Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

สวนสัตว์แสนรัก

นิทานเรื่อง สวนสัตว์แสนรัก

ผมชื่อ‘ปุกปุย’   ผมเป็นหมีขาวตัวเล็ก ๆ ที่แสนน่ารัก  บ้านของผมเป็นสวนสัตว์ซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น  ผมรักบ้านของผมมาก  มันเป็นบ้านที่น่าอยู่มากกว่าสวนสัตว์แห่งใดในโลก 

วันหนึ่ง  มีสวนสัตว์ขนาดใหญ่มาเปิดใกล้ ๆ กับเมืองที่ผมอยู่  มันเป็นสวนสัตว์ทันสมัยและมีสัตว์หายากมากมายเต็มไปหมด   ผมไม่ชอบสวนสัตว์แห่งนั้นเลย   เพราะมันทำให้ผู้คนพากันไปดูสัตว์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่นั่น จนแทบไม่มีใครอยากมาเที่ยวที่บ้านของผมอีก

คุณปู่ผู้ดูแลสวนสัตว์ถึงกับต้องปวดหัว  เพราะถ้าทุกคนไปเที่ยวที่ใหม่กันหมด  สวน-สัตว์เล็ก ๆ อย่างบ้านของผมก็คงจะอยู่ต่อไปไม่ได้ 

ผมไม่อยากสูญเสียบ้านของผมไปเลย  ดังนั้น  ผมจึงคิดว่าผมควรจะทำอะไรสักอย่าง

หลายคืนต่อมา  ผมชวนเพื่อน ๆ ให้มาประชุมกันที่ลานกว้างกลางสวนสัตว์   เมื่อผมเล่าสถานการณ์และแผนของผมให้ทุกคนได้รู้  เพื่อนของผมต่างก็ยินดีที่จะร่วมมือกันปกป้องสวนสัตว์ของพวกเราอย่างสุดความสามารถ

วันรุ่งขึ้น  เมื่อมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าสวนสัตว์  เจ้านกแก้วแสนรู้ก็รีบทำตามแผนโดยมันบินไปทักทายและอาสาว่าจะพาคู่รักคู่นั้นเดินเที่ยวในสวนสัตว์แสนสวย

ทันทีที่แขกทั้งสองก้าวผ่านประตูสวนสัตว์เข้ามา  ครอบครัวนกยูงผู้สง่างามก็ตั้งแถวรำแพนหางเพื่อต้อนรับแขกทั้งคู่  หนุ่มสาวต่างตื่นเต้นต่อสิ่งที่ได้เห็น  แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนเดียวที่พวกเราเตรียมการเอาไว้ 

เมื่อคู่รักหนุ่มสาวเดินตามนกแก้วเข้ามาเรื่อย ๆ   พวกเขาก็ได้พบกับการแสดงสุดพิเศษที่ผมกับเพื่อน ๆ ตั้งใจมอบให้ 

ลุงสิงโต อาเสือดาวกับเหล่าเสือใจดีทั้งหลายทำทีเป็นวาดลวดลายต่อสู้กันจนคนดูหัวใจ เต้นระทึก  ฝ่ายลิงจ๋อเองก็ไม่ยอมแพ้  ทุกตัวทุกพันธุ์พร้อมใจกันปีนป่าย จนกลายเป็นกายกรรมต่อตัวที่สูงเสียดฟ้า ทำให้คนดูทั้งตื่นเต้นและหวาดเสียว  ส่วนเจ้าตัวตุ่นก็แกล้งผลุบ ๆ โผล่ ๆ ขึ้นมาจ๊ะเอ๋กับผู้ชมตามจุดต่าง ๆ ซึ่งทำให้บรรยากาศของสวนสัตว์ดูน่ารักไปอีกแบบ   สำหรับตัวผมนั้น  ผมได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างมากจากคุณกิ้งก่าคามีเลี่ยน เพราะคุณกิ้งก่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนสีแปลงโฉม  ผมจึงขอร้องให้คุณกิ้งก่าช่วยแปลงโฉมหมีขาวอย่างผมให้กลายเป็นหมีสีขาวดำดูน่ารัก เพื่อแสดงท่าตลก ๆ เลียนแบบเจ้าหมีแพนด้าที่ทุก ๆ คนชื่นชอบ

หนุ่มสาวทั้งสองต่างมีความสุขที่ได้มาเยี่ยมชมบ้านของผมกับเพื่อน ๆ  และก่อนที่ทั้งคู่จะจากไป  พวกเราก็พร้อมใจกันส่งเสียงประสานเป็นเพลงอำลา ซึ่งทำให้คู่รักทั้งสองประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากวันนั้น  สิ่งที่พวกเราทำก็ได้รับการเล่าขานต่อไปแบบปากต่อปาก จนผู้คนเริ่มหันมาสนใจบ้านของพวกเรากันอีกครั้ง

