Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานนานาชาติ, วรรณกรรมคลาสสิก

นิทานสะใภ้งูพิษ | นิทานสอนใจสำหรับเด็กและผู้ใหญ่”

“สะใภ้งูพิษ” เป็นนิทานสอนใจที่เรียบเรียงจาก Stribor’s Forest นิทานพื้นบ้านของโครเอเชียที่เขียนโดย Ivana Brlić-Mažuranić นักเขียนหญิงผู้ทรงคุณค่าซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “แอนเดอร์เซนแห่งโครเอเชีย” ผลงานของเธอสะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมพื้นบ้าน ความเชื่อทางศาสนา และคุณค่าทางศีลธรรมที่ลึกซึ้ง

นิทานเรื่องนี้ถูกเรียบเรียงใหม่ในบริบทไทย เพื่อให้ผู้อ่านชาวไทยสามารถเข้าถึงแก่นสารของเรื่องได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาโครงเรื่องและข้อคิดดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงชราผู้เสียสละเพื่อปกป้องลูกชายจากภรรยาผู้มีจิตใจอำมหิต ซึ่งแท้จริงแล้วคือ “………………….”

นิทานนี้ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างวรรณกรรมยุโรปตะวันออกกับภูมิปัญญาไทย เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่แสวงหาความลึกซึ้งของความรักและคุณธรรมในรูปแบบที่เหนือกาลเวลา

กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ มีหญิงชราคนหนึ่งอาศัยอยู่กับลูกชายซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ ทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขในบ้านไม้เล็ก ๆ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม

จนกระทั่งวันหนึ่ง ความสงบสุขของครอบครัวได้ถูกทำลายลง เมื่อลูกชายของหญิงชราพาภรรยากลับมาที่บ้านของพวกเขาหลังจากการเดินทางไกล ชายหนุ่มเล่าให้หญิงชราฟังว่า ระหว่างที่เขาเดินทางไปยังเมืองใหญ่เพื่อซื้อสินค้าและหาโอกาสทางการค้า เขาได้พบสาวสวยผู้นี้ในตลาด เธอดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ผิวขาวเนียน รูปร่างบอบบางราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ดวงตาสีดำสนิทของเธอดูลึกลับน่าค้นหา

หญิงสาวบอกชายหนุ่มว่า ตนเองเป็นลูกสาวของพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่ต้องระหกระเหินมาเพียงลำพังหลังจากที่ครอบครัวของเธอล่มสลาย ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและหลงรักเธอในทันที เขาใช้เวลาไม่นานนักก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับเธอ หลังจากนั้น ก็พากันกลับมาที่บ้าน

หญิงชราได้ยินดังนั้นก็เกิดความกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในสายตาของเธอ หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้มีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนรูปร่างหน้าตาที่ปรากฏ

เมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาในบ้าน เธอได้แสดงความเย่อหยิ่งและความไม่เคารพต่อหญิงชราผู้เป็นแม่สามี แม้ต่อหน้าสามี เธอจะทำตัวอ่อนหวาน แต่เมื่ออยู่ลับหลัง เธอกลับเผยให้เห็นถึงความหยาบกระด้างและไม่แยแสต่อผู้อื่น หญิงสาวมักพูดจาเสียดสีและใช้ถ้อยคำรุนแรงกับหญิงชราอยู่เสมอ หญิงชราอดทนต่อพฤติกรรมเช่นนี้เพราะรักลูกชายมาก แต่เธอเริ่มสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกประหลาดในตัวลูกสะใภ้ ทั้งแววตาอันเย็นชาที่ปรากฏให้เห็นในบางช่วงเวลา และเสียงลมหายใจที่บางครั้งฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูพิษ

วันหนึ่งหญิงชราแอบได้ยินบทสนทนาแปลก ๆ ระหว่างหญิงสาวกับบางสิ่งบางอย่างในป่า เธอจึงตัดสินใจแอบสะกดรอยตามหญิงสาวเข้าไปในป่า จนกระทั่งได้พบว่า หญิงสาวที่ลูกชายแต่งงานด้วยแท้จริงแล้วเป็นงูที่ถูกสาป หญิงชราจึงรีบกลับบ้านและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งป่าสตรีบอร์ เพื่อให้ท่านช่วยปกป้องลูกชายของเธอ

