ในโลกแห่งนิทานที่เต็มไปด้วยเจ้าชายและเจ้าหญิง เรื่องราวของ “เจ้าชายฝุ่น” โดดเด่นด้วยความแปลกใหม่และความลึกซึ้งอย่างน่าประหลาดใจ เจ้าชายองค์นี้ไม่ได้มีรูปลักษณ์สง่างามหรือพลังวิเศษใด ๆ เพราะพระองค์ตัวเล็กเท่าเม็ดฝุ่น แต่หัวใจกลับยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง
นิทานเรื่องนี้เริ่มต้นจากความท้าทายในการสร้างตัวละครที่เล็กที่สุดเท่าที่จินตนาการจะพาไปได้ และค่อย ๆ คลี่คลายเป็นเรื่องราวแห่งความรักที่บริสุทธิ์ เจ้าชายฝุ่นแอบรักเจ้าหญิงที่ไม่เคยมองเห็นพระองค์ แต่ความรักของพระองค์กลับมั่นคงและกล้าหาญจนสามารถปกป้องเจ้าหญิงจากยักษ์ร้ายได้
นี่ไม่ใช่เพียงนิทานสำหรับเด็ก แต่เป็นเรื่องราวของความรักแท้ที่ไม่ต้องการการตอบรับ เพียงแค่ได้รักและได้ดูแลก็เพียงพอแล้ว นิทานเรื่องนี้จึงเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ยังเชื่อในพลังของหัวใจ
มาอ่านนิทานเรื่อง “เจ้าชายฝุ่น” ด้วยกันนะครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายองค์หนึ่งตัวเล็กเท่าเม็ดฝุ่น!
.
แม้เจ้าชายจะตัวเล็กกระจิริดกระจิ๋วหลิวจนใคร ๆ มองแทบไม่เห็น แต่พระองค์มีตัวตนอยู่จริง และที่สำคัญ..เจ้าชายมีหัวจิตหัวใจไม่ต่างไปจากเจ้าชายองค์อื่น ๆ
วันหนึ่ง ในขณะที่เจ้าชายฝุ่นเดินทางด้วยการปลิวไปตามสายลมพัด พระองค์บังเอิญพบเจ้าหญิงองค์หนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนท่ามกลางแสงแดดอุ่นสบาย โดยมีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งลูกแมว,กระต่าย, กวางดาวและนกต่าง ๆ ห้อมล้อมอยู่รอบตัวของพระองค์
เจ้าหญิงอ่านหนังสือพร้อมกับป้อนอาหารให้สัตว์ต่าง ๆ ไปด้วย ทำให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุขมาก เจ้าชายฝุ่นเองก็มีความสุขมากเช่นกัน เพราะพระองค์เผลอหลงรักเจ้าหญิงตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็น
เมื่อความรักก่อตัวขึ้นในใจ เจ้าชายฝุ่นจึงเดินทางมาเฝ้ารอเจ้าหญิงทุกวันไม่เคยขาด ไม่ว่าแดดจะร้อน, ฝนจะตกหรืออากาศจะหนาวสักเพียงไร เจ้าชายฝุ่นก็ตั้งใจมารอเจ้าหญิงที่สวนแห่งนั้นด้วยหัวใจที่มั่นคงในความรัก
จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเจ้าชายฝุ่นมั่นใจว่าพระองค์รักเจ้าหญิงยิ่งชีวิต พระองค์จึงตัดสินใจเปิดเผยตัวและบอกความในใจให้เจ้าหญิงได้รู้
วันนั้น เจ้าหญิงเสด็จมาที่สวนเช้ากว่าปกติ แต่เจ้าชายฝุ่นมารอเจ้าหญิงอยู่ก่อนแล้ว ครั้นเมื่อเจ้าหญิงนั่งลงที่พื้นหญ้า วางตะกร้าแล้วหยิบหนังสือออกมาอ่าน เจ้าชายฝุ่นก็รีบปลิวตามลมไปหยุดยืนตรงเบื้องหน้าของเจ้าหญิง พร้อมกับเอ่ยปากสารภาพรัก
อนิจจา! เจ้าชายฝุ่นตัวเล็กมาก เล็กเสียจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น เสียงของเจ้าชายฝุ่นจึงเบาบาง…เบาจนหูของเจ้าหญิงไม่อาจรับฟังเสียงสารภาพรักนั้นได้
เจ้าชายฝุ่นพยายามตะโกนให้เสียงดังขึ้นอีก แต่มันก็ยังดังไม่พอที่หูของเจ้าหญิงจะได้ยินเสียงนั้น
เจ้าชายฝุ่นเสียใจที่ตนเองตัวเล็กเพียงฝุ่น พระองค์ไม่คู่ควรกับเจ้าหญิงเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังยืนยันที่จะรักเจ้าหญิงจากหัวใจดวงจริงแม้เจ้าหญิงจะมองไม่เห็นพระองค์เลยก็ตาม
หลายเดือนผ่านไป เจ้าชายฝุ่นยังคงแอบมาเฝ้ารอเจ้าหญิงอยู่เช่นเดิม ยิ่งนานวัน พระองค์ก็ยิ่งรักเจ้าหญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดเหตุร้ายมียักษ์ใหญ่จอมเกเรบุกมาที่วังของเจ้าหญิง ยักษ์ใหญ่ได้ข่าวว่าเจ้าหญิงเป็นคนสะสวย มันจึงอยากจับเจ้าหญิงไปสะสมไว้ในถ้ำคล้ายกับสิ่งของสวยงามต่าง ๆ ที่มันใช้กำลังแย่งชิงมาเก็บเอาไว้จากทั่วทุกมุมโลก
เช้าวันนั้น เมื่อนกน้อยทราบว่ายักษ์เกเรบุกมาถึงวังของเจ้าหญิง นกน้อยก็รีบบินมาแจ้งข่าวให้เพื่อนสัตว์ ต่าง ๆ ได้รับรู้
