Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

ยอดมนุษย์ตัวน้อย

นิทานก่อนนอนเรื่อง “ยอดมนุษย์ตัวน้อย” เป็นนิทานแปลกๆ ทั้งในส่วนของตัวละครที่เป็นยอดมนุษย์และพลังพิเศษที่ไม่ค่อยน่าภูมิใจสักเท่าไร แต่เมื่ออ่านไปจนจบ นิทานเรื่องนี้คงสร้างรอยยิ้มและให้ข้อคิดบางอย่างแก่คุณผู้อ่านได้พอสมควร หวังว่านิทานตลกๆก่อนนอนเรื่องนี้จะถูกใจใครหลาย ๆ คนนะครับ

นิทานเรื่อง ยอดมนุษย์ตัวน้อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นเด็กที่มีพลังพิเศษคล้าย ๆ กับเหล่ายอดมนุษย์ทั้งหลาย  แต่เด็กคนนี้กลับไม่ภูมิใจในพลังพิเศษที่เขามีอยู่เลย  เพราะพลังพิเศษของเขานั้น ไม่ใช่พลังในการเหาะเหินเดินอากาศ, ไม่ใช่พละกำลังที่ล้นเหลือเกินมนุษย์, ไม่ใช่อำนาจในการปล่อยแสงต่อสู้กับเหล่าร้าย, ไม่ใช่ความสามารถในการล่องหนหายตัว  แต่พลังที่เด็กน้อยมีอยู่กลับเป็นพลังในการ ”ผายลม” ที่เขาสามารถปรับความรุนแรงและกลิ่นได้ตามใจปรารถนา  เด็กน้อยคิดว่าการมีพลังพิเศษเช่นนี้…สู้ไม่มีเสียยังดีกว่า  เด็กน้อยจึงไม่เคยเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ใครรู้และเก็บเรื่องพลังพิเศษที่เขามีอยู่เอาไว้โดยไม่เห็นคุณค่าของมันเลยแม้สักนิด

อยู่มาวันหนึ่ง  ในขณะที่เด็กน้อยนั่งรถโรงเรียนไปทัศนศึกษาต่างจังหวัดร่วมกับเพื่อน ๆ   ระหว่างทางซึ่งเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา  คุณลุงคนขับรถที่ขับรถมาไกลแสนไกลก็ค่อย ๆ ง่วงและเผลอหลับเป็นระยะ ๆ   ทุกครั้งที่คุณลุงหลับ  รถก็จะส่ายและเกือบพลาดตกเหวครั้งแล้วครั้งเล่า  คุณครูพยายามบอกให้คุณลุงจอดรถลงไปพัก  แต่คุณลุงคนขับกลับดื้อดึงและยืนยันว่ายังขับไหว เด็กน้อยเห็นว่าหากปล่อยให้คุณลุงขับรถต่อไปเช่นนี้คงไม่ดีแน่  เขาจึงตัดสินใจทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน  นั่นคือการใช้พลังพิเศษผายลมออกมาอย่างแผ่วเบา แต่บังคับกลิ่นให้เหม็นราวกับกลิ่นตดของช้างร้อยเชือกมารวมกัน

ทันทีที่คุณลุงคนขับได้กลิ่นตดมหาภัย  คุณลุงที่ง่วงเหงาหาวนอนก็รีบจอดรถแล้ววิ่งลงจากรถเพื่อหนีกลิ่นตดซึ่งเหม็นอย่างสุดทานทน  เด็กนักเรียน, คุณครู รวมทั้งยอดมนุษย์ตัวน้อยที่แอบใช้พลังเป็นครั้งแรกจึงพากันวิ่งลงรถตามไปด้วย  ท้ายที่สุด  คุณลุงคนขับก็ได้ยืดเส้นยืดสายจนหายง่วง  และเมื่อกลิ่นจางลง  ทุกคนก็กลับขึ้นรถแล้วออกเดินทางกันต่อ