          “สวนสัตว์เล็ก ๆ ที่ดูธรรมดาแต่ไม่เหมือนใคร”

          “สวนสัตว์แห่งความประทับใจที่ทุกคนไม่ควรพลาด”

          “สวนสัตว์ที่พวกสัตว์เต็มใจต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ผู้คนพูดถึงบ้านของผมและสิ่งที่พวกเราทำกันไปต่าง ๆ นานา คุณปู่ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นฝูงชนมายืนต่อแถวเพื่อเข้าชมสวนสัตว์กันอย่างไม่ขาดสาย 

ในที่สุด การร่วมแรงร่วมใจกันก็ทำให้ผมกับเพื่อน ๆ ปกป้องสวนสัตว์เล็ก ๆ ที่พวกเรารักได้เป็นผลสำเร็จ  ผมมีความสุขมากที่จะได้อยู่ในบ้านเล็ก ๆ ของผมแบบนี้ต่อไปอีกนานเท่านาน  และแล้ว…เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างมีความสุข

#นิทานนำบุญ

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เด็กน้อยกับฝูงนกกระจอก

นิทานเรื่อง เด็กน้อยกับฝูงนกกระจอก

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งเป็นคนที่มีฐานะยากจน, เรียนหนังสือไม่เก่ง, เล่นกีฬาไม่ดี แถมยังไม่มีความสามารถใด ๆ โดดเด่นเลยสักอย่าง เพื่อน ๆ จึงมักมองเขาอย่างดูถูกดูแคลน ทั้งยังเรียกเขาว่า ‘ไอ้กระจอก’ อีกด้วย

คำว่า ‘ไอ้กระจอก’ เป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลย เด็กน้อยรู้ดีว่าเขาห้ามปากคนอื่นให้หยุดพูดไม่ได้ แต่เขาห้ามใจตัวเองให้หยุดคิดเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นได้ เด็กน้อยจึงวางเฉย แล้วปลีกตัวไปนั่งดูนกกระจอกซึ่งเป็นนกที่เขาชอบมากที่สุดที่ลานกว้างหลังโรงเรียน พร้อมกับนำข้าวไปโปรยให้นกกิน

ยิ่งนานวัน เด็กน้อยก็ยิ่งผูกพันกับนกกระจอกมากขึ้นเรื่อย ๆ  ส่วนนกกระจอกก็รู้สึกสนิทใจเสมือนเด็กน้อยเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกมัน  ทุกครั้งที่เด็กน้อยแวะไปหา พวกมันจึงมีความสุขมาก

วันหนึ่ง เด็กน้อยนึกสนุกอยากลองวาดรูปนกกระจอกทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีฝีมือในการวาดรูปเลยแม้สักนิด  เมื่อนกกระจอกเห็นเด็กน้อยนำกระดาษและสีชนิดต่าง ๆ มาลองวาดรูปของพวกมัน นกกระจอกจึงพยายามยืนนิ่ง ๆ เพื่อให้เด็กน้อยวาดรูปได้ง่ายที่สุด แต่ถึงกระนั้น ภาพที่เด็กน้อยวาดออกมาก็เป็นภาพที่ดูกระจอกเสียเหลือเกิน

ในห้องเรียน เมื่อเด็กคนอื่น ๆ เห็นรูปที่เด็กน้อยวาด พวกเขาก็พากันหัวเราะเยาะและดูแคลนว่าเด็กน้อยมีฝีมือกระจอกสมชื่อ

แม้จะโดนเพื่อน ๆ ดูถูก แต่เด็กน้อยก็ไม่ใส่ใจ เขาพยายามวาดรูปนกกระจอกต่อไปทุกวัน จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี เขาก็มีรูปนกกระจอกที่วาดเอาไว้มากถึง 1000 รูป 

รูปนกกระจอกรูปแรก ๆ ที่เด็กน้อยวาดอาจดูไม่เหมือนนกกระจอกสักเท่าไร แต่ยิ่งวาดไป ๆ รูปนกกระจอกที่เขาวาดก็ดูสวยขึ้น ๆ จนนกกระจอกทั้งหลายยังแอบหลงใหล

อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ที่ชอบดูถูกก็ยังคงหาเรื่องเด็กน้อยได้อีก โดยเด็กเหล่านั้นมักจะนินทาว่า “ไอ้กระจอกก็วาดได้แต่รูปนกกระจอกนั่นแหละ วาดอย่างอื่นก็ไม่เป็น เรียนอะไรก็ไม่เก่ง แถมบ้านยังยากจนด้วย ทำได้แค่นี้ไม่มีวันก้าวหน้าได้หรอก”