เมื่อทราบข่าว สัตว์ทั้งหลายรวมทั้งเจ้าชายฝุ่นซึ่งรอเจ้าหญิงอยู่ในสวนต่างก็ตกใจมาก เจ้าชายฝุ่นอยากปกป้องเจ้าหญิง พระองค์จึงตะโกนขอให้นกพาพระองค์ไปช่วยเจ้าหญิงโดยด่วน
โชคดีที่พวกสัตว์มีหูไวกว่ามนุษย์ นกน้อยจึงได้ยินเสียงของเจ้าชาย (รวมทั้งมันยังรู้ว่าเจ้าชายฝุ่นรักเจ้าหญิงมากเพียงไร) นกน้อยผงกหัวหนึ่งครั้ง จากนั้น มันก็ให้เจ้าชายขึ้นขี่หลังแล้วกระพือปีกโผบินไปยังด้านหน้าของพระราชวังทันที
เมื่อนกน้อยบินมาถึงหน้าต่างห้องนอนของเจ้าหญิง เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้ายักษ์กำลังยื่นมือเพื่อจับตัวของเจ้าหญิงอยู่พอดี นกน้อยไม่รู้ว่าเจ้าชายฝุ่นจะหยุดยั้งยักษ์ได้สำเร็จหรือไม่ เจ้าชายเองก็ไม่รู้ว่าพระองค์จะจัดการกับเจ้ายักษ์ได้อย่างไร แต่สิ่งเดียวที่พระองค์รู้ก็คือพระองค์จะต้องปกป้องเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักให้จงได้
เจ้าชายฝุ่นครุ่นคิดอยู่เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งแล้วตัดสินใจต่อสู้กับยักษ์เกเรในแบบฝุ่น ๆ นั่นคือการปล่อยตัวให้ลอยตามลมขึ้นไปในอากาศ จนร่างที่เล็กกระจิ๋วหลิวปลิวเข้าใกล้กับหน้าของยักษ์ เมื่อได้จังหวะ เจ้าชายฝุ่นก็กระโดดไปเกาะที่ขอบตาของยักษ์ แล้วปีนเข้าไปในลูกตาของยักษ์เหมือนฝุ่นที่ปลิวเข้าตาของผู้คนทั้งหลาย
ในตอนแรก เจ้ายักษ์ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อเจ้าชายวิ่งชนดวงตาของยักษ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานนัก ตาของเจ้ายักษ์ก็เริ่มระคายเคือง ครั้นเมื่อเจ้ายักษ์ใช้มือขยี้ตา เจ้าชายฝุ่นก็พยายามหลบหลีกไม่ให้ถูกมือของยักษ์บี้จนแบนแต๊ดแต๋ พอยักษ์ถอนมือออก เจ้าชายก็จะวิ่งชนดวงตาของเจ้ายักษ์อีก ในที่สุด ยักษ์เกเรก็แสบตาถึงขั้นน้ำตาไหลพราก แถมดวงตายังแดงแจ๊ดแจ๋ เจ้ายักษ์เห็นท่าไม่ดี เพราะมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาที่เป็นอวัยวะสำคัญของมัน มันจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะจับตัวเจ้าหญิง แล้วรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อหาทางเยียวยาดวงตาให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
เมื่อยักษ์เปลี่ยนใจไม่จับตัวเจ้าหญิง เจ้าชายฝุ่นจึงกระโจนออกมาจากตาของยักษ์แล้วล่องลอยตามสายลมลงมายืนที่หน้าต่างห้องนอนของเจ้าหญิงด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
ทุกคนรวมทั้งเจ้าหญิงต่างแปลกใจที่เห็นยักษ์เกเรถอยร่นไปโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าหญิงมองยักษ์ที่เดินห่างออกไปอย่างโล่งอก ส่วนเจ้าชายฝุ่นที่ยืนอยู่ตรงขอบหน้าต่างก็เงยหน้ามองเจ้าหญิงพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วตะโกนด้วยความดีใจว่า “ถึงเธอจะมองไม่เห็นฉันและไม่ได้ยินเสียงฉัน…แต่ฉันมีอยู่จริง เหมือนความรักของฉัน แม้เธอจะมองไม่เห็น แต่มันมีอยู่จริง ๆ”
เจ้าชายฝุ่นรู้ดีว่าเจ้าหญิงคงไม่มีทางได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของพระองค์ แต่พระองค์ก็ยินดีที่ได้แอบรักและคอยปกป้องเจ้าหญิงอยู่เช่นนี้
เจ้าหญิงยิ้มน้อย ๆ อย่างเอียงอาย สักพักแก้มของพระองค์ก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีชมพูเข้มขึ้น ๆ เพราะเมื่อสักครู่…หัวใจของเจ้าหญิงเพิ่งได้ยินเสียงของใครบางคนสารภาพรัก!
ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :
- ความรักที่แท้จริง คือความปรารถนาดีที่มีให้ ไม่ใช่การได้รับความรักกลับคืน
- แม้ตัวจะเล็ก แต่หัวใจทำให้เราสามารถทำเรื่องยิ่งใหญ่ได้
- การปกป้องคนที่เรารักไม่ต้องการพลังวิเศษ แค่ต้องการความกล้าหาญและสติปัญญา
#นิทานนำบุญ
…………………………………………………