หลังจากวันนั้น เด็กน้อยผู้มีพลังพิเศษก็เริ่มรู้สึกว่า พลังพิเศษของเขาเป็นพลังที่มีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน  แต่ถึงอย่างไร  มันก็เป็นพลังที่น่าอายมากกว่าน่าภูมิใจ…ดังเช่นพลังของยอดมนุษย์คนอื่น ๆ 

ในเวลาต่อมา  เด็กน้อยบังเอิญโชคร้ายเข้าไปฝากเงินในธนาคารแล้วมีโจรอ้วนผอมบุกเข้าปล้นธนาคารพอดิบพอดี  โจรทั้งสองคนใช้ปืนขู่เอาเงินจากเจ้าหน้าที่อย่างอุกอาจ  ส่วนประชาชนก็ได้แต่หมอบอยู่ที่พื้นเพราะกลัวจะโดนลูกหลง เด็กน้อยเห็นท่าไม่ดี เขาจึงตัดสินใจผายลมออกมา อย่างแผ่วเบา  แต่บังคับกลิ่นให้แรงกว่าคราวก่อนอีกร้อยเท่า  ทำให้โจรอ้วนผอมและผู้คนทั้งหมดสลบเหมือด ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึง ตำรวจก็สามารถจับโจรได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ครั้นเมื่อเด็กน้อยใช้พลังช่วยผู้คนได้สำเร็จ เขาก็เริ่มได้ข้อคิดว่า ถึงพลังพิเศษของเขาจะดูแปลก ๆ อยู่สักหน่อย  แต่ถ้าเขานำมันมาใช้อย่างเหมาะสม  มันก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้คนทั้งหลายได้ไม่แพ้พลังพิเศษของยอดมนุษย์คนอื่น ๆ   เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว  ยอดมนุษย์ตัวน้อยจึงตัดสินใจหาทางใช้พลังของเขาให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ

ยอดมนุษย์ตัวน้อยใช้ประโยชน์จากพลังพิเศษโดยแอบไปดูการซ้อมรบของกองทัพ แล้วผายลมเสียงดัง “ปั้ง ๆ ตู้ม ๆ “ ผสมโรงให้เสียงปืนและเสียงระเบิดดังกว่าปกติ เพื่อขู่ไม่ให้ประเทศข้างเคียงกล้าเข้ามาบุกรุก 

นอกจากนี้  เมื่อมีการชุมนุมประท้วงกันที่ไหน ยอดมนุษย์ตัวน้อยก็จะแฝงตัวไปร่วมการชุมนุมด้วย โดยเขาจะรอให้ผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก แล้วแอบผายลมแบบเหม็นสุดขีดจนผู้คนทั้งหลายต้องสลายการชุมนุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

เหนือสิ่งอื่นใด  ยอดมนุษย์ตัวน้อยยังฉลาดพอที่จะใช้ความสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของบ้านเมือง โดยการแอบดำน้ำเพื่อผายลมปุ๋งใหญ่หลาย ๆ ปุ๋ง  จนเกิดฟองอากาศผุดขึ้นมาที่ผิวน้ำเป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่ามีสัตว์โบราณอาศัยอยู่ใต้น้ำ  นักข่าวและนักท่องเที่ยวจึงแห่กันมารอดูสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งทำให้ชาวเมืองขายอาหาร, เครื่องดื่มและของที่ระลึกได้เป็นจำนวนมาก

ในที่สุด เด็กผู้ชายที่มีพลังพิเศษคนนี้ก็หาโอกาสใช้พลังให้เกิดประโยชน์ได้สำเร็จ  เด็กน้อยภูมิใจในตัวเองมาก เพราะถึงแม้ว่าพลังพิเศษของเขาจะแปลกกว่าใคร ๆ  แต่เมื่อเขารู้จักนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พลังของเขาจึงมีค่าและมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังของยอดมนุษย์คนใด ๆ ในโลก 

#นิทานนำบุญ

………………….

