Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เจ้าชายหนึ่งร้อยองค์

นิทานเรื่อง เจ้าชายหนึ่งร้อยองค์

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีพระราชาองค์หนึ่งทรงเป็นพระราชาที่แข็งแรง ชาญฉลาด แถมยังมีจิตใจดีงามอย่างยากที่จะหาใครเทียบได้ 

          ครั้นเมื่อพระราชาทรงชราภาพ  พระองค์ซึ่งไม่มีทายาทจึงคิดแผนการคัดเลือกพระราชาองค์ใหม่เพื่อให้มาดูแลประชาชนสืบต่อจากพระองค์ 

          พระราชาทรงใคร่ครวญหาวิธีอยู่หลายวัน  ในที่สุด พระองค์ก็ตัดสินใจสั่งให้ทหารไปเชิญเจ้าชายหนึ่งร้อยองค์จากดินแดนต่าง ๆ ให้มาร่วมแข่งขันชิงตำแหน่งพระราชาในอนาคต 

          เมื่อวันแข่งขันมาถึง  เจ้าชายจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาช่วงชิงตำแหน่งอันทรงเกียรติกันอย่างเนืองแน่น  เจ้าชายบางองค์มีรูปร่างกำยำล่ำสันสมดั่งเชื้อสายชาตินักรบ  เจ้าชายบางองค์ดูสุขุมลุ่มลึกคล้ายกับนักปราชญ์ผู้รอบรู้  เจ้าชายบางองค์มีทีท่าสง่างามสมกับที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีเยี่ยม  เจ้าชายทั้งหนึ่งร้อยองค์ต่างมีคุณลักษณะที่โดดเด่นด้วยกันทั้งนั้น  ยกเว้นก็แต่เจ้าชายคัลก้าแห่งอาณาจักรกลางป่า ซึ่งนอกจากท่าทางและการแต่งกายของพระองค์ที่ดูเถื่อน ๆ แล้ว  พระองค์ยังเป็นเจ้าชายอายุน้อยที่สุดซึ่งเพิ่งผ่านวัยเด็กมาได้ไม่นานนัก

          ในการแข่งขันรอบแรก  พระราชาทรงตั้งใจที่จะทดสอบพละกำลังและความอดทนของเจ้าชายทั้งหลาย  ด้วยเหตุนี้เอง  พระองค์จึงกำหนดให้เจ้าชายทุกองค์ทำการขนก้อนหินขนาด ใหญ่จำนวนหนึ่งร้อยก้อนจากภูเขา แล้วนำมากองรอบกำแพงเมืองให้เสร็จเรียบร้อยก่อนรุ่งสาง

          เจ้าชายที่มีรูปร่างกำยำล่ำสันสามารถแบกก้อนหินมากองจนครบตามกำหนดได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง  ส่วนเจ้าชายที่ดูสุขมคล้ายนักปราชญ์และเจ้าชายที่มีท่าทางสง่างามนั้น  เกือบทั้งหมดถอดใจและยอมแพ้ไปเพราะไม่ชินกับการใช้แรงกายทำงานต่าง ๆ   ฝ่ายเจ้าชายคัลก้าที่ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าใครเพื่อน แต่พระองค์กลับสู้ไม่ถอย  พระองค์ค่อย ๆ ขนก้อนหินทีละก้อน ๆ  จนกระทั่งสามารถนำหินมากองได้ครบถ้วนก่อนหมดเวลาพอดี

          เมื่อการทดสอบพละกำลังและความอดทนผ่านไป  พระราชาซึ่งต้องการให้ประชาชนได้พระราชาองค์ใหม่ที่ชาญฉลาด จึงทดสอบสติปัญญาของเจ้าชายที่เหลืออยู่ด้วยการสั่งให้เจ้าชายเหล่านั้นไปเสาะหาต้นไม้ที่ออกผลเป็นน้ำนมมาถวาย!  

          เจ้าชายที่มีสติปัญญาดีเหลือผ่านเข้ารอบมาไม่มากนัก  ส่วนเจ้าชายที่ถนัดแต่การใช้กำลังก็ได้แต่ลองเดาสุ่ม โดยเก็บต้นไม้ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับสัตว์ให้นม เช่น ต้นหน้าวัวหรือต้นนมแมว แล้วนำมาถวายให้พระราชาเผื่อว่าจะตรงกับคำตอบ

          ฝ่ายเจ้าชายคัลก้าซึ่งรู้จักพืชและสัตว์ในป่าเป็นอย่างดีนั้น  พระองค์ค่อย ๆ ใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วน  ซึ่งเมื่อคิดได้แล้ว  พระองค์จึงตรงรี่เข้าไปในป่า แล้วทำการเก็บต้นถั่วเหลืองมาให้พระราชา เพราะถั่วเหลืองสามารถนำมาใช้ทำเป็นน้ำนมได้ 

