Posted in ประสบการณ์ชีวิต, สาระน่ารู้

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

ในช่วงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) มีอายุราว 43 ปี (ปัจจุบัน อายุ 51 ปี) เป็นช่วงที่ผมได้พบกับความทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ซ้อนทุกข์ซ้อนทุกข์ ที่ถาโถมมาแบบชุดใหญ่ มันเป็นช่วงเวลาที่หนักมาก (ตอนนั้น ผมยังเขียนนิทานให้นิตยสารขวัญเรือนอยู่) ซึ่งความทุกข์ที่พบ ทำให้ผมต้องหาที่พึ่ง

ในช่วงเวลานั้น ผมบังเอิญเลือกที่พึ่งเป็นการร่วมปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เอนก เตชะวโร ซึ่งท่านได้แนะนำการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ให้ผมได้รู้จัก

หลังจากนั้น ความทุกข์และความเมตตาของพระอาจารย์เอนก ก็นำพาผมให้ไปเจริญสติต่อที่วัดโมกขวนาราม จังหวัดขอนแก่น บางครั้ง ผมไปอยู่ที่วัด 3วันบ้าง 7 วันบ้าง 9 วันบ้าง (ลำบากมาก) พอกลับมาที่บ้าน ก็ไปเจริญสติหรือฟังธรรมตามสถานปฏิบัติธรรมอีกหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน ส่วนในปีต่อ ๆ มา ก็เคยเจริญสติแบบจริงจังที่บ้านทุกเช้าราวตี 4 ถึง 6 โมงเช้าทุกวัน

ในช่วงที่เริ่มเจริญสติใหม่ ๆ ผมในฐานะนักแต่งนิทาน ได้แต่งนิทานซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวออกมาเรื่องหนึ่งชื่อว่า “วันเบิกบาน” นิทานเรื่องนี้ เป็นการแต่งนิทานโดยที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวมากนัก เนื้อหาที่แทรกอยู่ในนิทานจึงอาจยังไม่คมคายเท่าที่ควร ต่อมา เมื่อผมได้ฝึกเจริญสติอย่างต่อเนื่องจนเริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างมากขึ้น ผมได้แต่งนิทานในหมวด “นิทานธรรมะก่อนนอน” ออกมาอีกหลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องมีข้อคิดสำคัญเกี่ยวกับการเจริญสติซ่อนอยู่ (นิทานเรื่อง เจ้าหญิงนักเลี้ยงแมว)

เนื่องในวันที่ 13 กันยายน ของทุกปี เป็นวันที่ศิษย์ของหลวงพ่อเทียนตั้งใจจัดงานรำลึกถึงท่าน แม้ผมจะไม่ทันได้พบหลวงพ่อเทียน แต่การได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เอนก เตชะวโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเทียน ก็ทำให้ผมอยากถือโอกาสนี้ ในการนำคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งผมได้เห็นจากแผ่นไวนิลซึ่งอยู่ที่วัดโมกขวนารามในช่วงที่ผมไปเจริญสติ และจากหนังสือชื่อ “คำสอนหลวงพ่อเทียน” มาจัดทำเป็นสื่อธรรมให้ท่านที่สนใจได้อ่าน เพื่อแสดงกตัญญุตาต่อหลวงพ่อเทียน มา ณ โอกาสนี้

ผมหวังว่า สื่อธรรมที่จัดทำขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และเนื่องจากข้อความที่ปรากฏให้อ่าน เป็นภาษาธรรมซึ่งบุคคลทั่วไปกับผู้ที่เจริญสติถึงจุดหนึ่งแล้ว จะเข้าใจความหมายแตกต่างกัน (การอ่านเพื่อตีความความหมายสู้การเจริญสติไม่ได้ เพราะเมื่อเจริญสติจนถึงจุดหนึ่งแล้ว จะเข้าใจความหมายต่าง ๆ เหล่านี้ได้เองจากความเข้าใจจริง ๆ ไม่ใช่การพยายามทำความเข้าใจ) ดังนั้น หากเป็นไปได้ ผมขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจลองหาโอกาสเจริญสติแบบเคลื่อนไหว (หรือแบบอื่น ๆ ) โดยมีพระอาจารย์ให้คำชี้แนะ จักเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอย่างคาดไม่ถึงครับ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.