง ๆ รวมทั้งทำงานด้วยความซื่อตรง เอาใจใส่ เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้การออกแบบบ้านและสร้างบ้านเป็นไปได้ด้วยดี

สถาปนิก : คุณเสก เสกสรรค์ ยางสะวาด แห่ง Seksan Studio

การตั้งงบประมาณที่ชัดเจน และการสื่อสารความต้องการด้วยการเขียนสิ่งที่ต้องการทั้งหมด รวมถึงการส่งตัวอย่างภาพบ้านที่เราชอบให้แก่สถาปนิก จะช่วยให้สถาปนิกสามารถออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ดียิ่งขึ้น

แบบบ้านแบบแรก : สวยแต่ใหญ่เกินไป จึงขอให้สถาปนิกออกแบบใหม่
แบบบ้านแบบที่สอง : สวย แต่คำนวณแล้ว น่าจะเกินงบ จึงขอให้สถาปนิกออกแบบใหม่
แบบบ้านแบบที่สาม : ตรงใจทุกอย่าง
แบบบ้านแบบที่สาม : เล็ก ๆ ลงตัว แนวอีสานมุ้งมิ้ง

กระบวนการสร้างบ้าน: บทเรียนชีวิต

เมื่อแบบบ้านผ่านการแก้ไขปรับปรุงจนลงตัว และมีการขออนุญาตสร้างบ้านเรียบร้อย ในช่วงที่เริ่มสร้างบ้าน การสร้างบ้านอาจมีอุปสรรคบ้าง ตั้งแต่เรื่องสภาพลมฟ้าอากาศ การจัดการระบบไฟฟ้า ระบบน้ำบาดาล ไปจนถึงการควบคุมงานตกแต่งในช่วงท้าย แต่ปัญหาเหล่านั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากมีทีมงานที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะสถาปนิกและวิศวกรที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลด้วยใจ ซึ่งในการสร้างบ้านของผม ผมได้สถาปนิกและวิศวกรที่อาสาให้ความช่วยเหลือ (เพราะรักในน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันและรักในบ้านที่ออกแบบ) ทำให้ทุกปัญหาผ่านไปได้อย่างราบรื่น

บ้าน: จุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิต

บ้านหลังนี้ไม่ใช่รางวัลชีวิต แต่คือ “จุดเริ่มต้นใหม่” ที่สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจในวัยห้าสิบ เป็นพื้นที่แห่งความสงบ ความเรียบง่าย และความสุขที่แท้จริง

การมีบ้านทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่ทั้งหมดคือความเหนื่อยที่เต็มไปด้วยความหมาย

อยู่เย็นเป็นประโยชน์

แม้การปลีกวิเวกอยู่บ้านริมแม่น้ำโขง (ตรงชายแดนไทย-ลาว) จะดูเงียบ ๆ อยู่สักหน่อย แต่บ้านหลังนี้คือเพื่อนที่อบอุ่น เป็นพื้นที่ที่สามารถมองท้องฟ้าแล้วเผลอยิ้มออกมาได้ หรือบางครั้งถึงกับเผลอพูดกับตัวเองว่า “วันนี้แม่น้ำสวยจัง” ความสุขเล็ก ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่บ้านมอบให้

วางแผนเพื่ออนาคต

การตัดสินใจสร้างบ้านในวัย 50 ปี เป็นการออกแบบที่ทำให้ผมต้องคิดเผื่อในวันที่ตัวเองไม่อยู่ บ้านหลังนี้จึงออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเด็กเล็ก, ที่พักผู้สูงอายุ, สถานปฏิบัติธรรม หรือ ร้านอาหารริมแม่น้ำได้ ซึ่งทั้งหมดคือการวางแผนเพื่อให้บ้านยังคงคุณค่าแม้ในวันที่เจ้าของจากไปแล้ว

