นักเล่านิทาน คือคนที่ทำหน้าที่เล่าเรื่องราวให้ผู้ฟังได้เพลิดเพลิน ได้ข้อคิด และได้แรงบันดาลใจ นิทานไม่ใช่แค่เรื่องสนุกสำหรับเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสอนคุณค่าในชีวิต ถ่ายทอดประสบการณ์ และสร้างความอบอุ่นในครอบครัว
ในอดีต นักเล่านิทานถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เพราะพวกเขาเป็นผู้เชื่อมโยงเรื่องราวกับผู้คน ไม่ว่าจะในราชสำนักหรือในหมู่บ้าน ทุกครั้งที่มีการเล่านิทาน ผู้ฟังจะได้ทั้งความสุขและความรู้ไปพร้อมกัน ทำให้นักเล่านิทานเป็นเหมือนผู้สืบทอดภูมิปัญญาและวัฒนธรรม
นิทานเรื่อง “นักเล่านิทานมือใหม่” จึงเป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเล่าเรื่อง และการเรียนรู้ของคนที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางนี้ เรื่องราวจะพาผู้อ่านไปสัมผัสบรรยากาศแห่งจินตนาการ ความอบอุ่น และข้อคิดที่มีคุณค่า ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่รักการฟังนิทาน
มาอ่านนิทานเรื่อง “นักเล่านิทานมือใหม่” ด้วยกันนะครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนักเล่านิทานมือใหม่คนหนึ่งเป็นคนขี้หลงขี้ลืมมาก พ่อของเขาเป็นนักเล่านิทานในราชสำนักผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อพ่อของเขาเฒ่าชะแรแก่ชรา เขาจึงต้องทำหน้าที่เล่านิทานแทนพ่อ
วันแรกของการทำงาน ชายหนุ่มต้องแต่งนิทานเรื่องใหม่ไปเล่าให้เจ้าชายและเจ้าหญิงองค์น้อยฟัง ชายหนุ่มพยายามคิดนิทานเรื่องใหม่อย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็คิดไม่ออก เมื่อพ่อของเขาเห็นลูกชายกลุ้มใจ พ่อจึงแนะนำว่า “ถ้าลูกคิดนิทานไม่ออกจริง ๆ ลองนอนพักสักหน่อย บางทีตอนที่หลับ ลูกอาจฝันถึงเรื่องสนุก ๆ ที่เอามาแต่งเป็นนิทานเรื่องใหม่ก็ได้นะ”
ชายหนุ่มเชื่อฟังคำแนะนำของพ่อ เขาจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากนั้น เขาก็ฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ชายหนุ่มฝันถึงการผจญภัยของเจ้าชายกับเจ้าหญิง, เรื่องของมังกรบินที่ต่อสู้กับมังกรน้ำ, เรื่องยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก, เรื่องแมวนั่งตากลมกับหมูนั่งตากลม ฯลฯ เขาค่อย ๆ รวบรวมความคิดจนมั่นใจว่าเขาสามารถนำเรื่องที่ฝันมาแต่งเป็นนิทานได้แน่ ๆ
ครั้นเมื่อชายหนุ่มตื่นนอน แทนที่เขาจะรีบจดบันทึกความฝัน เขากลับลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความดีใจ, แปรงฟันด้วยความดีใจ, อาบน้ำด้วยความดีใจ, ร้องเพลงด้วยความดีใจ จนเวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน นิทานที่เขาแต่งจากความฝันก็ค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ชายหนุ่มลืมเรื่องที่เขาฝันไปจนหมด เขาโมโหตัวเองที่ลืมว่าตนเองเป็นคนขี้ลืม เขาโกรธตัวเองที่ไม่รีบจดสิ่งที่คิดเอาไว้ทันทีที่คิดได้
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังโทษตัวเองว่าโง่เขลาเบาปัญญาอยู่นั้น พ่อของเขาที่นั่งมองอยู่ห่าง ๆ ก็เดินมาให้สติ นักเล่านิทานผู้เป็นพ่อบอกกับลูกชายว่า “ถ้าลูกนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนเตือนใจ พร้อมกับแต่งนิทานเล่าถึงความพลาดพลั้งครั้งนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ทุก ๆ คนได้ข้อคิด บางทีลูกอาจได้นิทานเรื่องใหม่ไปเล่าให้เจ้าหญิงและเจ้าชายฟังก็ได้นะ”
ชายหนุ่มฟังคำของบิดาก็เห็นทางสว่าง เขาขอบคุณพ่อแล้วรีบลงมือเขียนนิทานเล่าเรื่องของนักเล่านิทานขี้ลืมที่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อฝันถึงเรื่องราวที่จะนำมาแต่งเป็นนิทาน
ในฝันชายหนุ่มพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งการผจญภัยของเจ้าชายกับเจ้าหญิง, มังกรบินสู้กับมังกรน้ำ, ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก, แมวนั่งตากลมกับหมูนั่งตากลม ฯลฯ จนเขาคิดนิทานสนุก ๆ ได้หลายเรื่อง ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมา ชายผู้นั้นกลับชะล่าใจไม่รีบจดบันทึก ท้ายที่สุดเขาก็ลืมเรื่องราวทั้งหลายไปจนหมด
เมื่อชายหนุ่มเล่านิทานให้เจ้าชาย, เจ้าหญิง, พระราชาและพระราชินีฟังจนจบ ทุกพระองค์ต่างก็ชอบนิทานที่เขาเล่า เจ้าชายกับเจ้าหญิงบอกว่านิทานสนุกดี ส่วนพระราชากับพระราชินีก็ชอบที่นิทานให้ข้อคิด
นับจากวันนั้น นักเล่านิทานหนุ่มก็แก้ปัญหาความขี้ลืมของเขาด้วยการจดทุกสิ่งทุกอย่างลงในสมุดบันทึกทันทีที่เขาคิดได้
หลายปีผ่านไป ชายหนุ่มแต่งนิทานเรื่องใหม่ ๆ ออกมาอีกมากมาย และเขาก็กลายเป็นนักเล่านิทานในตำนานที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่แพ้พ่อของเขาเลย
#นิทานนำบุญ