          หลังจากการทดสอบทั้งสองครั้ง พระราชาก็ได้เจ้าชายที่ทั้งแข็งแรงและชาญฉลาดผ่านเข้ารอบมารวมห้าองค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าชายคัลก้านั่นเอง

          ในการแข่งขันครั้งสุดท้าย…พระราชาทรงสั่งให้เจ้าชายที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมดใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนออกทำการล่าสัตว์ ซึ่งหากใครสามารถล่าสัตว์ได้มากที่สุด พระองค์ก็จะมอบตำแหน่ง พระราชาองค์ใหม่ให้ทันที

          เมื่อเจ้าชายทั้งสี่องค์ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ฟังถ้อยคำของพระราชา  เจ้าชายทั้งสี่ก็สั่งให้ทหารคนสนิทจัดอาวุธและม้าคู่ใจเพื่อเตรียมเข้าป่าล่าสัตว์อย่างไม่รอช้า 

          แต่ในขณะเดียวกัน  เจ้าชายคัลก้ากลับทำในสิ่งที่ทุก ๆ คนไม่คาดคิด  พระองค์ทรงคุกเข่าลงต่อหน้าพระราชาผู้ชราภาพ  จากนั้น  พระองค์ก็ขอร้องให้พระราชาเปลี่ยนกติกาการแข่งขันเสียใหม่  เพราะพระองค์เห็นว่าการฆ่าสัตว์เพื่อใช้วัดว่าใครควรจะได้เป็นพระราชา…เป็นสิ่งที่โหดร้ายไร้เหตุผล

          พระราชาทรงยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฟังคำขอร้องของเจ้าชายคัลก้า   จริง ๆ แล้ว…ภารกิจสุดท้ายที่พระองค์กำหนดขึ้นเป็นแผนการที่พระองค์วางไว้เพื่อใช้เฟ้นหาเจ้าชายที่นอกจากจะแข็งแรงและชาญฉลาดแล้ว ยังจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีงามอีกด้วย

          เมื่อเจ้าชายอีกสี่องค์เตรียมตัวที่จะออกไปล่าสัตว์  นั่นก็หมายความว่าเจ้าชายเหล่านั้นคิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองโดยไม่สนใจชีวิตของผู้อื่น

          และแล้ว…พระราชาผู้ชราภาพก็ทรงค้นพบเจ้าชายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเป็นผู้ดูแลประชาชนที่พระองค์รัก   

          ในที่สุด…เจ้าชายคัลก้าก็ได้รับมอบตำแหน่งให้เป็นพระราชาองค์ใหม่ของอาณาจักรแห่งนั้น

#นิทานนำบุญ

…………………

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

วิชาสำคัญ

นิทานก่อนนอนเรื่อง “วิชาสำคัญ” เป็นนิทานที่มีข้อคิดดี ๆ ซึ่งผมในฐานะผู้แต่ง เชื่อว่าวิชาสำคัญในเรื่องเป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับทุก ๆ คน นิทานก่อนนอนเรื่อง “วิชาสำคัญ” เป็นนิทานที่มีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน ระหว่างที่อ่าน ผู้แต่งอยากให้เด็กๆ เดาไปด้วยว่า วิชาสำคัญในเรื่องน่าจะเป็นวิชาอะไร สุดท้ายนี้ ขอให้มีความสุบกับนิทานก่อนนอนเรื่องนี้นะครับ

นิทานเรื่อง วิชาสำคัญ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่งทรงเป็นพระราชาที่เก่งกล้าเด็ดขาด แถมเฉลียวฉลาดและเป็นที่รักของไพร่ฟ้าประชาชน

อยู่มาวันหนึ่ง  พระราชาทรงอยากเตรียมพระโอรสให้พร้อมสำหรับการเป็นพระราชาในอนาคต พระองค์จึงประกาศรับสมัครครูมาสอนวิชาสำคัญในการเป็นพระราชาให้แก่เจ้าชายองค์น้อย

ครูคนแรกเสนอว่า วิชาสำคัญสำหรับการเป็นพระราชาคือวิชาการต่อสู้  เพราะเมื่อโตขึ้น เจ้าชายจะได้พร้อมสู้รบกับข้าศึกที่มารุกราน

ครูคนที่ 2 เสนอว่า วิชาที่สำคัญมากกว่าวิชาการต่อสู้ คือวิชาเวทมนตร์ เพราะความเชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์จะทำให้เจ้าชายจัดการกับข้าศึกได้โดยไม่ต้องเหนื่อย

