“ดอกไม้ในหัวใจ” เป็นนิทานก่อนนอนเรื่องยาว ๆ เรื่องแรก ๆ ที่ผมแต่งลงในนิตยสาร “ขวัญเรือน” ผมจำได้ว่า ภาพแรกที่จุดประกายจินตนาการให้เกิดนิทานเรื่องนี้ มาจากการได้เห็นภาพประกอบหนังสือเด็กเรื่องหนึ่ง ที่เด็กในเรื่องมีดอกไม้งอกขึ้นมาจากศีรษะ แค่ภาพนั้นภาพเดียว ทำให้ผมนึกสนุก อยากแต่งนิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับดอกไม้ที่งอกขึ้นมาจากศีรษะบ้าง ผมจึงค่อย ๆ คิดเนื้อเรื่อง จนได้เป็นนิทานที่เชื่อว่าคุณ ๆ ต้องชอบเรื่องนี้ และเมื่ออ่านนิทานจบแล้ว ผมอยากบอกทุก ๆ คนว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายใด ๆ ในชีวิต ก็อย่าลืมดอกไม้ในหัวใจของเรานะครับ เพราะไม่วันใดก็วันหนึ่ง หากเราไม่ลืมดอกไม้ในหัวใจ ดอกไม้จะงอกงามและสร้างความสดชื่นให้กับชีวิตของเราได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

นิทานก่อนนอนเรื่องยาว ๆ : ดอกไม้ในหัวใจ
กาลครั้งหนึ่งในคืนที่ร้อนอบอ้าว พระราชาผู้แสนดีทรงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำโดยเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้เพื่อให้สายลมช่วยคลายความร้อนลงไปบ้าง
พระราชาผู้น่าสงสารไม่รู้เลยว่า การเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้ในยามค่ำคืนเป็นการเปิดช่องให้พ่อมดใจร้ายแอบลอบเข้ามายังห้องนอนของพระองค์ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งก่อนที่พระองค์จะทันรู้ตัว พ่อมดก็จับพระราชาเข้าไปขังไว้ในขวดเวทมนตร์และแปลงร่างปลอมตัวเป็นพระองค์ไปเสียแล้ว
แม้พ่อมดจะมีเวทมนตร์อันร้ายกาจ แต่มันกลับมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…มันกลัวดอกไม้! เมื่อใดก็ตามที่พ่อมดเห็นดอกไม้ เวทมนตร์และร่างกายก็จะสลายไปสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง พ่อมดในร่างของพระราชาจึงสั่งให้ทหารจัดการถางทำลายดอกไม้ทุกดอกจนไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ซาก นอกจากนี้ พ่อมดยังสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดแอบปลูกดอกไม้โดยเด็ดขาด ซึ่งหากใครฝ่าฝืน คน ๆ นั้นก็จะต้องได้รับโทษถึงแก่ชีวิต
เมื่อในเมืองไม่มีดอกไม้ พ่อมดจึงใช้อำนาจของมันได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก พ่อมดเริ่มใช้อำนาจในฐานะพระราชาตัวปลอมโดยบังคับให้ผู้คนออกไปทำงานในเหมืองทองที่ร้อนระอุ
พ่อมดบังคับให้ทุกๆ คนทำงานทั้งวันทั้งคืน…ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก, ผู้หญิงและคนแก่ พ่อมดไม่สนใจเลยว่าผู้คนจะรู้สึกอย่างไรหรือเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน มันคิดเพียงอย่างเดียวว่ามันต้องกอบโกยทองคำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นับจากวันนั้น ชีวิตของชาวเมืองต่างก็เลวร้ายลงเรื่อย ๆ ความเหนื่อยและความท้อแท้ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจนทำให้ชาวเมืองบางคนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ พระราชาผู้แสนดีและดอกไม้ที่หอมสดชื่นกลายเป็นเพียงตำนานที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีก ชาวเมืองแต่ละคนต้องทนมีชีวิตอยู่อย่างไร้ซึ่งความหวัง
อย่างไรก็ตาม แม้พ่อมดจะทำลายดอกไม้ไปจนหมด แต่ไม่มีใครสามารถลบภาพดอกไม้ที่ประทับอยู่ในหัวใจของมนุษย์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเด็กน้อยคนหนึ่งมานั่งพักและหลับตานึกถึงความงามของดอกไม้ที่ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจของเขา จู่ ๆ ดอกไม้ที่เขานึกถึงก็ค่อย ๆ งอกขึ้นมาบนศีรษะและผลิบานเป็นดอกไม้แสนสวยได้อย่างน่าอัศจรรย์
