นิทานเรื่อง “ก้าวก้าวก้าว” เป็นนิทานแนว “การเดินทางผจญภัย” ที่เล่าถึงการออกเดินทางของเด็กชายตัวน้อยผู้มีหัวใจกล้าหาญ เพื่อไปตามหาสิ่งสำคัญบางอย่างมาช่วยเหลือคนที่เขารักที่สุดในชีวิต นิทานแนวนี้มักมีโครงเรื่องคล้ายกัน คือการฝ่าฟันอุปสรรค บุกตะลุยผ่านด่านต่าง ๆ จนสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ แต่ “ก้าวก้าวก้าว” เป็นนิทานที่ต่างออกไป… ต่างอย่างไรนั้น คงต้องลองอ่านดู
นิทานเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อลงในนิตยสาร “ขวัญเรือน” ฉบับที่ 999 ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) จึงตั้งใจใช้เลข 999 เป็นโจทย์ในการคิดนิทาน จนสุดท้ายมาลงตัวที่คำว่า “ก้าวก้าวก้าว” ซึ่งมีเสียงคล้ายกับ “เก้าเก้าเก้า” (999)
จุดหนึ่งที่อยากชวนให้ผู้อ่านสังเกต คือ “เทคนิคการคลี่คลายเรื่องในช่วงท้าย ๆ ของนิทาน” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์บางอย่างของนิทานนำบุญที่ต่างจากนิทานแนวเดียวกันของที่อื่น หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการอ่านนิทานเรื่อง “ก้าวก้าวก้าว” นะครับ
มาอ่านนิทานเรื่อง “ก้าวก้าวก้าว” กันเถอะ
“มรรค” เป็นเด็กผู้ชายตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ที่เขารัก
วันหนึ่ง ในช่วงที่คุณพ่อต้องเข้าไปทำงานในเมืองติดต่อกันนานหลายเดือน คุณแม่ของมรรคเกิดล้มป่วย ซึ่งสิ่งที่จะใช้ปรุงยารักษาคุณแม่ได้มีเพียง “ผลไม้ดวงดาว” เท่านั้น
ผลไม้ดวงดาวเป็นผลไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าลึก ต้องเดินขึ้นภูเขา, เผชิญหน้ากับสัตว์ป่า และอาจต้องพบกับภูตผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องผลไม้ดวงดาวไม่ให้ผู้คนแอบมาเก็บเอาไปขาย
มรรคอยากให้คุณแม่หายป่วย เขาจึงรวบรวมความกล้า แล้วตัดสินใจเดินทางเข้าป่าโดยบอกกับตัวเองว่า “ถึงจะลำบากแค่ไหน ยังไงก็ต้องก้าว…ก้าว…ก้าว”
เมื่อมรรคเริ่มเดินทางเข้าป่าไปได้ไม่นาน หนทางในป่าก็ค่อย ๆ ลาดชันขึ้น ๆ ยิ่งนานเด็กน้อยก็ยิ่งอ่อนล้า แต่เมื่อมรรคคิดถึงแม่ เขาจึงกัดฟันสู้แล้วบอกกับตัวเองว่า “ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ยังไงก็ต้องก้าว…ก้าว….ก้าว”
มรรคเดินทางขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ จนเข้าเขตป่าที่ทั้งมืดและวังเวง มรรคกลัวสัตว์ร้ายและภูตผีปิศาจ แต่เมื่อมรรคคิดถึงแม่ เขาจึงกัดฟันสู้แล้วบอกกับตัวเองว่า “ถึงจะกลัวแค่ไหน ยังไงก็ต้องก้าว…ก้าว….ก้าว”
มรรคก้าวต่อไปเรื่อย ๆ จนมองเห็นต้นไม้ใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นต้นของผลไม้ดวงดาว เด็กน้อยรีบมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ต้นนั้น แต่แล้วเขากลับพบว่าเส้นทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยไม้หนามที่ขึ้นกั้นขวางทำให้เขาเดินทางต่อไปไม่ได้