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

พ่อหนุ่มรุงรัง

นิทานที่เกี่ยวกับผม (hair) ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เคยแต่งเอาไว้มีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือนิทานก่อนนอนที่มีชื่อเรื่องว่า “ช่างตัดผมผู้มีพรสวรรค์” ส่วนนิทานอีกเรื่องก็คือนิทานความรักก่อนนอนเรื่องนี้ ที่มีชื่อเรื่องว่า “พ่อหนุ่มรุงรัง” เด็ก ๆ บางคนอาจรู้สึกว่านิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่มีลักษณะเป็นนิทานตลก ๆ ก่อนนอนมากกว่านิทานความรัก ซึ่งไม่ว่าเด็ก ๆ จะจัดนิทานเรื่องนี้ไว้ในหมวดไหน ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ

นิทานก่อนนอนเรื่อง พ่อหนุ่มรุงรัง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในอาณาจักรของพระราชาโป๊งเหน่งซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงหรูหรามากมาย  มีชายหนุ่มท่าทางมอมแมมคนหนึ่งเดินทางเข้ามาในตัวเมืองพร้อมกับผมเผ้าที่ยาวรุงรังเหมือนไม่ได้ตัดมาเป็นเวลานาน ชายหนุ่มดูรีบร้อนจนผิดปกติ  เขาเหลียวซ้ายแลขวา  แล้วเดินเข้าไปในร้านตัดผมชายที่ดูดีที่สุดในย่านนั้น

เมื่อชายหนุ่มเข้าไปในร้านตัดผมสุดหรู เจ้าของร้านซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มแต่งตัวปอน ๆ แถมยังมีผมเผ้ารุงรังไม่เหมาะกับร้านของเขา จึงแกล้งทำทีเป็นไม่สบายถึงขนาดตัดผมให้ชายหนุ่มไม่ไหว ชายหนุ่มจึงจำใจต้องออกมาจากร้านทั้งที่ยังไม่ได้ตัดผม

ครั้นเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านเสริมสวยอีกร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ  เจ้าของร้านเสริมสวยก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก เธออ้างว่าที่ร้านไม่รับตัดผมให้ผู้ชาย  จากนั้น เธอก็ไล่ให้เขาไปตัดผมที่ร้านอื่น

ชายหนุ่มพยายามหาร้านตัดผมอยู่นานสองนาน  แต่ไม่ว่าเขาจะเดินเข้าไปขอตัดผมที่ร้านไหน เจ้าของร้านเหล่านั้นก็ไม่ยอมตัดผมให้เขาเลย  ชายหนุ่มผิดหวังมากที่ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่เนื่องจากเขาจำเป็นต้องตัดผมจริง ๆ  เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านตัดขนสุนัข  เพื่อขอให้ช่างช่วยตัดผมให้

อนิจจา! เมื่อช่างตัดขนสุนัขเห็นผู้ชายเนื้อตัวมอมแมมแถมยังมีผมเผ้ารุงรังเดินเข้ามาในร้าน  ช่างตัดขนสุนัขก็ไม่ยอมตัดผมให้เขาอีก ชายหนุ่มจึงได้แต่เดินคอตกออกมาจากร้านตัดขนสุนัขอย่างไร้ซึ่งความหวัง

ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มเดินเข้าออกร้านตัดผมต่าง ๆ รวมทั้งร้านตัดขนสุนัข  มีหญิงสาวเจ้าของร้านดอกไม้เล็ก ๆ คนหนึ่งสังเกตเห็นเขามาตั้งแต่ต้น  หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าช่างในร้านต่าง ๆ คงรังเกียจและไม่ยอมตัดผมให้ชายหนุ่มผู้น่าสงสาร เพราะเห็นเขามอมแมมและซอมซ่อ  ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงเดินออกจากร้านไปหาชายหนุ่ม แล้วเชิญให้เขาเข้ามาในร้านดอกไม้ของเธอ โดยเธออาสาที่จะตัดผมให้เขา     

จริง ๆ แล้วหญิงสาวเคยตัดแต่งกิ่งไม้ใบไม้มาบ้าง แต่เธอยังไม่เคยตัดผมให้ใครมาก่อน เมื่อชายหนุ่มยอมนั่งให้เธอตัดผมแต่โดยดี  เธอจึงตั้งใจตัดผมให้เขาอย่างประณีตที่สุด

