Posted in #นิทานตลก, นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจ

บทสวดหนู – นิทานญี่ปุ่นก่อนนอนแสนสนุก

“บทสวดหนู” (ねずみきょう – Nezumi-kyō) เป็นนิทานพื้นบ้านจากประเทศญี่ปุ่นที่เล่าต่อกันมาในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในหมู่บ้านชนบทที่มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและชินโต เรื่องราวของคุณยายผู้ศรัทธาในศาสนา แม้ไม่รู้บทสวดมนต์ ก็ยังตั้งใจภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จนวันหนึ่งได้พบพระหลงทางที่จำบทสวดไม่ได้ จึงสวดมนต์ด้นสดโดยใช้เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นแรงบันดาลใจ กลายเป็นบทสวดแปลก ๆ ที่ฟังดูขบขันแต่กลับมีพลังปกป้องคุณยายจากภัยร้ายอย่างเหลือเชื่อ

จุดเด่นของนิทานเรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างอารมณ์ขันและความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ ตัวละครมีความน่ารักและมีมิติ โดยเฉพาะคุณยายที่แม้จะไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง แต่กลับมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความตั้งมั่นและเมตตา บทสวดที่ดูไร้สาระในสายตาของบางคน กลับกลายเป็นเครื่องป้องกันภัยจากโจรผู้ไม่รู้จักธรรมะ เป็นการสะท้อนว่า “ศรัทธา” ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ความจริงใจและความตั้งใจในการปฏิบัติ

ในฉบับภาษาไทยที่เรียบเรียงใหม่นี้ ได้มีการเพิ่มเติมสีสันของภาษาและอารมณ์ขันให้เหมาะกับผู้อ่านไทย โดยยังคงเคารพโครงเรื่องและเจตนารมณ์ของนิทานต้นฉบับอย่างเคร่งครัด การใช้ภาษาสวดมนต์แบบด้นสดที่มีจังหวะและเสียงที่ฟังแล้วขบขัน ช่วยให้เด็ก ๆ และผู้ใหญ่สามารถเข้าถึงเรื่องราวได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ผู้อ่านได้หัวเราะและไตร่ตรองไปพร้อมกัน นิทานเรื่องนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอ่านในครอบครัว หรือใช้เป็นสื่อเสริมสร้างคุณธรรมในห้องเรียน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ บนภูเขาตามลำพัง คุณยายเป็นคนที่เลื่อมใสในศาสนามาก ทุกเย็น คุณยายจะนั่งพนมมืออยู่ที่หน้าหิ้งพระ ทั้ง ๆ ที่คุณยายไม่รู้จักบทสวดมนต์เลยแม้สักนิด

วันหนึ่ง มีพระ (ในศาสนาชินโต) รูปหนึ่งหลงทางผ่านมาและกำลังลำบาก พระจึงเอ่ยปากขออาศัยที่บ้านของคุณยายหนึ่งคืน เพราะการเดินทางบนภูเขาในยามดึกคงเป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป

คุณยายนิมนต์พระเข้ามาในบ้านด้วยความยินดี จากนั้น คุณยายก็ขอให้พระ ช่วยสอนถ้อยคำในบทสวดมนต์ให้คุณยายได้รู้

พระหลงทางรูปนั้นเป็นผู้บวชที่มีนิสัยเกียจคร้าน ไม่ใส่ใจการภาวนาหรือกิจของพระสงฆ์อย่างที่ควรปฏิบัติ พระหลงทางจึงจำบทสวดไม่ได้ ดังนั้น พระหลงทางจึงต้องทำทีไปนั่งที่หน้าหิ้งพระ แล้วหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ในขณะนั้น พระหลงทางมองเห็นหนูตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากรูที่ผนังบ้าน พระหลงทางจึงแสร้งสวดมนต์ออกมาด้วยสำเนียงการสวดแบบโบราณที่ยานคางแต่เข้มขลังว่า “นะ…..โม…..ตัส….สะ….หนู…มา…ทำ….ไม…น่ะ”

ทันใดนั้น หนูตัวที่สองก็โผล่ออกมาอีก พระจึงสวดมนต์ต่อไปว่า “ทุติ ยัมปิ นะ….โม…..ตัส…..สะ…. มา….อีก…..แล้ว……น่ะ”

