สวัสดีครับ
หลายคนอาจแปลกใจ ที่เว็บไซต์นิทานนำบุญไม่มีนิทานเรื่องใหม่ ๆ หรือบทความใด ๆ เลย นับตั้งแต่กลางปี 2567 (ซึ่งก็คือประมาณ 8 เดือนมาแล้ว)
เหตุผลหลักที่ทำให้ผมไม่อัพเดทอะไร ๆ ในเว็บไซต์เลย เป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่ผมต้องขึ้นศาลในฐานะโจทก์ ฟ้องร้องจำเลยในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ คดีได้ยุติลงด้วยการไกล่เกลี่ย โดยจำเลยได้ชดเชยค่าเสียหายในอัตราที่สูงมาก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ผมจึงรับปากที่จะไม่เปิดเผยเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น
………
การฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งแรกในชีวิตของผม ทำให้ผมได้ประสบการณ์และข้อคิดมากมาย ที่อยากเตือนทุก ๆ คนว่า การใช้งานสื่อออนไลน์ต้องมีความระมัดระวังให้มาก ถ้าพลาดพลั้งละเมิดลิขสิทธิ์และถูกทักให้มาเจรจา การรีบมาเจรจาและยอมรับผิด เป็นวิธีที่จะเสียหายน้อยที่สุด เพราะหากเพิกเฉย เมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์แต่งตั้งทนาย ค่าจ้างทนายจะอยู่ที่ 4 หมื่น – 3 แสนบาท นั่นหมายความว่า ผู้ฟ้องย่อมคาดหวังที่จะฟ้องให้ได้รับค่าชดเชยมากกว่านั้น ส่วนผู้ถูกฟ้องถ้าไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องก็ต้องจ้างทนายเช่นกัน นี่ยังไม่นับค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อต้องไปขึ้นศาล และการขึ้นศาลนั้นจะต้องไปหลายนัด เรียกได้ว่า…หากผิดจริง การยอมรับผิดและรีบเจรจาก่อนจะมีการจ้างทนาย เป็นวิธีที่จะบอบช้ำน้อยที่สุด
………
กลับมาที่เว็บไซต์นิทานนำบุญ
เมื่อราว 8 ปีก่อน ตอนที่เริ่มต้นทำเว็บไซต์นิทานนำบุญ ผมต้องการเพียงแค่ให้นิทานของผมสามารถทำให้ครอบครัวทุกครอบครัว (โดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่สะดวกซื้อหนังสือนิทาน) มีนิทานที่คุณพ่อคุณแม่อ่านให้ลูกฟังก่อนนอนได้
ความตั้งใจที่ดีนี้ ทำให้มีคุณพ่อคุณแม่จำนวนมากเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ ทั้งยังมีคุณครูที่แนะนำให้เด็ก ๆ อ่านนิทานจากเว็บไซต์นี้ และมีคู่รักจำนวนมาก ที่อ่านนิทานนำบุญให้กันฟังในช่วงก่อนนอน (ขอบคุณทุก ๆ คนนะครับ)
แต่ต่อมา นิทานในเว็บไซต์ถูกนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต (หรือที่เรียกว่า การละเมิดลิขสิทธิ์) มากขึ้น ๆ จนผมเริ่มตระหนักว่า หากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ นิทานของผมจะมีปัญหาในการขายลิขสิทธิ์ ซึ่งหมายความว่า….ผมจะไม่สามารถขายลิขสิทธิ์นิทานเพื่อเลี้ยงชีพได้ เพราะมันถูกขโมยใช้และกระจายไปทั่ว
การเขียนบทความเตือนและขอร้องไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ได้ช่วยให้การละเมิดลดน้อยลง บางครั้ง ผมพบว่าผู้ละเมิดกลายเป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเสียใจมาก
ในช่วงที่ผมเป็นนักเขียนนิทานให้นิตยสาร ผมได้รับค่าเขียน 2000 บาทต่อเรื่อง (ตลอด 17 ปี) ซึ่งรายได้ถือว่าไม่มากเลย แต่ข้อดีคือ ลิขสิทธิ์นิทานเป็นของผม (นั่นหมายความว่า ผมสามารถขายลิขสิทธิ์และสร้างรายได้เพิ่มเติม เพื่อใช้ดูแลตัวเองในช่วงบั้นปลายชีวิต และสามารถส่งต่อให้ดูแลลูกหลานได้) การถูกขโมยนิทานไปใช้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับนักเขียนนิทานที่ไม่มีอาชีพอื่น นอกจากการเขียนนิทาน!