เวลาในการตัดผมผ่านไปอย่างช้า ๆ  กลิ่นหอมของดอกไม้ในร้านและความละมุนละไมที่หญิงสาวบรรจงตัดผมให้ชายหนุ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นและเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงความฝัน 

ฝ่ายหญิงสาวเองนั้น เมื่อเธอตัดผมของชายหนุ่มออกทีละน้อย  เธอก็เริ่มเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในความรุงรังของเส้นผม  และเมื่อเธอตัดผมให้เขาจนเสร็จ  เธอก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและไม่กล้าสบตากับเขาอีก

อาการของชายหนุ่มและหญิงสาวเป็นอาการของคนที่เริ่มมีความรัก  ในตอนแรก ทั้งสองคนยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองนัก ชายหนุ่มได้แต่ขอบคุณและรีบออกไปหาเสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปทำธุระสำคัญที่เขาได้นัดหมายเอาไว้   ส่วนหญิงสาวก็ได้แต่เหม่อลอยและคอยเตือนตัวเองให้มีสติ อย่ามัวคิดถึงแต่ชายหนุ่มที่เพิ่งได้พบหน้า

ครั้นเมื่อถึงเวลาเย็น…ก่อนที่หญิงสาวจะปิดร้าน  หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะชายหนุ่มได้กลับมาที่ร้านของเธออีกครั้ง โดยคราวนี้เขาแต่งตัวอย่างสง่างาม แถมยังแบกถุงสมบัติติดตัวมาด้วย

เมื่อชายหนุ่มอยู่กับหญิงสาวสองต่อสอง  ชายหนุ่มก็เล่าให้หญิงสาวฟังว่า จริง ๆ แล้วตัวเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เพิ่งค้นพบสูตรยาปลูกผมซึ่งทำให้ผมยาวขึ้นได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว (ชายหนุ่มทดลองใช้ยากับตัวเองจนผมยาวรุงรังอย่างที่ทุก ๆ คนเห็น) และเนื่องจากเขามีนัดนำยาไปถวายให้พระราชาโป๊งเหน่งผู้อยากได้ยาปลูกผมมาก  เขาจึงต้องรีบหาที่ตัดผมให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเข้าเฝ้า    

ชายหนุ่มขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยตัดผมให้เขาหลังจากที่ใครต่อใครพากันรังเกียจและปฏิเสธ  ชายหนุ่มกล่าวว่าหญิงสาวมีส่วนทำให้เขาไปเข้าเฝ้าพระราชาได้ทันเวลาและได้เงินทองมากมายจากพระองค์เป็นรางวัล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอยากมอบแหวนเพชรให้แก่หญิงสาวเป็นการตอบแทน และอยากขอแต่งงานกับสุภาพสตรีที่มีจิตใจดีงามอย่างเธอด้วย

หญิงสาวตกใจมากที่จู่ ๆ ชายหนุ่มซึ่งเพิ่งพบกันได้เพียงวันเดียวมาขอแต่งงานกับเธอ  แม้หญิงสาวจะชอบชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย  แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมตอบรับ โดยเธอขอคบหาดูใจกับชายหนุ่มไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงจะให้คำตอบในภายหลัง

ชายหนุ่มเข้าใจหญิงสาวเป็นอย่างดี  เขาชื่นชมที่หญิงสาวมีความรักนวลสงวนตัวและรอบคอบไม่ผลีผลาม  นับจากวันนั้น ชายหนุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุที่ทั้งหล่อและร่ำรวยก็พิสูจน์ให้หญิงสาวรู้ว่าเขารักหญิงสาวอย่างแท้จริง

สามปีต่อมา  หญิงสาวจึงตอบตกลงแต่งงานกับชายหนุ่ม แล้วทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข…โดยมีผู้คนที่ชอบดูถูกดูแคลนผู้อื่นเฝ้ามองความรักของคนทั้งสองด้วยความอิจฉา

#นิทานนำบุญ

……………………….