เมื่อเด็กน้อยได้ฟังคำพูดของเพื่อนเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย  แต่เขาห้ามใจของตัวเองไม่ให้ทุกข์ร้อนกับคำพูดเหล่านั้นได้ เด็กน้อยจึงปล่อยให้คำพูดว่าร้ายลอยเข้าหูซ้ายแล้วผ่านออกไปทางหูขวา จากนั้น เขาก็ตั้งใจวาดรูปนกกระจอกอย่างมีความสุขต่อไป

ในขณะที่เด็กน้อยทำใจปล่อยวางจากคำพูดของเพื่อน ๆ ได้แล้ว แต่พวกนกกระจอกกลับคิดว่า การวาดรูปนกกระจอกได้งดงามขนาดนี้ (แม้จะวาดได้เพียงอย่างเดียว) ก็มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตได้ นกกระจอกจึงปรึกษาหารือกัน แล้วตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

วันต่อมา ในขณะที่เด็กน้อยกำลังวาดรูปนกกระจอกตัวหนึ่งอยู่ นกกระจอกตัวอื่น ๆ ก็พากันทำตามแผนด้วยการคาบภาพวาดของเด็กน้อยตัวละ 1 ภาพ แล้วบินไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง

เมื่อผู้คนเห็นนกกระจอกนับพันตัวบินเข้ามาเกาะตามที่ต่าง ๆ  ผู้คนก็พากันแปลกใจ  ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นรูปที่นกกระจอกคาบมาด้วย ชาวเมืองรวมทั้งสื่อมวลชนก็รู้สึกทึ่งในความงดงามของภาพเหล่านั้น

เมื่อนกกระจอกเห็นว่ามีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกนกจึงส่งสัญญาณให้กัน แล้วบินเรียงแถวกลับไปยังลานกว้างหลังโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบ 

เมื่อผู้คนเห็นฝูงนกบินกันเป็นทิวแถว ทุกคนจึงพากันเดินตามฝูงนกด้วยความสงสัยใคร่รู้ และเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในโรงเรียน  ทุกคนก็ได้เห็นว่าภาพนกกระจอกที่งดงามทั้งหลายเกิดขึ้นจากฝีมือของเด็กน้อยที่กำลังวาดภาพนกกระจอกอย่างมีความสุขอยู่นั่นเอง

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้น  นักข่าวจึงรีบขอทำข่าวของเด็กน้อยนักวาดภาพนกกระจอกเพื่อนำไปออกอากาศ, ชาวเมืองที่ชื่นชอบภาพวาดของเด็กน้อยต่างก็แย่งกันขอซื้อภาพเอากลับไปเป็นที่ระลึก, ส่วนผู้คนที่ได้ชมข่าวและเห็นภาพนกกระจอกที่สวยงามราวกับมีชีวิตต่างก็ติดต่อขอให้เด็กน้อยวาดภาพนกกระจอกให้เป็นจำนวนนับพัน ๆ คน

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน  เด็กน้อยก็ขายภาพวาดของเขาได้จนหมดเกลี้ยง แถมเขายังต้องวาดภาพนกกระจอกส่งให้คนที่สั่งซื้ออีกนับพัน ๆ ภาพ (ซึ่งคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะวาดได้ครบ) แผนการของนกกระจอกทำให้เด็กน้อยมีรายได้จากการขายภาพมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทำให้คนที่เคยดูถูกดูแคลนเขาถึงกับพูดไม่ออก

เด็กน้อยนำเงินที่ได้มอบให้คุณพ่อคุณแม่  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็นำเงินไปใช้จ่ายและเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของลูกสุดที่รัก  นอกจากนี้ เด็กน้อยยังขอเงินส่วนหนึ่งไปทำสิ่งสำคัญ นั่นคือการนำเงินมาปรับปรุงลานกว้างหลังโรงเรียนให้เป็นลานเพลินใจของนกกระจอกทั้งหลายที่เป็นเพื่อนของเขา

นกกระจอกมีความสุขมากที่เห็นเด็กน้อยผู้ถนัดวาดรูปนกกระจอกเพียงอย่างเดียวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ส่วนเด็กน้อยก็มีความสุขที่เขาได้วาดรูปนกกระจอกและมีโอกาสทำสิ่งดี ๆ ให้แก่นกกระจอกเพื่อนของเขาบ้าง

#นิทานนำบุญ