ผมจึงตั้งใจไว้ว่า เมื่อการฟ้องร้องคดีแรกสิ้นสุดลง ผมจะเตรียมการ “ขายลิขสิทธิ์นิทานนำบุญ” และ “จัดการเว็บไซต์นี้ใหม่” เพื่อตัดปัญหาที่ทำให้ผมเสียใจซ้ำ ๆ เกี่ยวกับเรื่องการถูกละเมิดลิขสิทธิ์
แนวคิดที่วางไว้คร่าว ๆ เกี่ยวกับ “การขายลิขสิทธิ์นิทาน” แบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่หนึ่ง : การแปลนิทานนำบุญเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมขายนิทานไปยังต่างประเทศ (เพราะครอบครัวพี่สาวของผม รวมถึงหลาน ๆ เป็นคนสิงคโปร์)
แนวทางที่สอง : การรวบรวมนิทานทั้งหมด เพื่อเตรียมขายแบบเหมาทุกเรื่อง ในประเทศไทย แบบให้ใช้สิทธิ์ในระยะยาว โดยให้สิทธิ์ผู้ที่ซื้อนำนิทานไปใช้ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการฟ้องร้องผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
………
ดังนั้น หลังจากนี้ไป หากมีการขายลิขสิทธิ์เกิดขึ้น ผมจำเป็นต้องนำนิทานนำบุญทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ทันที (แต่การขายลิขสิทธิ์คงไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วนัก จึงยังไม่มีอะไรที่ต้องตกใจนะครับ)
……….
ส่วนในเรื่อง “การจัดการเว็บไซต์นิทานนำบุญใหม่” เมื่อผมดูข้อมูลของเว็บไซต์แล้วพบว่า แม้จะไม่มีการโพสต์อะไรเพิ่มเติมเลยนานถึง 8 เดือน แต่ยอดวิวและยอดผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ ก็ยังคงอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับยอดเดิม คือ มียอดวิวประมาณ 13000-15000 วิวต่อวัน และมีผู้เข้าใช้งานราว 4000-5000 คนทุกวัน

การที่มีผู้ชมเข้ามาใช้งานเว็บไซต์เป็นจำนวนมากทุก ๆ วัน แสดงให้เห็นว่า เนื้อหาของเว็บไซต์นี้เป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องการ การปิดเว็บไซต์จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
ดังนั้น ผมจึงตั้งใจที่จะแต่งนิทานเรื่องใหม่ ๆ เตรียมไว้ และจะหาวิธีตัดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตั้งใจที่จะเขียนโครงการขอทุน เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ โดยให้นิทานเรื่องใหม่เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของทุน (ไม่ใช่ของผู้แต่ง) … (ผมจะลองขอทุนจากกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์นะครับ ผลงานเรื่องใหม่ ๆ จะได้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ)
อย่างไรก็ตาม หากแนวคิดนี้ไม่ได้รับการสนับสนุน ผมก็คงต้องบอกว่า ผมทำทุกอย่างเต็มที่แล้วและผมเชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่านก็คงเห็นความพยายามของผมตลอด 8 ปีที่ผ่านมานะครับ
………
ในวัยที่กำลังจะย่างเข้าสู่ปีที่ 55 ผมตั้งใจจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ ดูแลร่างกายและจิตใจให้ดี มีความสุขเล็ก ๆ ตามอัตภาพ จัดการทุกสิ่ง (โดยเฉพาะเรื่องผลงานนิทาน) ให้เรียบร้อย ทำสิ่งที่อยากทำ และไม่ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ 🙂
ขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้เกียรติติดตามนิทานนำบุญและส่งกำลังใจมาให้นะครับ
#นิทานนำบุญ
หมายเหตุ : เคสละเมิดลิขสิทธิ์หลาย ๆ เคส ที่ผมเคยทักให้มาเจรจาแต่ไม่มา และผมได้แจ้งความไปแล้ว มีอยู่ราว 8-9 เคส ในการฟ้องร้องโดยอาศัยทนาย ผมจะฟ้องไปทีละเคส เพื่อไม่ให้ตัวผมเหนื่อยเกินไป ดังนั้น ก่อนที่เรื่องจะถึงทนาย หากท่านเปลี่ยนใจอยากเจรจา แนะนำว่าให้รีบทักไปที่เพจนิทานนำบุญทันที เพราะเมื่อเริ่มจ้างทนายแล้ว แปลว่ากระบวนการได้เริ่มแล้ว ค่าเสียหายจะหนักมาก ๆ ครับ
………..