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานตลก ๆ ก่อนนอน : ฮุฮุฮุฮู

“ฮุฮุฮุฮู” เป็นนิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่องแรก ๆ ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่ง จริง ๆ แล้วต้องขอสารภาพว่า การแต่งนิทานตลกเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผม เพราะเรื่องที่ทำให้คนหนึ่งขำ อาจไม่ใช่เรื่องชวนขำสำหรับคนอื่น ๆ ดังนั้น การแต่งนิทานเรื่องนี้จึงเป็นการเดาใจเด็ก ๆ ว่าเรื่องแบบไหนที่จะทำให้เด็ก ๆ ยิ้มได้ ซึ่งหลังจากแต่งนิทานเรื่องนี้แล้ว และได้ทดลองเล่าให้เด็ก ๆ ฟังในหลาย ๆ โอกาส ผมก็พบว่า นิทานเรื่อง “ฮุฮุฮุฮู” เป็นนิทานที่สร้างความสุขให้เด็ก ๆ ได้มาก ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่อ ก็ลองอ่านนิทานเรื่องนี้ร่วมกับลูก ๆ นะครับ

นิทานเรื่อง ฮุฮุฮุฮู

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีชื่อว่า”หมู่บ้านรักสงบ” ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่รักสงบ ไม่ชอบมีเรื่องมีราวกับใคร ๆ  ดังนั้น ทุกๆ คนในหมู่บ้าน จึงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเสมอมา

จนกระทั่งวันหนึ่ง คนในหมู่บ้านรักสงบ ได้รับจดหมายขู่จากโจรสองคน ซึ่งเที่ยวปล้นหมู่บ้านต่างๆ มาจนทั่ว  โจรทั้งสองคนขู่ว่า พวกเขาจะเข้ามาปล้นหมู่บ้านในคืนวันนี้ และหากใครขัดขืน อาจถูกทำให้ล้มทั้งยืนโดยไม่รู้ตัว  เมื่อชาวบ้านทราบดังนั้นแล้ว  ทุกๆ คนจึง เกิดอาการตื่นตระหนก และรีบเข้าไปหลบอยู่แต่ในบ้าน โดยไม่มีใครกล้าออกมานอกบ้านเลยแม้แต่คนเดียว

ร้อนถึงบรรดาหมาๆ ที่ต้องจัดการประชุมขึ้นมาโดยด่วน เพื่อที่จะหาวิธีปกป้องเจ้านายที่พวกมันรัก  หมาตัวหนึ่งซึ่งฉลาดที่สุด เสนอความคิดขึ้นมาว่า วิธีที่จะจัดการกับพวกโจร โดยไม่ให้มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อ ก็คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการสร้างข่าวลือ เพื่อให้พวกโจรกลัวจนไม่กล้าเข้ามายังหมู่บ้าน  เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว พวกหมาจึงพากันไป แอบซุ่มอยู่ตามใต้ถุนบ้านของชาวเมือง แล้วแกล้งพูดเลียนเสียงคนว่า “รู้มั้ย เวลาหมาร้องว่า ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่าผีมานะ  ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา” 

เมื่อชาวบ้านที่อยู่ในบ้านได้ยินได้ฟัง ต่างก็พากันแปลกใจ แล้วพูดต่อๆ กันไปว่า “อะไรนะ ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมาเหรอ  ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมาเหรอ” 

ข่าวลือเรื่อง ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา ค่อยๆ แพร่สะพัดออกไป จากบ้านไปยังท้องทุ่ง  จากท้องทุ่งเข้าสู่ป่า และจากป่าเข้าไปถึงรังโจร 

เมื่อพวกโจรได้ฟัง พวกโจรก็ร้องขึ้นมาพร้อมๆ กันว่า “อะไรนะ ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมาเหรอ  ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมาเหรอ”  พวกโจรรู้สึกกลัวมากและไม่อยากได้ยินเสียงร้องที่ว่านี้เลย