ฉับพลัน หนูตัวที่สามก็โผล่ออกมาอีก พระหลงทางจึงสวดมนต์ต่อไปว่า “ตติ ยัมปิ นะ…..โม…..ตัส……สะ…. นั่นแน่….ยัง…..มา…..อีก…..น่ะ ”

เมื่อท่องบทสวดมนต์จบ 3 รอบ พระหลงทางต้องการไล่หนูเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐาน พระจึงตะคอกเสียงดังว่า “ไป ๆ อย่าหาทำ อย่าก่อกรรม จำขึ้นใจ สา……ธุ สา….ธุ สา…..ธุ”

พระหลงทางกำชับให้คุณยายสวดมนต์ตามนี้ คุณยายดีใจที่ได้รู้บทสวดมนต๋เสียที หลังจากพระลาจากไปแล้ว คุณยายจึงท่องบทสวดมนต์ทุกวันทั้งเช้าและเย็นเมื่อมาอยู่ที่หน้าหิ้งพระ

เย็นวันหนึ่ง มีโจร 3 คนแอบย่องเข้ามาที่บ้านของคุณยาย ซึ่งในขณะนั้น คุณยายกำลังท่องบทสวดมนต์อยู่ที่หน้าหิ้งพระอยู่พอดี

เมื่อโจรคนแรกชะโงกเข้าไปดูและเห็นยายนั่งหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่ จู่ ๆ คุณยายที่กำลังสวดมนต์ก็เปล่งเสียงออกมาเป็นทำนองสวดซึ่งฟังดูแปลกหูและน่ากลัวสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยว่า ” “นะ….โม….. ตัส….สะ…. หนู…มา…ทำ….ไม…น่ะ”

โจรทั้งแปลกใจทั้งตกใจ เขาไม่แน่ใจว่ายายที่หันหลังอยู่พูดว่าอะไร แต่ในขณะที่โจรคนที่สองชะโงกหน้าเข้ามา คุณยายก็เปล่งเสียงออกมาพอดีว่า “ทุติ ยัมปิ นะ….โม…..ตัส…..สะ…. มา….อีก…..แล้ว……น่ะ”

โจรทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ และเมื่อโจรคนที่สามชะโงกหน้าเข้ามา คุณยายก็เปล่งเสียงออกมาพอดีว่า “ตติ ยัมปิ นะ…..โม…..ตัส……สะ…. นั่นแน่…..ยัง…..มา…..อีก…..น่ะ ”

โจรทั้งสามคนตกใจและคิดปรุงแต่งไปว่า ยายแก่ที่อาศัยในบ้านบนภูเขาตามลำพังคนนี้ คงไม่ใช่คนแน่ ๆ เพราะดูเหมือนว่ายายจะมี “ตาที่สาม” อยู่ที่ด้านหลัง ทำให้เห็นว่าใครเข้ามาในบ้านบ้าง

ในขณะที่โจรทั้งสามกำลังตื่นกลัวกันอยู่นั้น คุณยายก็สวดมนต์ตามที่พระสอน โดยตะคอกเสียงดังว่า “ไป ๆ อย่าหาทำ อย่าก่อกรรม จำขึ้นใจ”

เมื่อโจรทั้งสามได้ฟัง พวกโจรก็ตกใจจนขาสั่น จากนั้น โจรทั้งสามก็พากันวิ่งหนีออกจากบ้านของคุณยายไปแบบไม่คิดชีวิต

ฝ่ายคุณยายซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อท่องบทสวดตามที่พระสอนแล้ว คุณยายก็ปิดท้ายการสวดมนต์อย่างอิ่มใจว่า “สา……ธุ สา….ธุ สา…..ธุ” และแล้ว เรื่องราวของคุณยายและบทสวดมนต์แปลก ๆ นี้ ก็จบลงด้วยดี

ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้

  • ศรัทธาที่บริสุทธิ์ แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็สามารถปกป้องและนำพาสิ่งที่ดีงามมาสู่ชีวิตได้
  • ความกลัว มักเกิดจากการคิดและปรุงแต่งไปเกินความจริง