ชาวเมืองต่างดีใจที่ได้เห็นดอกไม้บนศีรษะของเด็กน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ทุกๆ คนก็กลัวว่าเด็กน้อยอาจถูกพระราชาลงโทษสถานหนัก ดังนั้น ชาวเมืองจึงช่วยกันปกปิดสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น โดยวางแผนให้เด็กน้อยสวมหมวกเพื่ออำพรางดอกไม้ไม่ให้ทหารของพระราชาสังเกตเห็น
หลังจากวันนั้น ความงดงามของดอกไม้เพียงดอกเดียวก็ช่วยเยียวยาให้ชาวเมืองกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ทำให้หัวใจของทุกคนเบิกบานสดชื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
ในเช้าวันหนึ่ง เมื่อชาวเมืองตื่นขึ้นมาหลังจากหลับฝันถึงเรื่องราวของดอกไม้แสนสวยที่เคยมีอยู่ ดอกไม้ต่างๆ ที่พวกเขาฝันถึงก็กลับงอกขึ้นมาบนศีรษะของพวกเขาคนละต้นสองต้น ชาวเมืองทั้งดีใจและประหลาดใจมาก แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เกรงภัยจากพระราชาผู้เกลียดดอกไม้ด้วย ชาวเมืองจึงพร้อมใจกันสวมหมวกเพื่อปกปิดดอกไม้ของพวกเขาเอาไว้เป็นความลับ
แม้ชาวเมืองจะพยายามซ่อนดอกไม้เอาไว้ใต้หมวก แต่ความลับไม่มีในโลก อยู่มาวันหนึ่ง เหล่าทหารที่ควบคุมการขุดทองก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติและสงสัยว่าเพราะเหตุใดชาวเมืองจึงพร้อมใจกันสวมหมวกทรงสูง มิหนำซ้ำ ยังเปลี่ยนหมวกที่ใช้ให้สูงขึ้นทุกๆ วันอีกด้วย
เมื่อทหารเกิดความสงสัย พวกเขาจึงขอให้ชาวเมืองทุกคนถอดหมวกออกมาให้ดู ซึ่งเมื่อชาวเมืองถอดหมวก สิ่งที่เหล่าทหารได้พบก็คือดอกไม้แสนสวยที่บานสะพรั่งอยู่บนศีรษะของชาวเมืองนั่นเอง
แทนที่เหล่าทหารจะจัดการส่งตัวชาวเมืองไปให้พระราชาตัดสินโทษ ทหารทุกคนกลับพร้อมใจกันที่จะปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะจริง ๆ แล้ว ทหารทุกคนดีใจมากที่ได้เห็นดอกไม้อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาต้องจำใจทำลายดอกไม้ตามคำสั่งของพระราชา
ทหารทุกคนมองดอกไม้อย่างมีความสุข และเพียงชั่วครู่เดียว ดอกไม้ก็ค่อย ๆ งอกขึ้นมาบนศีรษะของทหารทั้งหลายอย่างน่าพิศวง
เมื่อถึงวันส่งมอบทองคำให้แก่พระราชา พ่อมดในร่างของพระราชาแปลกใจมากที่เห็นเด็กน้อย, ชาวเมืองและเหล่าทหารซึ่งมารวมตัวกันอยู่ในท้องพระโรงต่างพากันสวมหมวกทรงสูงเหมือน ๆ กันไปหมด พ่อมดสงสัยว่าคนเหล่านี้อาจจะกำลังวางแผนร้ายและแอบซ่อนอาวุธหรือยักยอกทองคำเอาไว้ใต้หมวก ดังนั้นพ่อมดจึงบังคับให้ทุกๆ คนถอดหมวกออกมาให้ดู
แม้ว่าเด็กน้อย, ชาวเมืองและเหล่าทหารจะไม่อยากถอดหมวกเพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของพระราชาใจร้าย ด้วยเหตุนี้ เมื่อทุก ๆ คนจำใจถอดหมวกออกมาพร้อม ๆ กัน ทั่วทั้งท้องพระโรงจึงสวยสะพรั่งไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ซึ่งส่งผลให้เวทมนตร์และร่างกายของพ่อมดใจร้ายมลายหายไปก่อนที่มันจะทันตั้งตัว
เมื่อพ่อมดสิ้นฤทธิ์ พระราชาตัวจริงจึงได้รับการปลดปล่อยออกจากขวดเวทมนตร์ พระราชาทรงขอบใจประชาชนทุก ๆ คนที่ช่วยทำให้พระองค์หลุดพ้นจากคำสาปของพ่อมดใจร้าย ส่วนประชาชนต่างก็ดีใจที่พระราชาตัวจริงได้กลับมาเป็นมิ่งขวัญของพวกเขาเหมือนดังเดิม
เมื่อเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งหมดยุติลง ดอกไม้ที่งอกงามอยู่บนศีรษะของชาวเมืองทุก ๆ คนก็ปลิดปลิวตามสายลมไปตกยังที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง หลังจากนั้นไม่นาน เมืองที่ผู้คนมีดอกไม้ในหัวใจกลับมาสวยงามและสดชื่นด้วยดอกไม้อีกครั้ง
#นิทานนำบุ
………………