โชคดีที่มรรคเห็นถ้ำเล็ก ๆ ถ้ำหนึ่ง แม้ถ้ำจะดูลึกลับน่ากลัว แต่มรรคเชื่อว่ามันน่าจะมีทางทะลุไปยังต้นไม้ดวงดาวได้ เขาจึงเดินตรงไปที่ถ้ำแล้วบอกตัวเองว่า “ถึงจะเสี่ยงแค่ไหน ยังไงก็ต้องก้าว…ก้าว….ก้าว”
หลังจากที่มรรคเดินเข้าไปในถ้ำได้สักพัก เขาก็พบประตูหินและภูตผู้พิทักษ์ยืนขวางทางไม่ให้เขาไปต่อ มรรครีบทำความเคารพภูตผู้พิทักษ์แล้วเล่าให้ภูตฟังว่า เขาตั้งใจมาเก็บผลไม้ดวงดาวไปรักษาแม่
ภูตผู้พิทักษ์ฟังคำของมรรคก็เห็นใจ เพราะการที่เด็กสักคนจะดั้นด้นเข้าป่าและขึ้นมายังภูเขาที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจะมอบผลไม้ดวงดาวให้เด็กน้อยในทันทีก็คงไม่เหมาะ ภูตผู้พิทักษ์จึงให้มรรคเลือกเลข 3 ตัวเพื่อไขรหัสที่ประตูหิน ถ้ามรรคเลือกตัวเลขได้ถูกต้อง ประตูก็จะเปิดออก และเขาก็จะมีโอกาสเก็บผลไม้ดวงดาวได้ตามที่ปรารถนา แต่ถ้ามรรคเลือกเลขผิด เขาจะต้องออกจากถ้ำแล้วกลับบ้านในทันที
มรรคขอบคุณภูตผู้พิทักษ์ แล้วเริ่มคิดถึงตัวเลข 3 ตัวที่น่าจะเป็นไปได้ เขาใช้ความคิดอยู่นาน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากเดาตัวเลขใด ๆ ออกมาเลย
โอกาสที่มีเพียงครั้งเดียว ถ้าเดาถูก คุณแม่ก็น่าจะหายป่วย แต่ถ้าเดาผิด เขาก็คงช่วยคุณแม่ให้หายป่วยไม่ได้ มรรคคิดกลับไปกลับมาจนเริ่มท้อ แต่เมื่อมรรคคิดถึงแม่ เขาจึงกัดฟันสู้ แล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ถึงโอกาสจะน้อยแค่ไหน ยังไงก็ต้องก้าว…ก้าว….ก้าว”
ทันใดนั้นเอง ประตูหินก็เปิดออกทั้ง ๆ ที่มรรคยังไม่ได้เลือกตัวเลขใด ๆ เลย!
มรรคงงจนพูดอะไรไม่ถูก ส่วนภูตผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นผู้ดูแลการเปิดปิดประตูหินก็ส่งยิ้มให้มรรคพลางกล่าวแสดงความยินดีว่า “ดีใจด้วยนะ เก้าเก้าเก้าคือรหัสในการเปิดประตูบานนี้ เจ้าจงไปเก็บผลไม้ดวงดาวแล้วนำไปรักษาแม่เถิด”
ภูตผู้พิทักษ์รีบดันหลังให้มรรคเดินผ่านประตูไปยังต้นไม้ แล้วให้เวลาเด็กน้อยเก็บผลไม้ดวงดาวอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้น ภูตผู้พิทักษ์ก็เสกให้มรรคเดินทางข้ามมิติมาปรากฏตัวที่ชายป่าโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับทางเก่าอีก
มรรคไม่รู้เลยว่าภูตผู้พิทักษ์ฟังคำว่า “ก้าวก้าวก้าว” ที่เขาพูดออกมาแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเลข “เก้าเก้าเก้า” หรือภูตผู้พิทักษ์จงใจฟังผิดเพื่อหาทางช่วยเขาให้ได้ผลไม้ดวงดาวมารักษาคุณแม่
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มรรคก็รู้สึกขอบคุณภูตผู้พิทักษ์และดีใจที่เขาเก็บผลไม้ดวงดาวมาได้สมดังที่ตั้งใจเอาไว้ หลังจากนั้น มรรคก็รีบนำผลไม้ดวงดาวมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยการ “ก้าว…ก้าว…ก้าว”
#นิทานนำบุญ