ระหว่างที่หญิงชราเฝ้ารอคอยให้เทพแห่งป่าเมตตาช่วยเหลือ หญิงชราต้องอดทนเฝ้ามองลูกชายหลงสะใภ้งูพิษอย่างหัวปักหัวปำ แม้หญิงชราจะเล่าความจริงเพื่อเตือนลูกชายอยู่หลายครั้ง แต่ลูกชายกลับไม่ฟัง ซ้ำยังกล่าวหาว่าหญิงชราเป็นแม่ที่ใจร้าย

หญิงชรารู้สึกเจ็บปวด แต่เธอก็พยายามอดกลั้นความรู้สึกต่าง ๆ ไว้ โดยไม่เคยคิดทอดทิ้งลูกชายให้อยู่กับสะใภ้งูพิษตามลำพัง

และแล้วคืนหนึ่ง เทพแห่งป่าสตรีบอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นในขณะที่หญิงชรากำลังร้องไห้ด้วยความระทมทุกข์ เทพแห่งป่ามีรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามและงดงามในคราเดียวกัน เทพแห่งป่ามองหญิงชราด้วยความเมตตา เทพแห่งป่าจึงยื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธให้แก่หญิงชราที่อยู่ตรงหน้า

“อย่าทนอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ต่อไปเลย ข้าจะเนรมิตให้เจ้าได้กลับไปสู่วัยเยาว์อีกครั้ง เจ้าจะได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะหญิงสาวที่เต็มไปด้วยพละกำลังและความสุข เจ้าจะลืมความเศร้าทั้งหมด และได้เริ่มต้นใหม่ในโลกที่ปราศจากความทุกข์ระทม”

หญิงชรานิ่งคิดก่อนจะตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน แต่ข้ารักลูกชายของข้า ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปแม้ต้องทนทุกข์ หากข้าละทิ้งความทุกข์นี้เสีย ข้าจะเป็นแม่ได้อย่างไร”

คำตอบนั้นทำให้เทพแห่งป่าพูดกับหญิงชราว่า “เจ้าช่างเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่เสียจริง ความรักของเจ้าทำให้ข้าต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”

ทันใดนั้น ลมที่พัดผ่านต้นไม้ในป่าก็ดังขึ้นราวกับเสียงโหยหวน เทพแห่งป่ายกมือขึ้น แล้วร่ายมนตร์เพื่อปลดเปลื้องความลวงจากร่างของหญิงสาว ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปได้เพียงครู่หนึ่ง หญิงสาวที่นอนหลับอยู่ข้างชายหนุ่มก็สะดุ้งตื่น แล้วทุรนทุรายกลายร่างเป็นงูพิษ จากนั้น งูพิษก็เลื้อยหายเข้าไปในป่าโดยไม่มีวันย้อนกลับมาอีก

ชายหนุ่มที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างต่อหน้าถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวและสำนึกผิดที่เขาไม่เคยฟังคำเตือนของแม่เลย เขาหันไปหามารดาและกอดเธอแน่น “แม่…ข้าขอโทษที่ทำให้แม่ต้องทุกข์ใจ ข้า่มองไม่เห็นความจริงจนเกือบจะสายเกินไป”

หญิงชราลูบหลังลูกชายเบา ๆ และยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกกลับมาแล้ว แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว”

จากนั้น ชายหนุ่มและหญิงชราก็กลับไปใช้ชีวิตในบ้านหลังเล็ก ๆ ของพวกเขาอย่างมีความสุข

แม้ความสงบสุขนี้จะถูกทดสอบด้วยบทเรียนที่ยากลำบาก แต่ทั้งสองก็เรียนรู้ที่จะรักและปกป้องกันและกันมากยิ่งขึ้น

และในป่าสตรีบอร์ เสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้ยังคงดังราวกับเสียงเพลง เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสียสละและความรักอันยิ่งใหญ่ของมารดาที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • ความรักของแม่คือความรักที่ยิ่งใหญ่
  • รูปลักษณ์อาจหลอกสายตา แต่จิตใจจะเปิดเผยความจริงเสมอ

………………………