และแล้วเมื่อถึงตอนกลางคืน พวกโจรก็พากันมายังทางเข้าหมู่บ้านตามที่พวกเขาวางแผนกันเอาไว้  คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด บรรยากาศเงียบสงัดจนดูวังเวง  พวกโจรค่อยๆ ย่องเข้ามาในหมู่บ้าน โดยไม่รู้เลยว่า เหล่าบรรดาหมาๆ กำลังดักรอพวกเขาอยู่ เมื่อหมาเห็นโจร พวกหมาจึงพร้อมใจกันส่งเสียงร้องว่า “ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา”  เมื่อพวกโจรได้ยินก็ตกใจ แล้วจึงอุทานขึ้นมาพร้อมๆ กันว่า “ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมาเหรอ  ฮุ ฮุ ฮุ ฮู เราเผ่นดีกว่า”  ว่าแล้วพวกโจรวิ่งแน่บออกจากหมู่บ้านไปทันที

คืนต่อมา พวกโจรก็พากันกลับมายังทางเข้าหมู่บ้านอีกครั้ง  คราวนี้ พวกโจรตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม แต่จนแล้วจนรอด เมื่อพวกหมาพร้อมใจกันส่งเสียงร้องว่า “ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา”  พวกโจรก็ได้แต่ตกใจ แล้วก็วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต

หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก พวกโจรมาที่ทางเข้าหมู่บ้านทุกๆ คืน แต่ก็ต้องตกใจและวิ่งหนีกลับบ้านไปทุกๆ ครั้ง  พวกโจรคิดว่าพวกเขาคงไม่เหมาะที่จะเป็นโจรอีกแล้ว  ในที่สุด โจรทั้งสองคนก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดี

เมื่อคนในหมู่บ้านรักสงบ เห็นว่าโจรไม่มาปล้นพวกเขาสักที คนในหมู่บ้านจึงเริ่มสบายใจและกลับมาดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุขกันอีกครั้ง  ส่วนบรรดาๆ หมาๆ ก็ได้แต่ภูมิใจ ที่พวกมันได้ปกป้องเจ้านายที่พวกมันรัก และทำให้พวกโจรกลับตัวเป็นคนดีได้สำเร็จ

และแล้วนิทานเรื่องนี้ก็จบลงอย่างมีความสุข แต่ข่าวลือเรื่อง ฮุ ฮุ ฮุ ฮู แปลว่า ผีมา ก็ยังคงแพร่สะพัด และสืบเนื่องต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยแทบจะไม่มีใครรู้เลยว่า  นั่นคืออุบายของหมาที่มีไว้เพื่อใช้หลอกโจร

#นิทานนำบุญ

Posted in ครอบครัว, ความรัก, นิทาน, เด็ก

นิทานแอบรัก : เจ้าหญิงขี้อายกับเจ้าชายหูเพี้ยน

ในบรรดานิทานก่อนนอนเรื่องต่าง ๆ  นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงขี้อายกับเจ้าชายหูเพี้ยน” จัดได้ว่าเป็นนิทานตลกๆก่อนนอนที่ผู้เขียนชอบมาก  เพราะนอกจากนิทานเรื่องนี้จะเป็นนิทานความรักที่ดูกุ๊กกิ๊กแล้ว   พระเอกของเรื่องที่มีปัญหาในการฟัง และนางเอกที่มีนิสัยขี้อายแบบสุด ๆ ก็เป็นตัวละครในนิทานคู่รักที่เหมาะเจาะลงตัวสำหรับการผูกเรื่องให้เป็นนิทานรักตลก ๆ ที่น่าจะสร้างความสนุกสนานให้กับคนฟังได้ไม่ยาก  แถมตัวละครเสริมอย่างไก่ แมว และ อีกา ที่มีบทบาทในการคลี่คลายเรื่องราว ทำให้ “นิทานแอบรัก” เรื่องนี้ จบลงอย่างมีความสุข (ในแบบที่ทุกคนคงจดจำไปอีกนาน)

Continue reading “นิทานแอบรัก : เจ้าหญิงขี้อายกับเจ้าชายหูเพี้ยน”