ภาพแบบรั้ว ที่คุณเสกสรรค์ออกแบบให้ในตอนแรก
ในการก่อนสร้างจริง คุณเสกสรรค์คิดและปรับแก้ให้ลงตัวในงบที่จำกัด

แนวคิดการการส่งต่อบ้านให้คนในครอบครัวโดยไม่ให้ขาย คือการรักษาความรักและความผูกพันกับสถานที่ที่มีความหมายที่สุดในชีวิต

ภาพแบบรั้วตามที่ผมขอไว้ในตอนแรก ยังคิดไม่ถึงว่า เราสามารถทำรั้วที่แปลงกายได้
รั้วเปิดได้ เพื่อเชื่อมพื้นที่สนามภายในบ้านกับพื้นที่ภายนอกบ้าน เปิดโอกาสให้ปรับบ้านเป็นโครงการแบบอื่นได้ง่าย

ข้อคิดจากประสบการณ์ครั้งนี้

  • ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ควรสร้างบ้านเร็วกว่านี้ เพื่อได้ใช้ชีวิตกับบ้านนานขึ้น
  • การจ้างสถาปนิกที่ดี และเอาใจใส่ ไม่แพงอย่างที่คิด และคุ้มค่ามาก
  • หากยังไม่มีงบสร้างบ้าน แต่มีที่ดินแล้ว ควรเริ่มจากการจ้างสถาปนิกออกแบบบ้านให้ก่อน เพราะมันจะทำให้เรามีเป้าหมายในการเก็บเงิน
  • การจ้างงานในทุก ๆ เรื่อง เช่น การทำผ้าม่าน การติดตั้งกล้องวงจรปิด ต้องมีสัญญาเสมอ และให้จ่ายเงินเป็นงวด อย่าจ่ายทั้งก้อนเด็ดขาด

สรุป

“บ้านคือพื้นที่แห่งความสุขของชีวิต” การสร้างบ้านไม่จำเป็นต้อง “บ้าและบาน” เสมอไป หากเราวางแผนดี เลือกสถาปนิกและทีมงานที่ใช่ วางแผนและทำสัญญาอย่างรัดกุม การสร้างบ้านที่ตรงใจและนำพาความเบิกบานมาให้ก็จะเป็นจริงได้

หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ใช่บทความโฆษณา แต่เพราะผมโชคดีที่ได้จ้างคุณเสกสรรค์ สถาปนิกแห่ง SEKSAN STUDIO ให้ออกแบบบ้านให้ ซึ่งตลอดระยะเวลาตั้งแต่การออกแบบบ้าน การแก้แบบ (หลายครั้ง) การสร้างบ้าน และหลังจากบ้านเสร็จจนเข้าอยู่แล้วราว 2 ปีเศษ คุณเสกสรรค์ก็ยังคงติดตามถามไถ่และแวะกลับมาช่วยซ่อมแซมจุดต่าง ๆ ให้ ตลอดการทำงาน เราไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน เมื่อมีปัญหา…คุณเสกสรรค์จะอาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้หมด งบสร้างบ้านที่เคยตั้งไว้ ถือว่าไม่บานปลาย (ช่วงที่ออกแบบบ้านกับช่วงสร้างบ้าน วัสดุก่อนสร้างมีการขึ้นราคาตามสภาพเศรษฐกิจ ทำให้งบสูงขึ้น และงบอีกส่วนที่เพิ่มเกิดจากการทำรั้ว ทำพื้นคอนกรีต ทำโรงจอดรถ ซึ่งคุณเสกสรรค์ออกแบบเพิ่มให้โดยไม่คิดค่าใช่จ่าย การที่ผมเจอสถาปนิกเก่ง ๆ และดีขนาดนี้ ถ้าไม่แนะนำ คงก็เป็นเรื่องแปลกครับ (ดูผลงานของคุณเสกสรรค์ได้ตามลิงค์ในภาพด้านล่างนี้นะครับ)

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.