ครูคนที่ 3เสนอว่า วิชาที่สำคัญกว่าวิชาเวทมนตร์ คือวิชาภาษานานาชาติ เพราะการที่เจ้าชายเชี่ยวชาญเรื่องภาษา จะทำให้เจ้าชายเจรจาหาพวกมาช่วยสู้รบได้ หรือเจรจาเพื่อขอสงบศึกก็ได้  นอกจากนี้  การพูดได้หลายภาษายังใช้เจรจาค้าขาย ซึ่งจะทำให้ประชาชนร่ำรวยกันโดยถ้วนหน้า 

เมื่อครูคนแรกได้ฟังครูคนที่ 2 และครูคนที่ 3 โอ้อวดว่าวิชาเวทมนตร์กับวิชาภาษาเป็นวิชาที่สำคัญกว่าวิชาการต่อสู้  ครูคนแรกจึงโมโหถึงขั้นหยิบอาวุธเตรียมตัวจะเข้าจัดการกับคุณครูทั้งสอง

เมื่อครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์เห็นท่าไม่ดี  เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับเตรียมร่ายคาถาเพื่อจัดการกับคู่ต่อสู้ 

เมื่อครูคนที่ 3 เห็นครูอีกสองคนทำท่าจะปะทะกัน เขาก็ตกใจลนลานจนร้องเสียงหลง  จากนั้น ก็เป็นลมล้มพับไปโดยไม่ได้เอ่ยปากเจรจาเลยแม้แต่คำเดียว

ทันทีที่พระราชาเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นต่อหน้า  พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นยืนพร้อมกับตวาดทุกคนให้หยุด  เสียงของพระราชาเด็ดขาดจนครูทั้งสองถึงกับเข่าทรุด  ครั้นเมื่อเหตุการณ์สงบลง  พระราชาก็ทรงรู้ในทันทีว่า  วิชาที่ครูทั้งสามคนพากันโอ้อวด ไม่ใช่วิชาสำคัญสำหรับพระราชาเลยสักนิด

ในขณะนั้นเอง  พระราชินีผู้ฝักใฝ่ในทางธรรมทรงเอื้อมมือมาแตะมือของพระราชาเบา ๆ จากนั้น  พระราชินีก็บอกกับพระราชาว่า “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะว่า วิชาสำคัญสำหรับพระราชาที่ควรสอนให้ลูกของเรารู้เป็นลำดับแรกคือวิชาอะไร” 

พระราชาทรงแปลกใจต่อคำพูดของพระราชินี แต่พระองค์ก็เชื่อมั่นและรอฟังคำเฉลยจากพระราชินีด้วยใจจดจ่อ  เมื่อพระราชินีเห็นว่าพระราชากำลังรอฟังคำตอบอยู่  พระองค์จึงพูดต่อไปว่า “วิชาที่สำคัญที่สุดสำหรับพระราชาก็คือวิชาที่สอนให้มีสติ  เพราะเมื่อมีสติก็จะรู้ตัวว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ  คนเรานั้น…แม้จะมีความรู้มากมาย แต่หากไม่มีสติ ก็อาจนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิดได้นะเพคะ”

พระราชาทรงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากพระราชินีผู้เป็นที่รัก  และภาพเหตุการณ์ของเหล่าครูผู้เก่งกาจแต่ขาดสติจนถึงขั้นจะต่อยตีกันก็ยิ่งทำให้พระราชาเชื่อว่า วิชาที่สอนให้มีสติเป็นวิชาสำคัญที่ต้องสอนให้เจ้าชายเป็นลำดับแรก แต่เนื่องจากในอาณาจักรไม่มีใครเชี่ยวชาญเรื่องการเจริญสติมากไปกว่าพระราชินีเลย  ด้วยเหตุนี้  พระราชาจึงขอพระราชินีทรงเป็นครูคนแรกของลูก

แน่นอนว่าพระราชินีไม่ปฏิเสธ  แต่พระองค์มีข้อแม้เพียง 1 ข้อ นั่นคือพระราชาต้องร่วมเรียนวิชาสำคัญนี้ด้วย  พระราชาทรงยิ้มอีกครั้งพร้อมกับตอบตกลงด้วยความเต็มใจยิ่ง  ส่วนเจ้าชายองค์น้อยก็ปรบมือเสียงดังด้วยความดีใจ  เพราะการได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่คือช่วงเวลาที่วิเศษสุดที่เด็กทุกคนปรารถนา 

#นิทานนำบุญ

……………….